บันทึกรัสเซีย วันที่ 6 วันอังคารที่ 25 กันยายน 2561

หลับสบาย มาตื่นอีกทีที่เซนต์ปีเตอร์เบิร์ก เจออุณหภูมิ 5 องศา โอ้โห . . . แต่ละคนนี่ ไปไม่เป็นเลยทีเดียว พออกจากสถานีได้ก็แยกย้ายหาที่พักก่อนเพราะหนาวมากจริง ๆ เครื่องกันหนาวที่เตรียมไปเอาไม่ไหวเลย น้องปอจองที่พักได้ใกล้ ของเราเดินไปอีกประมาณครึ่งกิโล จะบอกว่าที่พักที่นี่จะซับซ้อนนิดนึง ต้องสังเกตดี ๆ จึงจะเห็นทางเข้า ยิ่งไม่ค่อยรู้จักที่ทางบ้านเมืองเค้า GPS จึงเป็นที่พึ่งของพวกเราเลย แม้มันจะงง งง พาหลงบ้างในบางครั้ง แต่ดีกว่าไม่มีเลยเนอะ แต่ App ที่ช่วยชีวิตได้จริง ๆ เลย และที่ขาดไม่ได้จริง ๆ คือ Google แปล และ Yendex Metro Backpack รัสเซียมือใหม่ต้องโหลดติดเครื่องไว้เลย ไม่งั้นน่าจะเอาชีวิตรอดยาก บอกเลย


ตัดภาพกลับมาที่ที่พัก พอหาเจอแล้วก็มีปัญหาว่ามันยังเช้า เพราะรถไฟมาถึงประมาณ 8 โมงเช้า เหมือนกับไปปลุกคนเฝ้า ซึ่งเค้าก็ไม่มีมนุษย์สัมพันธ์เอาซะเลย หน้าหงิกเชียว ทำท่าแบบไม่อยากคุย ไม่อยากยุ่งด้วย จนรู้สึกว่าไม่อยากพักที่นี่แล้ว แย่มาก ๆ คุยกันกว่าจะรู้เรื่องกินเวลาไปเยอะ สุดท้ายเลยได้ฝากกระเป๋าไว้ แล้วก็ออกมาเจอน้องปอที่ Metro  ซึ่ง Metro ที่นี่แตกต่างจากที่มอสโคว เพราะที่นี่ใช้บัตรร่วมกันไม่ได้ เลยต้องซื้อคนละใบ ประกอบกับการดูเส้นทางการเที่ยว ไม่น่าใช้รถไฟฟ้ามากนัก จึงตัดสินใจซื้อแบบ 10 เที่ยว ตกเที่ยวละ 40 รูเปิ้ล แพงกว่ามอสโควอ่ะ ออ ... ลืมบอกไปว่าบัตร Metro แบบ 60 เที่ยว ของมอสโควพวกเราใช้กันไม่หมดนะ เหลืออีก 3 เที่ยว เฉลี่ยแล้วนั่งรถไฟฟ้าเที่ยวละ 30 บาทเอง ถูกมากกกกกก หลังจากสมาชิกพร้อมเราก็พากันไปที่เที่ยวแรก พระราชวังฤดูร้อน Peterhof (Петергоф)




