Review: A Star Is Born (Bradley Cooper, 2018) คะแนน B+
By Form Corleone
"ความสุขในชีวิตคืออะไร...พื้นที่ตัวตนของชีวิตอยู่ตรงไหน" พล็อตเรื่องของ A Star Is Born เป็นอะไรที่เชยสุดๆและไม่ทันสมัยตรงกับบริบทความเป็นอยู่ของสังคมยุคปัจจุบันมากเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวหนังได้สร้างคือแรงสั่นสะเทือนต่อห้วงความคิดและสะท้อนมุมมองต่อชีวิตที่ตัวละครในเรื่องได้เลือกเดิน จนไปถึงตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างลงไป เปรียบเสมือนการพาคนดูไปเพ่งพินิจมองตัวตน และความเป็นอัตลักษณ์ของตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้แรงกดดันและคลื่นลมความรุนแรงของโลกใบหนึ่ง สิ่งต่างๆในหนังสามารถส่งอิทธิพลต่อความรู้สึก และพาเราดำดิ่งไปสู่ทางเลือกที่เป็นไปได้หรือทางเลือกที่ควรจะเป็น ตัวละครใน A Star Is Born มีความเป็นตัวตนและสัมผัสได้ ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมจนไม่ถึงว่าความรู้สึกเหล่านั้นได้สร้างบาดแผลและรอยบอบซ้ำมากเพียงใด ทำให้เราที่เป็นคนดูอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ แน่นอนว่า ความดีความชอบ คงจะมาจากการแสดงของ 'แบรดลีย์ คูเปอร์' ที่ยอดเยี่ยมทั้งอารมณ์ที่ดำดึ่งไปกับความปวดเจ็บ พร้อมทั้งต่อสู้กับความรู้สึกส่วนลึกในจิตใจด้านมืด ยิ่งไปกว่านั้น ยังกำกับเองเล่นเองอีกด้วย ส่วนการแสดงของ 'เลดี้ กาก้า' ไม่ได้ขาดอะไรและทำได้ตามบท แม้ว่าส่วนตัวเราจะไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ และช่วงครึ่งหลังของหนังตัวละครของ 'เลดี้ กาก้า' ก็ถูกกลืนหายเหลือเพียงพื้นที่ให้ตัวละครแบรดลีย์โดดเด่นชนิดที่มาเพื่อเอาออสการ์นำชายได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวภายใน 'A Star Is Born' ยังคงทำงานได้ดีในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าน้ำหนักของหนังจะไม่ได้สมดุลในทุกช่วงเวลาก็ตาม หรืออาจจะเชยเกินไปสักหน่อยกับโลกมายาสมัยใหม่ ที่ชื่อเสียงไม่ใช่คำตอบของการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว คำถามที่หนังเลือกหยิบมานำเสนอต่อคนดูจึงดูเชยไปตามพล็อตเรื่องที่วางไว้ การคัดสรรนักร้องหนึ่งคนหรือตามหานักร้องเสียงดีในพื้นที่ลึกลับชนิดเพชรในตมพร้อมด้วยเสียงพรสวรรค์ ไม่ได้สร้างให้เราเชื่อในเหตุการณ์เหล่านั้นมากเท่าที่ควร ถึงกระนั้น หนังเองก็ยังคงมีเสียงเพลงที่ขับเคลื่อนบริบท มีทวงทำนองที่ไพเราะ พร้อมพลังเสียงของ 'เลดี้ กาก้า' ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วนำพาให้เราเพลิดเพลินตลอดทั้งเรื่อง และแน่นอนว่าคงจะได้เข้าชิงสาขาเพลงประกอบได้อย่างไม่ต้องสงสัย พร้อมกันนี้ เทคนิคการถ่ายทำ ถ่ายภาพ จนไปถึงการกำกับยังสามารถสร้างอารมณ์ให้เราคล้อยตามไปกับความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนได้พอดีพองาม ไม่ดูเยอะเกินไปและไม่น้อยเกินไป
