ท่องแดนหมีขาว Moscow Marathon 2018 ตอน 6

กระทู้สนทนา
อมยิ้ม36บันทึกรัสเซีย วันที่ 5 วันจันทร์ที่ 24 กันยายน 2561

วันนี้เป็นวันที่อยู่มอสโควเป็นวันสุดท้ายแล้ว ใจหายหน่อย ๆ โปรแกรมเราคือ เดินทางไปเมือง Sergiyev Posad (Сергиев Посад) หรือปัจจุบันคือ เมือง "ซาร์กอร์ส " (Zagorsk) ตอนออกจากที่พัก ทางพี่พักทำใบรีจิสเตอร์ให้เรียบร้อยเลย ฟรีด้วย หัวเราะ น่ารักมาก ออกจากที่พักก็เรียก Uber ไปสถานี เพราะต้องฝากกระเป๋าก่อน ดีที่เป็นสถานีเดียวกับที่เราจะใช้เดินทางไป St.Peterburg คืนนี้ เลยสบายหน่อยทุ่นเวลาไปได้มาก ก่อนอื่นขอเล่าเรื่องการฝากกระเป๋าก่อน ที่ฝากกระเป๋าอยู่ที่ชั้น -1 มี 2 แบบคือ แบบฝากแล้วมีคนเฝ้า ใบละ 230 รูเปิ้ล จะขนาดไหนไม่สนใจเพราะนับชิ้น แบบนี้เดินเข้าไปเอากระเป๋าฝาก คนที่เฝ้าก็จะเอากระเป๋าเราไปไว้ที่ชั้น อีกแบบจะเป็นเช่า locker แบบนี้จะตามขนาด locker ราคาก็แตกต่างกันออกไป เราเช่าขนาดกลาง 450 รูเปิ้ล ซึ่งต้องไปจ่ายค่าฝากแล้วรับการ์ดมา การ์ดนี้ใช้สำหรับปิด-เปิด locker แต่ต้องระวังให้ดีเพราะ การเปิด locker จะทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น ฉะนั้น หากจะฝากแบบนี้ ต้องตรวจสอบสัมภาระให้ดีว่าของที่ต้องการฝากได้ถูกจัดเก็บใน locker เรียบร้อยแล้ว และไม่มีของที่เราจำเป็นต้องใช้ติดไปในกระเป๋าที่จะฝาก มิฉะนั้น ต้องเช่ากันใหม่เลยทีเดียว เพราะทันที่ที่เปิดล็อคเกอร์ หมายความว่าจบการเช่านั่นเอง อัตราดังกล่าวคิดต่อวัน มันไม่ได้ถูกแบบที่อ่านมาเลยนี่นา แถมคนรับฝากโคตรดุเลย พอฝากของเสร็จก็รีบไปซื้อตัวไปเมือง Sergiyev Posad (Сергиев Посад) หรือปัจจุบันคือ เมือง "ซาร์กอร์ส " (Zagorsk) ซึ่งเป็นแหล่งต้นกำเนิดของ ตุ๊กตาแม่ลูกดก матрёшка (มาโตรชก้า) สามารถหาซื้อเป็นของฝากได้ในราคาไม่แพงนัก ประมาณ 250 รูเปิ้ล ขึ้นไป แต่ด้วยกลัวว่าจะหาอะไรกินไม่ได้ พอผ่านรถเข็น KFC เราก็แวะซื้อตุนกันก่อนคนละเมนู แล้วรีบไปซื้อตั๋ว ปรากฏได้เวลา 10 โมงกว่า รอวนไปจ้า เพราะตอนนี้ยัง 9 โมงดีเลย ระหว่างรอก็ควักเสบียงออกมากินกันอย่างอร่อยเลย (น่าจะเพราะหิว หรือเปล่า . . .555)
การขึ้นรถไฟที่นี่มีความงงมาก เพราะตั๋วที่ได้มาไม่ได้บอกชานชาลา ต้องไปลุ้นกันเองว่าชานชาลาไหน โดยไปยืนดูที่บอร์ดว่ารถไฟขบวนของเราออกเวลาเท่าไหร่ เทียบชานชาลาไหน และเวลาก็จะแสดงใกล้ ๆ เวลารถออกด้วย ดีว่าได้หนุ่มรัสเซียผู้ใจดีคอยแนะนำเรา เลยนั่งไปด้วยกัน เค้าลงก่อนเรา 1 สถานี แต่ยังใจดีเดินกลับมาย้ำเราว่าให้ลงสถานีไหนด้วย เพราะรถคันที่เราไปไม่ได้สุดสายที่เมืองนี้ บนรถไฟรัสเซียก็มีอย่างหนึ่งเหมือนบ้านเรา คือคนเดินมาขายของ แล้วเค้าขายเก่งมาก พูดไม่หยุดเลย ยืนพูดโฆษณาอยู่ประตูจนจบ แล้วเริ่มเดินขายไปจนสุดโบกี้ แม้ฟังไม่รู้เรื่องแต่ก็เพลินเหมือนกันนะ เมื่อถึงสถานีฝนยังตก อย่างที่บอกว่าฝนที่นี่มาพร้อมลม เราก็กางร่มไปและต้องคอยหันร่มหลบลมไปทุลักทุเลพอควร