สวีดัด สวัสดีค่ะเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน
กระทู้นี้เป็นกระทู้ของนักศึกษาครูคนหนึ่งที่ชื่นชอบการออกค่ายอาสาเป็นชีวิตจิตใจ และพร้อมที่จะมาแบ่งปันเรื่องราวของการออกค่ายล่าสุดของเธอนั่นก็คือ...
ค่ายครูบ้านนอก รุ่นที่212 ณ ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยกุ๊ก ต.ปอ อ.เวียงแก่น จ.เชียงราย
ว่ากันว่าความสุขของคนเราเกิดจากเรื่องราวที่แตกต่างกัน บางคนมีความสุขจากการกิน บางคนมีความสุขจากการได้ออกไปท่องเที่ยว เช่นกันเราก็มีความสุขจากการได้ออกไปทำค่าย โดยเฉพาะค่ายที่อยู่บนดอยและถิ่นทุรกันดาน ^^
ขอย้อนกลับไปสมัยที่เราอยู๋ปี1 เราได้กดถูกใจให้เพจครูบ้านนอกและเราก็สนใจอยากจะไปมากๆ ซึ่งโครงการครูบ้านนอกเนี่ยเป็นหนึ่งในโครงการของมูลนิธิกระจกเงา แต่เนื่องจากการที่จะไปค่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้วตอนนั้นเราพึ่งขึ้นปี1 และไม่ได้มีเงินอะไรมากนักเราเลยไม่ได้ไป และเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันนี้ ตอนนี้เราเรียนปี4แล้ว พอจะมีเงินที่ได้จากการสอนพิเศษอยู่บ้าง และเงินเดือนจากที่แม่ให้ เราไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วเราเลยรีบสมัครและจ่ายเงินอย่างไม่ลังเล และได้ชวนเพื่อนมาด้วยคนนึง เป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันนาน #ชวนกันไปเป็นครู
11 ตุลาคม 2561
ในวันนี้เองเราก็ได้เก็บกระเป๋าเพื่อที่จะเดินทาง มีกระเป๋าเป้ใบใหญ่หนึ่งใบ กับกระเป๋าใส่สื่อการสอนหนึ่งใบพะรุงพะรังมากตอนนั้น พอได้เวลาเราก็โทรเรียกวินมารับที่หอเพื่อไปต่อแท็กซี่ แต่ยังไปไม่ถึงไหนเรานึกขึ้นได้ว่าเราลืมตั๋ว (เอาของไปทุกอย่าง ยกเว้นตั๋วรถ) เอาละจ้าาาาา สนุกตั้งแต่ตอนเริ่มกันเลยทีเดียว เราก็เลยโทรบอกให้เพื่อนเอามาให้ พอได้ตั๋วเราก็นั่งแท็กซี่ (เราบอกให้แท็กซี่พาขึ้นทางด่วน แต่แท็กซี่ไม่พาขึ้น) ทีแรกถนนโล่งมาก แต่หลังๆ โอ้โหหหหหหหหหห รถติด จนสุดท้ายเราก็ไปไม่ทันรถทัวร์ เฉียดแค่แป๊บเดียว นี่เราตกรถแล้วนะ ทำยังไงดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เราตั้งใจที่จะไปค่ายนี้มากๆ แล้วรถรอบอื่นก็เต็มหมดแล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคืออยากจะร้องไห้สุดๆ เราก็โทรหาพี่ที่ไปค่ายด้วยกันชื่อพี่มด ตอนนั้นยังไม่เคยเจอหน้ากันเลย แต่พี่เค้าใจดีมากช่วยคุยกับแอร์บัสและโซเฟอร์ให้(ชึ้นรถคันเดียวกัน) เราก็นั่งวินตามเลยจ้า ไกลมาก(ก.ไก่ล้านตัว) จากบขส.จนถึงดอนเมืองอ่ะคิดดู พี่วินก็คิดค่ารถกับเราสามร้อย แต่ตอนนั้นมีไม่ถึง พี่วินบอกว่าเอาเท่าไหร่ก็ได้ เราเลยให้หมดกระเป๋า ประมาณสองร้อยกว่าบาท ตอนนั้นซึ้งใจมาก ในที่สุดเราก็ขึ้นรถทันแล้ว ฮรืออออ น้ำตาจะไหล
12 ตุลาคม 2561
