แชร์ประสบการณ์ เสริมหน้าอก ที่ Masterpiece Hospital #ต่อไปไม่หันหลังคุยกับใครแล้วนะ
#คำเตือน: ยาวมาก พิมละเอียดมากกก ใครขี้เกียจอ่านเลื่อนลงไปดูสรุปตอนท้ายๆ เลยค่ะ555
เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา จขกท. พึ่งไปศัลยกรรมหน้าอกมาหมาดๆ สดๆ ร้อนๆ แล้วพบว่ามันดีมากกกกกก.. ทำไมไม่ทำตั้งนานแล้ว มาทำเอาอะไรป่านนี้555555 ชอบมากก ประทับใจมาก เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เสริมหน้าอก(อย่างละเอียด) ให้กับสาวๆที่กำลังสนใจอยากจะทำ หรือกำลังลังเลอยู่ว่า จะทำดีมั้ย.. หรือไม่ทำดี..? ก็ลองอ่านดูนะคะ ประกอบการตัดสินใจ อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆเลยนะคะ
เอาตรงๆเกิดมาไม่เคยคิดจะเสริมหน้าอกเลยชีวิตนี้ เพราะสมัยเรียนมัธยม เป็นชะนีนมใหญ่ค่ะ ถ้าเทียบกับเพื่อนวัยเดียวกัน.. แต่!!! พอโตมา ขึ้นมหาลัยมา รอบอก ค่อยๆเล็กลง.. เล็กลง.. เรื่อยๆ จนล่าสุด
รอบอกเหลือแค่ 31 นิ้ว!!! (ช่วงไหนใกล้จะเป็นเมนส์ก็ขึ้นมาเป็น 32 นิ้วบ้าง ไม่เกินนี้)
และนี่คือภาพเรา ก่อนเสริมหน้าอกค่ะ..
สายด่ง สายเดี่ยว เกาะอก แบบไหนที่เขาใส่ละโป๊ นี่เอามาใส่ได้สบาย ชิลๆ ไม่มีการเห็นร่อง เห็นไรทั้งนั้น แบนมาก ละดันเป็นคนไม่ชอบใส่ฟองน้ำด้วย เพราะมันทำให้เสื้อตกร่องค่ะ (ร้องไห้แปป..)
ดูได้จากภาพ before จะเห็นว่า ไม่ว่าจะหันหน้า หรือหันข้าง ก็จะดูเหมือนหันหลังไปหมด (เศร้า)
ก็เลยมีความคิดที่อยากจะทำหน้าอก ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะใส่เสื้อผ้าไม่ได้เลย หลวมมั่งแหละ พอดีเอวแต่ช่วงอกเหลือบ้างแหละ ก็หาข้อมูลมาเรื่อยๆ เก็บข้อมูลมาเรื่อยๆ ถามทุกคนรอบตัวที่ไปทำมาว่า
เป็นไงบ้าง? ทำที่ไหน? ผ่าตรงไหน? เจ็บมั้ย? หมอคนไหนโอเค? ซึ่งก็เก็บข้อมูลมานาน แล้วก็ละเอียดมากพอสมควร
จนมาได้ข้อสรุปที่
Masterpiece Hospital ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเป็นคลินิก แต่ตอนนี้เขาขยายเป็นโรงพยาบาลแล้วนะคะ
ทำไมต้องที่นี่? ก็เห็นรีวิวเยอะ ว่าคุณหมอที่นี่ งานดี..มากกกกกกกกก (อ่าวไม่ใช่) เย็บแผลสวย แผลเล็กและมือเบา ไม่ค่อยเจ็บ ไม่ต้องต่อสายเดรน(ซึ่งการใส่สายเดรน เกือบทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทรมานมาก) แล้วราคาก็ค่อนข้างโอเค ก็เลยอยากลองเข้าไปปรึกษาดู ซึ่งที่นี่ ปรึกษาฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย นี่ก็เลยลองทักแชทเพจของโรงพยาบาล www.facebook.com/masterpiecehospital ไปถามรายละเอียดคร่าวๆ ละก็นัดวันเข้าไปปรึกษาคุณหมอเลยค่ะ