งานนี้ต้องออกนอกเมือง ไปถึงก็ยอมรับว่าสวยและใหญ่โตจริง ๆ ก้าวแรกที่เดินมาเห็นต้นไม้ใหญ่เรียงเป็นระเบียบมาก เดาว่าคงเป็นต้นไม้ทหารปลูก เป๊ะเลย ไม่มีแตกแถวหรือผิดแนวเลยสักต้น สวยมากจริง ๆ เดินอย่างไกลกว่าจะถึงเขตวัง แต่มันแย่ตรงที่ เราลืมไปว่าเป็นวันอังคารสุดท้ายของเดือนซึ่งวังปิด เสียใจมากกกก เพราะตั้งใจมาที่นี่เพราะจะตามรอยล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 พระองค์ท่านเคยเสด็จมาประทับที่นี่ เมื่อครั้งเยือนรัสเซีย จึงได้แต่ซื้อตั๋วเข้าชมน้ำพุ ซึ่งเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวของวังนี้ทีเดียว เพราะเป็นน้ำพุจากภูมิปัญญาคนสมัยก่อน ไม่ได้ใช้เครื่องมือใด ๆ ในการดึงน้ำจากทะเลขึ้นเขา แต่สามารถทำให้เกิดน้ำพุเต้นระบำที่สวยงามได้ ฉะนั้น จึงไม่แปลกใจที่คนมารอเวลาน้ำพุเริงระบำกันตรึม ทีมเราก็เป็นหนึ่งในนั้น 555 เสร็จจากการดูน้ำพุ สมาชิกในทีมก็มีความหิวหนักมาก จึงเดินมาทางริมทะเล เพราะมีร้านอาหารเล็ก ๆ อยู่ ซึ่งเราพบว่า สิ่งที่มากกว่าความหิวคือ ลมที่พัดกรรโชกมาอย่างหนัก จนแทบปลิวได้เลยทีเดียว หนักแบบที่ในบางจังหวะเราต้องหยุดให้ลมเบาลงจึงจะเดินกันต่อได้ มิฉะนั้นมีล้ม เมื่อมาถึงที่ริมทะเล วิวสวยมาก แต่น้องในทีมก็ตั้งข้อสงสัยว่าทะเลที่นี่แปลกมากทำไมถึงเป็นทะเลสีดำ ก็ไม่มีคำตอบ เพราะทุกคนแยกย้ายไปถ่ายรูปกันเรียบร้อย จากนั้นก็หาอะไรรองท้องก่อนเดินทางต่อ

ออกจากพระราชวัง เราก็มุ่งไป ป้อมปีเตอร์แอนด์พอล (Peter and Paul Fortress) (Петропа́вловская кре́пость)

ป้อมแห่งนี้มีอาณาบริเวณที่กว้างใหญ่ มีอะไรให้ชมเยอะมาก แต่มีจุดสำคัญที่ต้องซื้อบัตรเข้าชมอยู่ 5 แห่ง ซึ่งเราก็ต้องทำเวลาให้ทัน และในป้อมก็มีนิทรรศการมาแสดงเป็นจุด ๆ เช่น หุ่นขี้ผึ้ง สุสานตุตันคาเมน ซึ่งเราไม่ได้เข้า เพราะต้องเสียตังค์ และประเด็นหลักคือ เวลาไม่พอ แค่ 5 จุดที่ซื้อตัวมานี่ก็ต้องวิ่งดูแล้วอ่ะ









เมื่อออกจากป้อมมาก่อนถึง Metro มีร้าน Burgerking เลยแวะเข้าไปกิน แต่จากประสบการณ์การสั่งอาหาร พบว่า การสื่อสารที่ยาก ทำให้สื่อความหมายผิด เลยใช้วิธี ถ่ายรูป แล้วชี้ให้ดูเลยว่าเอาชุดนี้ แบบนี้ เพราะป้ายที่ร้านค้าเค้าจะเป็นแบบสลับไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เป็นภาพนิ่ง และก็ลองหารูปหมู ไก่ ปลา มาให้เค้าชี้ว่ามันคือเนื้ออะไร อันนี้คือวิธีบ้าน ๆ ที่เราค้นพบว่า จะทำให้เราสามารถสั่งอาหารได้ถูกต้อง เสร็จภารกิจก็ปาเข้าไปสองทุ่ม จึงพากันเดินกลับที่พัก ระหว่างทางเจอร้านขายผลไม่เล็ก ๆ ก็ซื้อมากินกัน พอถึงที่พักเจอพนักงานต้อนรับเป็นป้าอีกคน ไม่ใช่เด็กสาวคนที่เจอเมื่อเช้า รอบนี้กลับตาลปัด เพราะป้าแกน่ารักมาก แต่ด้วยความที่สื่อสารกันยากเหลือเกิน เพราะเค้ารู้แต่ภาษารัสเซีย กว่าจะเข้าใจกันได้เรื่องการจ่ายเงิน เล่นซะสะบักซะบอม เรียบร้อยก็เข้าห้องเลย ห้องดีมาก น่ารัก กว้างขวางเลย หลับสบายเลย รอลุยพรุ่งนี้ต่อ



#MoscowMarathon