ดังนั้น 'A Star Is Born' ได้สร้างตัวละครที่เกิดมาอยู่ในด้านตรงข้ามกัน นำพาเรื่องราวให้เราค่อยๆซึมซับความรู้สึกของตัวละครทั้งสอง ในขณะที่คนหนึ่งกำลังโด่งดังและอยู่ในมุมสว่างสดใส อีกคนกลับดำดิ่งลงไปสู่ความมืดมิด ที่ไม่เหลือแม้กระทั่งจิตวิญญาณ ตัวตนพื้นที่หรือที่ทางของตัวเอง พาเราไปสัมผัสกับความรู้สึกนึกคิดในระดับเชิงลึกในมุมมองที่สะท้อนการใช้ชีวิตดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ และนักแสดงทุกคนยังสามารถถ่ายทอดทำหน้าที่ของตัวเองในบทบาทที่ได้รับได้ดีกันทุกคน ไม่เว้นแค่เฉพาะนักแสดงหลัก แต่รวมถึงนักแสดงสมทบที่ให้ฉากอารมณ์แบบไม่ต้องมีคำพูดมากมาย เช่น ตัวละครที่รับบทโดย 'แซม เอลเลียต' แสดงเป็นพี่พระเอกได้สะเทือนใจมาก ท้ายสุด หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีเพียงเสียงเพลงที่ไพเราะ หรือเสียงร้องที่ทรงพลังของเลดี้ กาก้า ความดราม่าและอารมณ์ต่างๆภายในเรื่องมีพลังและสร้างผลกระทบหลังจากดูจบได้สะเทือนใจ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page:
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog:
http://moviesdelightclub.blogspot.com/
Review: A Star Is Born (Bradley Cooper, 2018) รีวิวโดย Form Corleone
By Form Corleone
"ความสุขในชีวิตคืออะไร...พื้นที่ตัวตนของชีวิตอยู่ตรงไหน" พล็อตเรื่องของ A Star Is Born เป็นอะไรที่เชยสุดๆและไม่ทันสมัยตรงกับบริบทความเป็นอยู่ของสังคมยุคปัจจุบันมากเท่าไหร่ แต่สิ่งหนึ่งที่ตัวหนังได้สร้างคือแรงสั่นสะเทือนต่อห้วงความคิดและสะท้อนมุมมองต่อชีวิตที่ตัวละครในเรื่องได้เลือกเดิน จนไปถึงตัดสินใจทำบางสิ่งบางอย่างลงไป เปรียบเสมือนการพาคนดูไปเพ่งพินิจมองตัวตน และความเป็นอัตลักษณ์ของตัวละครที่ถูกสร้างขึ้นภายใต้แรงกดดันและคลื่นลมความรุนแรงของโลกใบหนึ่ง สิ่งต่างๆในหนังสามารถส่งอิทธิพลต่อความรู้สึก และพาเราดำดิ่งไปสู่ทางเลือกที่เป็นไปได้หรือทางเลือกที่ควรจะเป็น ตัวละครใน A Star Is Born มีความเป็นตัวตนและสัมผัสได้ ไม่ได้ไกลเกินเอื้อมจนไม่ถึงว่าความรู้สึกเหล่านั้นได้สร้างบาดแผลและรอยบอบซ้ำมากเพียงใด ทำให้เราที่เป็นคนดูอยากจะเข้าไปช่วยเหลือ แน่นอนว่า ความดีความชอบ คงจะมาจากการแสดงของ 'แบรดลีย์ คูเปอร์' ที่ยอดเยี่ยมทั้งอารมณ์ที่ดำดึ่งไปกับความปวดเจ็บ พร้อมทั้งต่อสู้กับความรู้สึกส่วนลึกในจิตใจด้านมืด