จากการมองที่แทบมืดมิด กลับสว่างอีกครั้ง ณ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว [ผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา]

สวัสดีครับทุกท่าน

จริงๆเรื่องราวตามหัวข้อกระทู้ก็ผ่านมาได้ประมาณ 2 ปี แล้ว
แต่พอดีเห็นข่าวจาก รพ.บ้านแพ้ว ว่า วันที่ 17 ต.ค. นี้
จะมีพิธีเปิดตึกที่สร้างใหม่ของ รพ. โดยสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ
ไปดูรายละเอียดลึกมาๆพบว่าจริงๆแล้วยังขาดเครื่องมือแพทย์อีกมากๆ หลักร้อยล้าน

ทั้งยังมีตึกสำหรับการรักษาตาโดยเฉพาะ
ที่เรียกว่า รพ.จักษุบ้านแพ้ว อีกโครงการที่มีเพียงโครงสร้างตึก ในตอนนี้

จึงเกิดแรงบันดาลใจอยากแชร์เรื่องราวเมื่อ 2 ปีก่อนที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา
เพื่อ...ต้องการให้เรื่องราวนี้เป็นอีกหนึ่งความจริง ให้ใครหลายๆคนมาร่วมสมทบทุนร่วมกัน

ปล.โรงพยาบาลบ้านแพ้ว คือโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญด้านดวงตาเป็นอันดับต้นๆของประเทศ
โรงพยาบาลด้านดวงตา แห่งแรกของประเทศไทย
และเป็น รพ.รัฐแห่งแรก และแห่งเดียวของประเทศ ที่ขอออกจากระบบรัฐ มายืนด้วยตนเอง (องค์การมหาชน)


"หมอที่ผมเจอของที่นี่ ต่อให้คนไข้ข้างนอกรอมากแค่ไหน ในห้องตรวจหมอจะไม่เร่งตรวจ จะทำอย่างละเอียด
จนสุดท้ายแล้วหมอตรวจเสร็จ 2 -3 ทุ่ม และกล้าพูดว่าหมอตรวจรวมเวลาพักเที่ยง (หมอที่นี่ทานข้าวกลางวันไวมาก"



ขอแทรกคลิปวีดีโอของทาง รพ. ล่าสุด
เข้ามาตรงนี้นะครับ วีดีโอเพื่อการระดมทุน
#ลองเป็นคนตาบอกสักห้านาที
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



เรื่องนี้เป็นเรื่องความประทับใจที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเรา ซึ่งคนไข้เป็นคุณพ่อของเราเอง
ย้อนไป คือ พ่อเราทำอาชีพนักมวยสมัครเล่น [ตั้งแต่ก่อนเราเกิด] ขึ้นสังเวียนชกนับครั้งไม่ถ้วน
จนเราเข้าสู่วัยเด็กได้สักนิดนึง พ่อหยุดเป็นนักมวย มาทำอาชีพมาค้าขายกับแม่
แต่สิ่งหนึ่งที่มันไม่ได้หยุดไปกับอาชีพที่พ่อเราเคยทำ คือ ผลที่ตามมาที่แย่ที่สุดในชีวิตของพ่อ
ดวงตาของพ่อทั้งสองข้าง พร่ามัว แทบมืดมิด หาสาเหตุได้ว่า
เกิดจากการกระทบกระเทือนอย่างหนักที่เกิดจากอาชีพนักมวย
วิธีแก้มีทางเดียวเท่านั้นคือ การผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตาเท่านั้น
[กระจกตา คำว่าเปลี่ยนในที่นี้คือ การรับกระจกตาจากผู้ที่เสียชีวิตไปแล้ว มาใช้งานต่อ]

ประมาณ ปี 2550 เราทำตามคำแนะนำของหมอท่านหนึ่ง
คือการไปติดต่อขอรับบริจาคดวงตาที่สภากาชาด
ซึ่งขณะนั้นสภาพการมองเห็นของพ่อ ก็แย่ลงมากๆแล้ว คือถ้าออกจากบ้าน หรือไปที่แปลกถิ่น พ่อจะไม่รู้ทาง ไม่รู้เลยว่าอะไรอยู่ตรงไหน
ซึ่งสภากาชาดแจ้งว่า ต้องรอหลายปีมากๆเพราะความต้องการที่สูง แต่มีผู้บริจาคไว้น้อยมาก

ปลายปี 2558 ได้รับการติดต่อจาก รพ.ต้นสังกัดสิทธิ์การรักษา (ที่สมัยนั้นเรียกบัตรสามสิบ)
ว่าใกล้จะถึงคิวรับกระจกตาแล้ว 1 ข้าง จะทำเรื่องส่งตัวให้ รพ.บ้านแพ้ว เป็นผู้ดูแลจนจบกระบวนการ
เนื่องจากมีความเป็นเฉพาะทางที่สุด และมีแพทย์เชี่ยวชาญด้านดวงตา
"นี่คือข่าวดีที่สุดในชีวิต ของครอบครัวเรา คือข่าวดีที่สุดของพ่อ"
นี่คือข่าวดีหลังจากการรอคอยกว่า 8 ปี