#วันนัด : โรงพยาบาล Masterpiece อยู่ถนนสุโขทัย เขตดุสิต หาง่าย ติดถนนเลยค่ะ โรงพยาบาลดีมากกกก หรูหราหมาเห่า555 มีประมาณ 4-5 ชั้น โรงพยาบาลใหญ่ และดูสะอาดมาก พนักงานพูดเพราะกันทุกคน ดูแลดีมากๆ ตอนไปประทับใจมาก เทใจไปครึ่งนึงเลยแหละว่าจะทำที่นี่แน่ๆ
คุณหมอที่บิวได้ปรึกษาชื่อ Dr.เต้ย (งานดีจริงค่ะ มองหน้าหมอตาไม่กะพริบเลย😂) คุณหมอก็วัดไซส์หน้าอก ระยะห่างของเต้านม องศาต่างๆ อย่างละเอียด แล้วคุณหมอก็ถามว่าเราทำอาชีพอะไร อยากทำประมาณไหน ใหญ่มั้ย ชอบแบบเซ็กซี่หรือว่าแบบพอดีๆตัว นี่ก็ตอบไปว่า อยากได้แบบพอดีตัวค่ะ ไม่ใหญ่มาก เอาแบบให้ใส่เสื้อผ้าสวยก็พอ แต่ขอเซ็กซี่นิดๆ คุณหมอก็เลยแนะนำ 300-325cc มา เพราะว่าเราเป็นคนค่อนข้างที่จะมีเนื้อหน้าอกอยู่แล้ว ใส่เท่านี้พอ จะดูพองาม และเป็นคนช่วงตัวเล็ก ถ้าทำเกินกว่านี้ มันจะไม่สมส่วน
ส่วนการผ่าเลือกเป็น เราเลือกเป็นผ่าตัดใต้ราวนม ที่เลือกวิธีนี้เพราะ คุณหมอบอกว่าจะฟื้นตัวไว ไม่ต้องกายภาพนาน ซึ่งก็เหมาะเจาะมาก เพราะเราเป็นคนงานค่อนข้างเยอะ ไม่สามารถนอนเป็นผักนานๆได้ ..หลังจากปรึกษาเรียบร้อย ก็นัดวันมาทำเลยค่ะ บอกคุณหมอว่าขอเร็วที่สุดดดด พรุ่งนี้เลยยังได้(ใจร้อนมาก555) แต่.. คิวไม่ว่างค่ะ ทาง รพ. เลยนัดคิวให้เป็น 1 สัปดาห์หลังจากวันปรึกษา..
วิธีเตรียมตัวก่อนผ่าตัด 1 สัปดาห์ก็ไม่มีอะไรมาก
1. งดอาหารทะเล
2. งดเหล้าและบุหรี่
3. งดของหมักดอง ของแสลงตั่งต่าง
#วันที่ 5 ก.ย. 61 ก่อนวัดผ่าตัด 1 วัน เรามีนัดตรวจร่างกาย ตรวจเลือด แล้วก็ถ่ายรูปก่อนศัลยกรรม 6 มิติเก็บไว้ แล้วเราต้องงดน้ำ งดอาหารก่อนผ่าตัดเป็นเวลา 8 ชั่วโมง คิดง่ายๆก็คือ หลังเที่ยงคืนห้ามมีอะไรตกถึงท้อง ถ้าหิวน้ำมากกกกจริงๆ จนคอเป็นผง เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายซาฮาร่าก็สามารถจิบน้ำได้เบาๆค่ะ ย้ำว่าจิบนะคะ.. อย่าเยอะค่ะ ส่วนคิวผ่าตัด เราได้เป็นคิวที่ 2 ของคุณหมอเต้ย ซึ่งก็คือ
เวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.ย. 61
#คืนก่อนวันผ่าตัด :
" นอน ไม่ หลับ จ้า " 😂 ตื่นเต้นมากกกก พลิกตัวไปมาทั้งคืน กว่าจะหลับได้ปาไป ตีสองตีสามนู่นเลย 🤦🏻♀
#เช้าวันรุ่งขึ้น :