ยิ่งไปกว่านั้น ยังกำกับเองเล่นเองอีกด้วย ส่วนการแสดงของ 'เลดี้ กาก้า' ไม่ได้ขาดอะไรและทำได้ตามบท แม้ว่าส่วนตัวเราจะไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรพิเศษ และช่วงครึ่งหลังของหนังตัวละครของ 'เลดี้ กาก้า' ก็ถูกกลืนหายเหลือเพียงพื้นที่ให้ตัวละครแบรดลีย์โดดเด่นชนิดที่มาเพื่อเอาออสการ์นำชายได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม เรื่องราวภายใน 'A Star Is Born' ยังคงทำงานได้ดีในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าน้ำหนักของหนังจะไม่ได้สมดุลในทุกช่วงเวลาก็ตาม หรืออาจจะเชยเกินไปสักหน่อยกับโลกมายาสมัยใหม่ ที่ชื่อเสียงไม่ใช่คำตอบของการมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว คำถามที่หนังเลือกหยิบมานำเสนอต่อคนดูจึงดูเชยไปตามพล็อตเรื่องที่วางไว้ การคัดสรรนักร้องหนึ่งคนหรือตามหานักร้องเสียงดีในพื้นที่ลึกลับชนิดเพชรในตมพร้อมด้วยเสียงพรสวรรค์ ไม่ได้สร้างให้เราเชื่อในเหตุการณ์เหล่านั้นมากเท่าที่ควร ถึงกระนั้น หนังเองก็ยังคงมีเสียงเพลงที่ขับเคลื่อนบริบท มีทวงทำนองที่ไพเราะ พร้อมพลังเสียงของ 'เลดี้ กาก้า' ที่ยอดเยี่ยมอยู่แล้วนำพาให้เราเพลิดเพลินตลอดทั้งเรื่อง และแน่นอนว่าคงจะได้เข้าชิงสาขาเพลงประกอบได้อย่างไม่ต้องสงสัย พร้อมกันนี้ เทคนิคการถ่ายทำ ถ่ายภาพ จนไปถึงการกำกับยังสามารถสร้างอารมณ์ให้เราคล้อยตามไปกับความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนได้พอดีพองาม ไม่ดูเยอะเกินไปและไม่น้อยเกินไป
ดังนั้น 'A Star Is Born' ได้สร้างตัวละครที่เกิดมาอยู่ในด้านตรงข้ามกัน นำพาเรื่องราวให้เราค่อยๆซึมซับความรู้สึกของตัวละครทั้งสอง ในขณะที่คนหนึ่งกำลังโด่งดังและอยู่ในมุมสว่างสดใส อีกคนกลับดำดิ่งลงไปสู่ความมืดมิด ที่ไม่เหลือแม้กระทั่งจิตวิญญาณ ตัวตนพื้นที่หรือที่ทางของตัวเอง พาเราไปสัมผัสกับความรู้สึกนึกคิดในระดับเชิงลึกในมุมมองที่สะท้อนการใช้ชีวิตดำรงชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ และนักแสดงทุกคนยังสามารถถ่ายทอดทำหน้าที่ของตัวเองในบทบาทที่ได้รับได้ดีกันทุกคน ไม่เว้นแค่เฉพาะนักแสดงหลัก แต่รวมถึงนักแสดงสมทบที่ให้ฉากอารมณ์แบบไม่ต้องมีคำพูดมากมาย เช่น ตัวละครที่รับบทโดย 'แซม เอลเลียต' แสดงเป็นพี่พระเอกได้สะเทือนใจมาก ท้ายสุด หนังเรื่องนี้ไม่ได้มีดีเพียงเสียงเพลงที่ไพเราะ หรือเสียงร้องที่ทรงพลังของเลดี้ กาก้า ความดราม่าและอารมณ์ต่างๆภายในเรื่องมีพลังและสร้างผลกระทบหลังจากดูจบได้สะเทือนใจ...
ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ
ตัวอย่าง
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/