พอมาถึงก็เจอกับครูอาสาที่มานั่งรอกันบ้างแล้ว ทุกคนต่างก็จัดการตัวเองในตอนเช้า ล้างหน้าแปรงฟัน และตอนนี้เรายังไม่รู้จักใครเลย แต่ด้วยความเป็นมนุษย์ที่มีความเฟรนลี่ระดับล้านแปดก็เข้าไปทักทายคนอื่นๆก่อน และคำทักทายที่ได้กลับมา อ๋อ น้ำอ้อยที่ตกรถเมื่อคืนใช่มั้ย 5555555 จ้า หนูเอง
ไม่นานเจ้าหน้าที่ทางมูลนิธิกระจกเงา (พี่ต้นซุง&น้องปั้นฝัน)ก็ได้มาเช็คชื่อและเราทุกคนก็นั่งรถสองแถวสีฟ้าไปปฐมนิเทศน์ที่จุดรวมตัว เราทุกคนก็ได้มาลงทะเบียน เขียนป้ายชื่อ รับของที่ระลึก(นกหวีดดินเผา) และทำความรู้จักกับมูลนิธิกระจกเงา ว่าเขาทำอะไรบ้าง และตอนนี้ก็จะมีครูสายลมที่เป็นคนนำนันทนาการ ละลายพฤติกรรม ทำให้เหล่าครูบ้านนอกที่มาจากคนละที่ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นเกมที่เราเคยผ่านมาแล้ว แต่เรากลับรู้สึกสนุกและตื่นเต้นดี เพราะคนที่มาร่วมกิจกรรมกับเรานั้นเปลี่ยนไป พวกเขาเป็นคนแปลกหน้า เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้
และวันนี้นี่เองที่ได้ทำการแบ่งกลุ่มเพื่อสอนนักเรียน และเป็นกลุ่มที่จะทำกิจกรรมร่วมกันในทุกๆอย่างตลอดค่ายนี้ และจับคู่รูมเมท (ต่อให้มาด้วยกัน ก็ใช่ว่าจะได้นอนบ้านหลังเดียวกันนะจ้ะ แยกจ้าแยก) ส่วนกลุ่มที่เราได้นั้นมี9คน (เจ้นิ่ม เจ้บาส พี่พัท พี่เจน พี่พิงค์ เรา เต็ง พลอย น้องวิว) และชื่อของกลุ่มเราคือ นกเขา ที่ได้มาจากพี่พัทหนุ่มหน้ามนคนหน้าโหดของเรานี่เอง
ปฐมนิเทศน์เสร็จ เราก็ไปกินข้าวเที่ยงและพร้อมออกเดินทาง โดยรถสองแถวสีฟ้าเจ้าเก่าเจ้าเดิมแห่งเมืองเชียงของ ตอนนี้เราเปลี่ยนมานั่งหน้า เพราะแน่นอนว่าเราจะได้เห็นวิวภูเขาได้แบบเต็มๆตา และนอกจากนี้ยังได้ฟังเรื่องราวจากปากของคนในพื้นที่ นั่นก็คือคุณลุงคนขับรถของเรานี่เอง ลุงชื่อลุงอินเนตร์เป็นทหารเก่าชนเผ่าลื้อ พูดภาษาลื้อและลุงก็พูดกำเมืองได้ด้วย ลุงเป็นคนใฝ่รู้และมีความรู้เยอะมาก เวลาฟังลุงเล่าแล้วรู้สึกลุงเป็นแบบอย่างที่ดีมาก ลุงก็เล่าประวัติของชนเผ่าให้ฟังไปเรื่อยๆ ลมเย็นๆ ฟังเพลินๆ และยังทำให้รู้อีกว่า ผลไม้ขึ้นชื่อของเวียงแก่นคือ ส้มโอ นั่นเองเจ้า
และแล้วเวลาที่ครูอาสาทุกคนรอคอยก็มาถึง นั่นก็คือการเดินทางไปยังโรงเรียนที่เราจะไปสอน พอทุกคนลงจากรถได้ก็รีบเดินกันอย่างตั้งใจเพื่อที่จะได้ถึงโรงเรียนเร็วๆ ส่วนเรากับพี่ขวัญนั้นยังคงสุขใจกับวิวข้างทาง ถ่ายรูปกันเพลินเชียว ทุกคนดูจากรูปนะ ภูเขารายล้อม มีทุ่งข้าวสีเขียวที่กำลังออกรวง อากาศคือกำลังพอดีไม่ได้ร้อนมาก อากาศบริสุทธิ์ที่สุด แล้วเรายิ่งเป็นคนที่หลงรักความมีเสน่ห์ของภูเขาอยู่แล้ว เจอแบบนี้เขาไป ตายอย่างสงบ ศพสีชมพูเลยจ้า
เดินตอนแรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ พอเริ่มเดินไปเรื่อยๆ ทางก็ยิ่งชันขึ้น ชันขึ้น โอ้โห คือก่อนจะมามีแต่กินกับนอน ไม่ได้ออกกำลังกายเลยจ้า ทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น เหนื่อยหอบตลอดเส้นทางสิคะ 5555 แต่คือรู้สึกดีมากที่พี่ๆ ชวนคุยตลอดเส้นทาง คอยถามว่าไหวมั้ย โอเคหรือเปล่า ไม่ไหวก็นั่งพักด้วยกัน หยิบยื่นยาดมให้ แล้วพีคคือพี่พรกับพี่เอ็กซ์พกน้ำที่ใส่น้ำแข็งมาด้วย มีแค่ขวดเล็กๆ แต่ก็ยังมีน้ำใจเทแบ่งให้เรากิน มันชื่นใจมากอ่ะทุกคน ประทับใจตั้งแต่เริ่มเดินทางกันเลยทีเดียว
และคนที่เดินกับเรามาตั้งแต่แรกคือพี่ขวัญ ทีแรกจำกันไม่ได้แต่คุ้นหน้ามาก มันบังเอิญที่เราสองคนเคยไปออกค่ายด้วยกันมาแล้ว เห็นมั้ยว่า คนที่ชื่นชอบอะไรคล้ายๆกัน สุดท้ายก็ได้กลับมาเจอกันอีก และที่พีคกว่าคือเราคิดว่าเดินต่อไปคงไม่ไหวแน่ พอเห็นรถชาวบ้านผ่านมา (รถยนต์) เราโบกเลยจ้า เราขึ้น พี่ๆคนอื่นๆก็ขึ้น แต่พี่ขวัญไม่ขึ้น เรารู้สึกผิดมาก รู้สึกเหมือนทิ้งพี่ขวัญไว้กลางทาง ฮรืออออออ
นี่แค่เริ่มต้นนะ ยังยาวขนาดนี้ 555555 เรื่องราวทุกอย่างตัวหนังสือทุกตัวที่เราพิมพ์ออกมานี้ เราอยากจะเก็บไว้เป็นความทรงจำ กลับมาอ่านครั้งใดก็คงรู้สึกประทับใจและคงคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และทุกๆคนที่เราพูดถึงเขาคือส่วนหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดอีกหนึ่งในความทรงจำของเรา #เราอินกับอะไรแบบนี้ #ครูบ้านนอก #รุ่น212 #ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยกุ๊ก
ครูบ้านนอกรุ่น212: ห้วยกุ๊กจ๋าพี่มาแล้ว
ขอย้อนกลับไปสมัยที่เราอยู๋ปี1 เราได้กดถูกใจให้เพจครูบ้านนอกและเราก็สนใจอยากจะไปมากๆ ซึ่งโครงการครูบ้านนอกเนี่ยเป็นหนึ่งในโครงการของมูลนิธิกระจกเงา แต่เนื่องจากการที่จะไปค่ายต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้วตอนนั้นเราพึ่งขึ้นปี1 และไม่ได้มีเงินอะไรมากนักเราเลยไม่ได้ไป และเวลาก็ผ่านมาจนถึงวันนี้ ตอนนี้เราเรียนปี4แล้ว พอจะมีเงินที่ได้จากการสอนพิเศษอยู่บ้าง และเงินเดือนจากที่แม่ให้ เราไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วเราเลยรีบสมัครและจ่ายเงินอย่างไม่ลังเล และได้ชวนเพื่อนมาด้วยคนนึง เป็นเพื่อนสนิทสมัยมัธยมที่ไม่ได้เจอกันนาน #ชวนกันไปเป็นครู
ไม่นานเจ้าหน้าที่ทางมูลนิธิกระจกเงา (พี่ต้นซุง&น้องปั้นฝัน)ก็ได้มาเช็คชื่อและเราทุกคนก็นั่งรถสองแถวสีฟ้าไปปฐมนิเทศน์ที่จุดรวมตัว เราทุกคนก็ได้มาลงทะเบียน เขียนป้ายชื่อ รับของที่ระลึก(นกหวีดดินเผา) และทำความรู้จักกับมูลนิธิกระจกเงา ว่าเขาทำอะไรบ้าง และตอนนี้ก็จะมีครูสายลมที่เป็นคนนำนันทนาการ ละลายพฤติกรรม ทำให้เหล่าครูบ้านนอกที่มาจากคนละที่ได้ทำความรู้จักกันมากขึ้น ถึงแม้จะเป็นเกมที่เราเคยผ่านมาแล้ว แต่เรากลับรู้สึกสนุกและตื่นเต้นดี เพราะคนที่มาร่วมกิจกรรมกับเรานั้นเปลี่ยนไป พวกเขาเป็นคนแปลกหน้า เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้