คุณหมอนัดผ่าตอน 11 โมงเช้าก็จริง แต่ต้องไปถึงโรงบาลตอน 9 โมงเช้าค่ะ เพราะต้องไปเตรียมตัวผ่าตัดตั่งต่าง เลยต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะรถแถวนั้นค่อนข้างติดหนักมากก เพราะโรงเรียน มหาลัย ศูนย์ราชการ ทหาร เยอะแยะไปหมด ส่วนเราตื่นเช้ามาก เพราะหลับๆตื่นๆ ก็คนมันตื่นเต้นงะ 😂😅
เราไปถึงโรงพยาบาลตอนประมาณ 8โมงครึ่ง เจ้าหน้าที่ก็เอาเอกสารต่างๆมาให้เซ็นต์ แล้วเขาก็สอบถามเราว่า งดน้ำงดอาหารมารึยัง (หิวน้ำมากกก แต่กินไม่ได้เลยนะ จิบได้แค่นิดเดียว) เช็คประวัติว่าแพ้ยาอะไรมั้ย อาหารมีแพ้มั้ย บลาๆๆ ซึ่งนี่ไม่มีค่ะ ชนะทุกอย่าง ชั้นเก่ง555555
จากนั้นก็มีคนดูแลเคสมาต้อนรับ พาเราขึ้นไปชั้น 3 ไปนั่งรอวัดความดัน หลังจากวัดความดันเสร็จปุ๊ป เจ้าหน้าที่ก็พาเข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดของโรงพยาบาล แล้วก็ให้ล้างหน้าด้วยโฟมและตามด้วยยาฆ่าเชื้ออีกรอบ (ในห้องน้ำมีให้ทุกอย่าง คลีนเซอร์,โฟม,น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์และตลับใส่,น้ำยาบ้วนปาก,ฯลฯ เอาง่ายๆมีครบ5555 ไม่ต้องพกไรมาให้หนักกระเป๋าจ้า) กระเป๋าและของที่เอามาด้วย ใส่ไว้ในล็อกเกอร์ของ รพ. ได้เลย เพราะหยิบเข้าไปได้แค่โทรศัพท์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปนั่งรอที่ห้องรอผ่า ในห้องมีทีวี นิตยสาร ตกแต่งสบายๆ นั่งเล่นรอเวลาขึ้นเขียงไปค่ะ
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ก็ได้เข้าไปพบคุณหมออีกรอบ เพื่อคอนเฟิร์มเรื่องยี่ห้อซิลิโคน และขนาดของซิลิโคนอีกครั้ง
ซิลิโคนที่บิวเลือกใช้วันนี้ เป็นยี่ห้อ Mentor ของอเมริกา มี อย.ไทย และ FDA การันตีจากเมกา ซึ่งคุณหมอบอกว่าโรงงานนี้เค้าผลิตซิลิโคนมา 25 ปีแล้ว ยี่ห้อนี้โอเคมาก คนนิยม และคุณหมอก็แนะนำไซส์ที่เราทำแล้วมันจะออกมาพอดี ใส่เสื้อผ้าสวยอยู่ที่ 300cc แต่ถ้าอยากดูเซ็กซี่นิดๆ ก็เอา 325cc จะพอดีตัว สมส่วน.. เราเลยเลือก 325cc เจ็บตัวทั้งที ไปค่ะ ไปให้สุด
#ถึงเวลาขึ้นเขียง :
ประมาณ 11 โมงนิดๆ ก็มีพยาบาลมาเรียกเราไปเข้าห้องผ่าตัด ใจนี่เต้นตึกๆๆๆ ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น แต่เอาวะ.. มาถึงขนาดนี้แล้ว กลับลำไม่ได้แล้ว เงินเมิงก็จ่ายไปแล้ว สั่นสู้เท่านั้นนนย่ะ
ถึงห้องตรวจเช็คร่างกาย คุณหมอก็ทำการวาดรูปบนหน้าอกเรา ตอนนั้นเกิดกลัวขึ้นมาก็เลยลองถามดู เพราะเหมือนเคยอ่านกระทู้พันทิปเจอแว้บๆว่า เคยมีคนตื่นขึ้นมารู้สึกตัวขณะผ่าตัดเสริมหน้าอกอยู่
เรา: มีใครเคยตื่นระหว่างผ่าตัดมั้ยคะ?