พอเดินไปถึงตัวโบสถ์ ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักก็เห็นร้านขายของเรียงไป เราได้แต่เดินรอบนอก เพราะมีฝน และเวลาก็เหลือไม่มาก กลัวไปขึ้นรถไฟไม่ทัน เดินกลับลงมา ได้หมวกรัสเซียที่ตามหา ดีใจมากกกก ก่อนขึ้นรถไฟ เดินผ่าน Supermarket จึงแวะเข้าไปหาของฝาก ได้ chocolate เด็กน้อย Signature ของรัสเซียมา ดีใจ แต่ก็หนักน่าดูเลยต้องซื้อกระเป๋าอีกใบ เพราะ ถุงที่เราเตรียมไปก็เล็ก และ Supermarket ที่นี่ไม่มีถุงให้นะจ๊ะ ใครซื้อของต้องเอาถุงไปเองจ๊ะ เสร็จเรื่องราวก็ไปรอรถไฟเหมือนเดิม ลุ้นชานลาลาเอาที่ป้ายไฟ แต่ส่วนใหญ่  จะเข้าชานชาลาที่ 1
กลับมาถึงสถานี ทบทวนโปรแกรมปรากฏว่ายังไม่ได้ไปอีกหลายที่เลย เช่น พิพิธภัณฑ์พระราชวังคุสโกโว (Kuskovo Misaim Estate) ซึ่งนับเป็น “แวร์ซายน์แห่งรัสเซีย” / มหาวิหารโดมทองเซนต์ซาเวียร์ (Cathedral of Christ the Savior) (Храм Христа Спасителя) / วิหารเซนต์บาซิล (St Basil’s Cathedral) (Собор Василия Блаженного) แต่เวลาไม่ทันแล้ว เลยตัดสินใจว่าจะไปที่ใกล้ ๆ แล้วกัน เลยตกลงจะร่ำลามอสโควกันที่แวะวิหารเซนต์บาซิล (St Basil’s Cathedral) (Собор Василия Блаженного) หรือโบสถ์หัวหอม ซึ่งเราเยี่ยมเยียนในวันแรกนั่นเอง เพราะที่นี่เราได้แต่ชมความงามด้านนอก ยังไม่ได้เข้าชมความงามด้านในเลย สงสัยวันนี้เห็นเดินไม่มากพอ ขึ้นรถไฟฟ้าได้เลยพากันเดินหลงอ้อมไปอีกเป็นกิโลเลยทีเดียว ประเด็นเดินไกลไม่เท่าไหร่ แต่ฝนและลมนี่ซิ เล่นเอาหนาวสั่นกันทั้งทีม พอมาถึงก็รีบหาที่ซื้อตั๋วเข้าชมในอาคารเลย สวยงามจริง กะว่าจะเดินจนโบสถ์ปิดเลย ก็ได้ดังใจ เพราะเราเดินชมกันจนเค้าปิดไฟไล่ ต้องรีบหาทางออกกันใหญ่ นับว่าวันนี้เราได้ชมโบสถ์หัวหอมท่ามกลางสายฝน และแน่นอนว่าเมื่อมาถึงที่นี่ ไอติมกุมเป็นสิ่งที่เราไม่พลาด 555 และเพราะวันนี้เป็นวันสั่งลาเลยจัดมาคนละ 2 เล๊ยยย หุ หุ จากนั้นก็พากันขึ้น Metro กลับสถานีรถไฟ ไปเจอน้องปอ เพื่อนใหม่ที่มางานวิ่งด้วยกัน ก่อนอื่นทันทีที่ไปถึงเราก็เปลี่ยนรองเท้าและถุงเท้าทันที ไม่งั้นคืนนี้คงแย่ เพราะถุงเท้ารองเท้าเปียกน้ำหนักมาก เอาแระเป๋าได้ ก็เปิดกระเป๋าจัดการกันตรงนั้น จากนั้นก็พากันขึ้นรถไฟไปเซ็นปีเตอร์เบิร์ก
รถไฟที่เราใช้ในการเดินทางเป็นรถไฟที่เรียกว่า “คูเป้” คือ เป็นห้อง ๆ 1 นอนกันได้ 4 คนเป็นเตียงบนล่าง มีไฟและที่ชาร์ทไฟพร้อม เหมือนรถไฟใหม่บ้านเราเลย ด้วยความที่เป็นคนตัวใหญ่ จึงได้สิทธิ์นอนเตียงล่าง แฮ่... สิ่งแรกที่ทุกคนทำคือ พยายามชาร์ทไฟ แต่ปรากฏไม่มีไฟ เซ็งไปตาม ๆ กัน เพราะพรุ่งนี้ต้องใช้โทรศัพท์ทั้งวัน และเรายังเข้าที่พักไม่ได้ด้วย แต่คงเพราะเพลีย พอหัวถึงหมอนทุกคนก็หลับสบาย ไม่มีใครสนใจเรื่องชาร์ทแบตอีกเลย จะไม่สลบยังไงไหว วันนี้ก็เดินไม่น้อยกว่า 20 กิโลเช่นเดิม นี่อยู่นานกว่านี้ กล้ามขาจะชัดมาก 555
#MoscowMarathon
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่