และวันนี้นี่เองที่ได้ทำการแบ่งกลุ่มเพื่อสอนนักเรียน และเป็นกลุ่มที่จะทำกิจกรรมร่วมกันในทุกๆอย่างตลอดค่ายนี้ และจับคู่รูมเมท (ต่อให้มาด้วยกัน ก็ใช่ว่าจะได้นอนบ้านหลังเดียวกันนะจ้ะ แยกจ้าแยก) ส่วนกลุ่มที่เราได้นั้นมี9คน (เจ้นิ่ม เจ้บาส พี่พัท พี่เจน พี่พิงค์ เรา เต็ง พลอย น้องวิว) และชื่อของกลุ่มเราคือ นกเขา ที่ได้มาจากพี่พัทหนุ่มหน้ามนคนหน้าโหดของเรานี่เอง
ปฐมนิเทศน์เสร็จ เราก็ไปกินข้าวเที่ยงและพร้อมออกเดินทาง โดยรถสองแถวสีฟ้าเจ้าเก่าเจ้าเดิมแห่งเมืองเชียงของ ตอนนี้เราเปลี่ยนมานั่งหน้า เพราะแน่นอนว่าเราจะได้เห็นวิวภูเขาได้แบบเต็มๆตา และนอกจากนี้ยังได้ฟังเรื่องราวจากปากของคนในพื้นที่ นั่นก็คือคุณลุงคนขับรถของเรานี่เอง ลุงชื่อลุงอินเนตร์เป็นทหารเก่าชนเผ่าลื้อ พูดภาษาลื้อและลุงก็พูดกำเมืองได้ด้วย ลุงเป็นคนใฝ่รู้และมีความรู้เยอะมาก เวลาฟังลุงเล่าแล้วรู้สึกลุงเป็นแบบอย่างที่ดีมาก ลุงก็เล่าประวัติของชนเผ่าให้ฟังไปเรื่อยๆ ลมเย็นๆ ฟังเพลินๆ และยังทำให้รู้อีกว่า ผลไม้ขึ้นชื่อของเวียงแก่นคือ ส้มโอ นั่นเองเจ้า
และแล้วเวลาที่ครูอาสาทุกคนรอคอยก็มาถึง นั่นก็คือการเดินทางไปยังโรงเรียนที่เราจะไปสอน พอทุกคนลงจากรถได้ก็รีบเดินกันอย่างตั้งใจเพื่อที่จะได้ถึงโรงเรียนเร็วๆ ส่วนเรากับพี่ขวัญนั้นยังคงสุขใจกับวิวข้างทาง ถ่ายรูปกันเพลินเชียว ทุกคนดูจากรูปนะ ภูเขารายล้อม มีทุ่งข้าวสีเขียวที่กำลังออกรวง อากาศคือกำลังพอดีไม่ได้ร้อนมาก อากาศบริสุทธิ์ที่สุด แล้วเรายิ่งเป็นคนที่หลงรักความมีเสน่ห์ของภูเขาอยู่แล้ว เจอแบบนี้เขาไป ตายอย่างสงบ ศพสีชมพูเลยจ้า
เดินตอนแรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ พอเริ่มเดินไปเรื่อยๆ ทางก็ยิ่งชันขึ้น ชันขึ้น โอ้โห คือก่อนจะมามีแต่กินกับนอน ไม่ได้ออกกำลังกายเลยจ้า ทายสิว่าเกิดอะไรขึ้น เหนื่อยหอบตลอดเส้นทางสิคะ 5555 แต่คือรู้สึกดีมากที่พี่ๆ ชวนคุยตลอดเส้นทาง คอยถามว่าไหวมั้ย โอเคหรือเปล่า ไม่ไหวก็นั่งพักด้วยกัน หยิบยื่นยาดมให้ แล้วพีคคือพี่พรกับพี่เอ็กซ์พกน้ำที่ใส่น้ำแข็งมาด้วย มีแค่ขวดเล็กๆ แต่ก็ยังมีน้ำใจเทแบ่งให้เรากิน มันชื่นใจมากอ่ะทุกคน ประทับใจตั้งแต่เริ่มเดินทางกันเลยทีเดียว
นี่แค่เริ่มต้นนะ ยังยาวขนาดนี้ 555555 เรื่องราวทุกอย่างตัวหนังสือทุกตัวที่เราพิมพ์ออกมานี้ เราอยากจะเก็บไว้เป็นความทรงจำ กลับมาอ่านครั้งใดก็คงรู้สึกประทับใจและคงคิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา และทุกๆคนที่เราพูดถึงเขาคือส่วนหนึ่งในความทรงจำที่ดีที่สุดอีกหนึ่งในความทรงจำของเรา #เราอินกับอะไรแบบนี้ #ครูบ้านนอก #รุ่น212 #ศูนย์การเรียนตำรวจตระเวนชายแดนบ้านห้วยกุ๊ก