คุณหมอ: ไม่มีนะครับ เราดูแลด้วยวิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง เขาจะดูชีพจรเราตลอดการผ่าตัด ไม่มีตื่นแน่นอน ส่วนมากเคสที่คนไข้รู้สึกตัวตอนผ่าคือเค้าไม่ได้วางยาสลบ เค้าให้ยานอนหลับผสมยาเบลอ แต่ที่นี่จะวางยาสลบ ไม่ต้องกลัวน้า
เรา: แล้ว... เจ็บมั้ยคะ?
คุณหมอ: (หัวเราะเบาๆ) ไม่เจ็บบ ไม่รู้สึกตัว หนูหลับ ตื่นมาก็ตึงๆ สวยเลย แค่หลับไปแปปเดียว
ได้ฟังก็ใจชื้นขึ้นมากหน่อย กลัวนอนๆอยู่แล้วตื่นขึ้นมากลางทาง แบบนั้นแย่แน่...
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาเราไปอีกห้องนึง ซึ่งเป็นห้องผ่าตัด จากนั้นคุณพยาบาลก็พาเราไปขึ้นเตียง จับแขนสองข้างกางออกแล้วก็รัดไว้ด้วยสายรัด คุณหมอวิสัญญีก็เข้ามา เป็นผู้หญิง เสียงนุ่มๆดูใจดีมากกกก มาคลำแขนนี่หาเส้น ตอนแรกก็ดูหลังมือก่อน แต่ด้วยความที่เป็นคนเส้นเลือดเล็กมาก หลังมือเจาะไม่ได้ ไม่เห็นเส้นเลย ก็ขยับมาดูข้อพับ ก็ยังไม่มีอีก55555 คุณหมอยืนตบเป็นนาที ก็เริ่มขึ้นมานิดๆ คุณหมอเลยลองแทงเข็ม... ไม่ได้จ่ะ คุณหมอก็คว้านหาเส้นอยู่นานมาก จนมาได้ข้อสรุปแทงขวางกับข้อพับ (คุณหมอบอกเกิดมาพึ่งเคยแทงเข็มแบบนี้เป็นครั้งแรก) แทงเข็มได้ก็ยังไม่ไหลนะ น้ำเกลือไม่ไหลเข้า ได้คว้านกันอีกเป็นนาที กว่าจะเสร็จ ใจเริ่มเสีย.. สรุปตรูจะได้ทำมั้ย หรือจะพังเพราะเสียบสายน้ำเกลือไม่ได้ อดผ่าค่ะ.. ไม่ได้นะ
คุณหมอวิญญีก็เลยบอกว่า เอางี้ แทงแบบนี้ไปก่อน(แทงเข็มเป็นแนวขวางกับแขน) ไว้หนูสลบก่อน แล้วคุณหมอจะแทงใหม่ หนูจะได้ไม่เจ็บ.. (เพราะตอนนี้เจ็บมากค่ะ คว้านหาเส้นจนน้ำตาซึม)
จากนั้นก็เริ่มวางยาสลบ ซึ่งเกิดขึ้นรวดเร็วมากกก เหมือนนอนพูดกับหมออยู่ดีๆ ก็หลับไปเลย
แล้วมารู้สึกตัวอีกทีตอนมีเสียงเรียกชื่อ แล้วตามด้วยคำถาม..
เป็นไงบ้างคะ เจ็บมั้ย?
[CR] [CR] แชร์ประสบการณ์เสริมหน้าอกที่ Masterpiece Hospital #ต่อไปไม่หันหลังคุยกับใครแล้วนะ
#คำเตือน: ยาวมาก พิมละเอียดมากกก ใครขี้เกียจอ่านเลื่อนลงไปดูสรุปตอนท้ายๆ เลยค่ะ555
เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา จขกท. พึ่งไปศัลยกรรมหน้าอกมาหมาดๆ สดๆ ร้อนๆ แล้วพบว่ามันดีมากกกกกก.. ทำไมไม่ทำตั้งนานแล้ว มาทำเอาอะไรป่านนี้555555 ชอบมากก ประทับใจมาก เลยอยากมาแชร์ประสบการณ์เสริมหน้าอก(อย่างละเอียด) ให้กับสาวๆที่กำลังสนใจอยากจะทำ หรือกำลังลังเลอยู่ว่า จะทำดีมั้ย.. หรือไม่ทำดี..? ก็ลองอ่านดูนะคะ ประกอบการตัดสินใจ อันนี้เป็นประสบการณ์ส่วนตัว ความคิดเห็นส่วนตัวล้วนๆเลยนะคะ
เอาตรงๆเกิดมาไม่เคยคิดจะเสริมหน้าอกเลยชีวิตนี้ เพราะสมัยเรียนมัธยม เป็นชะนีนมใหญ่ค่ะ ถ้าเทียบกับเพื่อนวัยเดียวกัน.. แต่!!! พอโตมา ขึ้นมหาลัยมา รอบอก ค่อยๆเล็กลง.. เล็กลง.. เรื่อยๆ จนล่าสุด รอบอกเหลือแค่ 31 นิ้ว!!! (ช่วงไหนใกล้จะเป็นเมนส์ก็ขึ้นมาเป็น 32 นิ้วบ้าง ไม่เกินนี้)
และนี่คือภาพเรา ก่อนเสริมหน้าอกค่ะ..
สายด่ง สายเดี่ยว เกาะอก แบบไหนที่เขาใส่ละโป๊ นี่เอามาใส่ได้สบาย ชิลๆ ไม่มีการเห็นร่อง เห็นไรทั้งนั้น แบนมาก ละดันเป็นคนไม่ชอบใส่ฟองน้ำด้วย เพราะมันทำให้เสื้อตกร่องค่ะ (ร้องไห้แปป..)
ดูได้จากภาพ before จะเห็นว่า ไม่ว่าจะหันหน้า หรือหันข้าง ก็จะดูเหมือนหันหลังไปหมด (เศร้า)
ก็เลยมีความคิดที่อยากจะทำหน้าอก ตั้งแต่ปีที่แล้ว เพราะใส่เสื้อผ้าไม่ได้เลย หลวมมั่งแหละ พอดีเอวแต่ช่วงอกเหลือบ้างแหละ ก็หาข้อมูลมาเรื่อยๆ เก็บข้อมูลมาเรื่อยๆ ถามทุกคนรอบตัวที่ไปทำมาว่า เป็นไงบ้าง? ทำที่ไหน? ผ่าตรงไหน? เจ็บมั้ย? หมอคนไหนโอเค? ซึ่งก็เก็บข้อมูลมานาน แล้วก็ละเอียดมากพอสมควร
จนมาได้ข้อสรุปที่ Masterpiece Hospital ซึ่งก่อนหน้านี้เขาเป็นคลินิก แต่ตอนนี้เขาขยายเป็นโรงพยาบาลแล้วนะคะ
ทำไมต้องที่นี่? ก็เห็นรีวิวเยอะ ว่าคุณหมอที่นี่ งานดี..มากกกกกกกกก (อ่าวไม่ใช่) เย็บแผลสวย แผลเล็กและมือเบา ไม่ค่อยเจ็บ ไม่ต้องต่อสายเดรน(ซึ่งการใส่สายเดรน เกือบทุกคนจะพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าทรมานมาก) แล้วราคาก็ค่อนข้างโอเค ก็เลยอยากลองเข้าไปปรึกษาดู ซึ่งที่นี่ ปรึกษาฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย นี่ก็เลยลองทักแชทเพจของโรงพยาบาล www.facebook.com/masterpiecehospital ไปถามรายละเอียดคร่าวๆ ละก็นัดวันเข้าไปปรึกษาคุณหมอเลยค่ะ
#วันนัด : โรงพยาบาล Masterpiece อยู่ถนนสุโขทัย เขตดุสิต หาง่าย ติดถนนเลยค่ะ โรงพยาบาลดีมากกกก หรูหราหมาเห่า555 มีประมาณ 4-5 ชั้น โรงพยาบาลใหญ่ และดูสะอาดมาก พนักงานพูดเพราะกันทุกคน ดูแลดีมากๆ ตอนไปประทับใจมาก เทใจไปครึ่งนึงเลยแหละว่าจะทำที่นี่แน่ๆ
คุณหมอที่บิวได้ปรึกษาชื่อ Dr.เต้ย (งานดีจริงค่ะ มองหน้าหมอตาไม่กะพริบเลย😂) คุณหมอก็วัดไซส์หน้าอก ระยะห่างของเต้านม องศาต่างๆ อย่างละเอียด แล้วคุณหมอก็ถามว่าเราทำอาชีพอะไร อยากทำประมาณไหน ใหญ่มั้ย ชอบแบบเซ็กซี่หรือว่าแบบพอดีๆตัว นี่ก็ตอบไปว่า อยากได้แบบพอดีตัวค่ะ ไม่ใหญ่มาก เอาแบบให้ใส่เสื้อผ้าสวยก็พอ แต่ขอเซ็กซี่นิดๆ คุณหมอก็เลยแนะนำ 300-325cc มา เพราะว่าเราเป็นคนค่อนข้างที่จะมีเนื้อหน้าอกอยู่แล้ว ใส่เท่านี้พอ จะดูพองาม และเป็นคนช่วงตัวเล็ก ถ้าทำเกินกว่านี้ มันจะไม่สมส่วน
ส่วนการผ่าเลือกเป็น เราเลือกเป็นผ่าตัดใต้ราวนม ที่เลือกวิธีนี้เพราะ คุณหมอบอกว่าจะฟื้นตัวไว ไม่ต้องกายภาพนาน ซึ่งก็เหมาะเจาะมาก เพราะเราเป็นคนงานค่อนข้างเยอะ ไม่สามารถนอนเป็นผักนานๆได้ ..หลังจากปรึกษาเรียบร้อย ก็นัดวันมาทำเลยค่ะ บอกคุณหมอว่าขอเร็วที่สุดดดด พรุ่งนี้เลยยังได้(ใจร้อนมาก555) แต่.. คิวไม่ว่างค่ะ ทาง รพ. เลยนัดคิวให้เป็น 1 สัปดาห์หลังจากวันปรึกษา..
วิธีเตรียมตัวก่อนผ่าตัด 1 สัปดาห์ก็ไม่มีอะไรมาก
1. งดอาหารทะเล
2. งดเหล้าและบุหรี่
3. งดของหมักดอง ของแสลงตั่งต่าง
#วันที่ 5 ก.ย. 61 ก่อนวัดผ่าตัด 1 วัน เรามีนัดตรวจร่างกาย ตรวจเลือด แล้วก็ถ่ายรูปก่อนศัลยกรรม 6 มิติเก็บไว้ แล้วเราต้องงดน้ำ งดอาหารก่อนผ่าตัดเป็นเวลา 8 ชั่วโมง คิดง่ายๆก็คือ หลังเที่ยงคืนห้ามมีอะไรตกถึงท้อง ถ้าหิวน้ำมากกกกจริงๆ จนคอเป็นผง เหมือนยืนอยู่ท่ามกลางทะเลทรายซาฮาร่าก็สามารถจิบน้ำได้เบาๆค่ะ ย้ำว่าจิบนะคะ.. อย่าเยอะค่ะ ส่วนคิวผ่าตัด เราได้เป็นคิวที่ 2 ของคุณหมอเต้ย ซึ่งก็คือเวลา 11.00 น. วันที่ 6 ก.ย. 61
#คืนก่อนวันผ่าตัด :
" นอน ไม่ หลับ จ้า " 😂 ตื่นเต้นมากกกก พลิกตัวไปมาทั้งคืน กว่าจะหลับได้ปาไป ตีสองตีสามนู่นเลย 🤦🏻♀
#เช้าวันรุ่งขึ้น :
คุณหมอนัดผ่าตอน 11 โมงเช้าก็จริง แต่ต้องไปถึงโรงบาลตอน 9 โมงเช้าค่ะ เพราะต้องไปเตรียมตัวผ่าตัดตั่งต่าง เลยต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะรถแถวนั้นค่อนข้างติดหนักมากก เพราะโรงเรียน มหาลัย ศูนย์ราชการ ทหาร เยอะแยะไปหมด ส่วนเราตื่นเช้ามาก เพราะหลับๆตื่นๆ ก็คนมันตื่นเต้นงะ 😂😅
เราไปถึงโรงพยาบาลตอนประมาณ 8โมงครึ่ง เจ้าหน้าที่ก็เอาเอกสารต่างๆมาให้เซ็นต์ แล้วเขาก็สอบถามเราว่า งดน้ำงดอาหารมารึยัง (หิวน้ำมากกก แต่กินไม่ได้เลยนะ จิบได้แค่นิดเดียว) เช็คประวัติว่าแพ้ยาอะไรมั้ย อาหารมีแพ้มั้ย บลาๆๆ ซึ่งนี่ไม่มีค่ะ ชนะทุกอย่าง ชั้นเก่ง555555
จากนั้นก็มีคนดูแลเคสมาต้อนรับ พาเราขึ้นไปชั้น 3 ไปนั่งรอวัดความดัน หลังจากวัดความดันเสร็จปุ๊ป เจ้าหน้าที่ก็พาเข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดของโรงพยาบาล แล้วก็ให้ล้างหน้าด้วยโฟมและตามด้วยยาฆ่าเชื้ออีกรอบ (ในห้องน้ำมีให้ทุกอย่าง คลีนเซอร์,โฟม,น้ำยาล้างคอนแทคเลนส์และตลับใส่,น้ำยาบ้วนปาก,ฯลฯ เอาง่ายๆมีครบ5555 ไม่ต้องพกไรมาให้หนักกระเป๋าจ้า) กระเป๋าและของที่เอามาด้วย ใส่ไว้ในล็อกเกอร์ของ รพ. ได้เลย เพราะหยิบเข้าไปได้แค่โทรศัพท์
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาไปนั่งรอที่ห้องรอผ่า ในห้องมีทีวี นิตยสาร ตกแต่งสบายๆ นั่งเล่นรอเวลาขึ้นเขียงไปค่ะ
ก่อนเข้าห้องผ่าตัด ก็ได้เข้าไปพบคุณหมออีกรอบ เพื่อคอนเฟิร์มเรื่องยี่ห้อซิลิโคน และขนาดของซิลิโคนอีกครั้ง
ซิลิโคนที่บิวเลือกใช้วันนี้ เป็นยี่ห้อ Mentor ของอเมริกา มี อย.ไทย และ FDA การันตีจากเมกา ซึ่งคุณหมอบอกว่าโรงงานนี้เค้าผลิตซิลิโคนมา 25 ปีแล้ว ยี่ห้อนี้โอเคมาก คนนิยม และคุณหมอก็แนะนำไซส์ที่เราทำแล้วมันจะออกมาพอดี ใส่เสื้อผ้าสวยอยู่ที่ 300cc แต่ถ้าอยากดูเซ็กซี่นิดๆ ก็เอา 325cc จะพอดีตัว สมส่วน.. เราเลยเลือก 325cc เจ็บตัวทั้งที ไปค่ะ ไปให้สุด
#ถึงเวลาขึ้นเขียง :
ประมาณ 11 โมงนิดๆ ก็มีพยาบาลมาเรียกเราไปเข้าห้องผ่าตัด ใจนี่เต้นตึกๆๆๆ ทั้งกลัวทั้งตื่นเต้น แต่เอาวะ.. มาถึงขนาดนี้แล้ว กลับลำไม่ได้แล้ว เงินเมิงก็จ่ายไปแล้ว สั่นสู้เท่านั้นนนย่ะ
ถึงห้องตรวจเช็คร่างกาย คุณหมอก็ทำการวาดรูปบนหน้าอกเรา ตอนนั้นเกิดกลัวขึ้นมาก็เลยลองถามดู เพราะเหมือนเคยอ่านกระทู้พันทิปเจอแว้บๆว่า เคยมีคนตื่นขึ้นมารู้สึกตัวขณะผ่าตัดเสริมหน้าอกอยู่
เรา: มีใครเคยตื่นระหว่างผ่าตัดมั้ยคะ?
คุณหมอ: ไม่มีนะครับ เราดูแลด้วยวิสัญญีแพทย์เฉพาะทาง เขาจะดูชีพจรเราตลอดการผ่าตัด ไม่มีตื่นแน่นอน ส่วนมากเคสที่คนไข้รู้สึกตัวตอนผ่าคือเค้าไม่ได้วางยาสลบ เค้าให้ยานอนหลับผสมยาเบลอ แต่ที่นี่จะวางยาสลบ ไม่ต้องกลัวน้า
เรา: แล้ว... เจ็บมั้ยคะ?
คุณหมอ: (หัวเราะเบาๆ) ไม่เจ็บบ ไม่รู้สึกตัว หนูหลับ ตื่นมาก็ตึงๆ สวยเลย แค่หลับไปแปปเดียว
ได้ฟังก็ใจชื้นขึ้นมากหน่อย กลัวนอนๆอยู่แล้วตื่นขึ้นมากลางทาง แบบนั้นแย่แน่...
จากนั้นเจ้าหน้าที่ก็พาเราไปอีกห้องนึง ซึ่งเป็นห้องผ่าตัด จากนั้นคุณพยาบาลก็พาเราไปขึ้นเตียง จับแขนสองข้างกางออกแล้วก็รัดไว้ด้วยสายรัด คุณหมอวิสัญญีก็เข้ามา เป็นผู้หญิง เสียงนุ่มๆดูใจดีมากกกก มาคลำแขนนี่หาเส้น ตอนแรกก็ดูหลังมือก่อน แต่ด้วยความที่เป็นคนเส้นเลือดเล็กมาก หลังมือเจาะไม่ได้ ไม่เห็นเส้นเลย ก็ขยับมาดูข้อพับ ก็ยังไม่มีอีก55555 คุณหมอยืนตบเป็นนาที ก็เริ่มขึ้นมานิดๆ คุณหมอเลยลองแทงเข็ม... ไม่ได้จ่ะ คุณหมอก็คว้านหาเส้นอยู่นานมาก จนมาได้ข้อสรุปแทงขวางกับข้อพับ (คุณหมอบอกเกิดมาพึ่งเคยแทงเข็มแบบนี้เป็นครั้งแรก) แทงเข็มได้ก็ยังไม่ไหลนะ น้ำเกลือไม่ไหลเข้า ได้คว้านกันอีกเป็นนาที กว่าจะเสร็จ ใจเริ่มเสีย.. สรุปตรูจะได้ทำมั้ย หรือจะพังเพราะเสียบสายน้ำเกลือไม่ได้ อดผ่าค่ะ.. ไม่ได้นะ
คุณหมอวิญญีก็เลยบอกว่า เอางี้ แทงแบบนี้ไปก่อน(แทงเข็มเป็นแนวขวางกับแขน) ไว้หนูสลบก่อน แล้วคุณหมอจะแทงใหม่ หนูจะได้ไม่เจ็บ.. (เพราะตอนนี้เจ็บมากค่ะ คว้านหาเส้นจนน้ำตาซึม)
จากนั้นก็เริ่มวางยาสลบ ซึ่งเกิดขึ้นรวดเร็วมากกก เหมือนนอนพูดกับหมออยู่ดีๆ ก็หลับไปเลย
แล้วมารู้สึกตัวอีกทีตอนมีเสียงเรียกชื่อ แล้วตามด้วยคำถาม..
เป็นไงบ้างคะ เจ็บมั้ย?
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้