ต้นปี 2559 เริ่มเข้ากระบวนการเตรียมความพร้อมเพื่อรับการผ่าตัด
เมื่อพ่อถูกส่งตัวมายัง รพ.บ้านแพ้ว แพทย์ที่ทำการดูแลเคสของพ่อ
คือ แพทย์หญิงพรรณสมร ชำนาญกิจ ผู้เชี่ยวชาญด้านกระจกตา
ครอบครัวเราได้รู้จักกับแพทย์ท่านนี้ ท่านทำการตรวจหลายๆอย่างทางตา
ที่จำเป็นต่อการรับกระจกตา เพื่อเก็บเป็นข้อมูลไว้
แล้วแจ้งครอบครัวเราว่าน่าจะเข้ากระบวนการผ่าตัดได้ช่วงกลางปี

กลางปี 2559 พ่อเข้าสู่กระบวนการเตรียมผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา
ก่อนถึงเดือน ส.ค. 59 หมอนัดพ่อเข้าไปติดตามสภาพของดวงตาบ่อยมากๆ
พร้อมแจ้งว่าใกล้ถึงคิวรับแบบสุดๆแล้ว เมื่อถึงคิวแล้ว อาจแจ้งล่วงหน้าไม่ได้มาก
เพราะขึ้นอยู่กับการเสียชีวิตลงของผู้ที่ยื่นบริจาคไว้ คือให้พ่อสแตนบายตลอดเวลา

4 - 5 สิงหาคม 59 ผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา
ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 สัปดาห์ หมอแจ้งวันให้เข้ารับการผ่าตัดเปลี่ยนประจกตา ณ โรงพยาบาลบ้านแพ้ว
จำได้ว่ามีความจำเป็นบางประการที่ทำให้พ่อไม่สามารถรับการผ่าตัดที่ รพ.บ้านแพ้วได้
ตรงนี้จำได้ไม่แม่นนักเพราะตอนนั้นยุ่งมากกับการไปอีก รพ. ถ้าจำไม่ผิดคือเตียงสำหรับการพักฟื้น หรือห้องผ่าตัดไม่พอ
ซึ่งกระจกตาที่ได้รับมาไม่สามารถรอได้ เพราะจะทำให้เซลล์ตาย
จึงต้องไปใช้สถานที่ของ รพ.นครปฐม ซึ่งอยู่ใกล้เคียง
ซึ่งแพทย์หญิงพรรณสมร แจ้งว่าจะเดินทางไปผ่าให้ในตอนเช้า
#ตรงนี้คือความประทับใจจริงๆกับท่าน ท่านทุ่มเทมากๆ

พ่อเราไปนอนพักที่นั่น รอการผ่าตัด 1 คืน
เช้าวันที่ 5 ส.ค. แพทย์หญิงพรรณสมร
มาถึง รพ.นครปฐม และแจ้งให้พยาบาลมารับตัวพ่อไปยังห้องผ่าตัด
ประมาณช่วงบ่าย การผ่าตัดเสร็จสิ้นลง
พ่อนอนพักฟื้นอยู่ประมาณ 1 คืน โดยการดูแลของแพทย์หญิงพรรณสมร

จบกระบวนการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา 1 ข้าง เป็นที่เรียบร้อย
แต่ใช่จะใช้งานได้เลย พ่อยังต้องอยู่ในการดูแล จนกว่าหมอจะมีคำสั่งให้เปิดที่ปิดตาออก
จนวินาทีที่เปิดที่ปิดตาออก นั่นคือความสำเร็จของหมอ
คือความดีใจของครอบครัวเรา ตรงนี้ไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกยังไง

หลังจากวันนั้นมาพ่อต้องเข้าพบหมอประมาณเดือนละ 1 ครั้ง ช่วงหลังๆนี้ก็ประมาณ 2-3 เดือนครั้ง
เพื่อให้หมอได้ติดตามความคืบหน้าของการรักษา หรืออาการแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น




ทุกวันนี้พ่อผมมองเห็นได้ ใช้ชีวิตได้อย่างคนปกติทั่วไป
จากการกลับมามองเห็นอีกครั้งของชีวิต ถึงแม้จะเพียงตาข้างขวาข้างเดียว
แต่ทำให้ผมเห็นรอยยิ้มของพ่อได้ชัดขึ้น รอยยิ้มดูมีความสุขขึ้น เป็นสิ่งที่สื่อว่าท่านไม่มีความทุกข์กับการมองเห็นอีกแล้ว


ตุลาคม 61 หมอแจ้งว่าใกล้ถึงคิวรับกระจกตาอีก 1 ข้าง น่าจะอีกประมาณ 1 ปี
พ่อจะได้มองเห็นอย่างชัดๆด้วยตาทั้ง 2 ข้าง



อันนี้คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเราโดยสรุป
ตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2550 ช่วงรอกระจกตา
จนถึงปี 2558 ช่วงเตรียมพร้อมรับกระจกตารพ.บ้านแพ้วแห่งนี้ ดูแลพ่อผมดีมากๆ
โดยมีแพทย์หญิงพรรณสมร เป็นผู้ติดตามอาการทุกๆครั้งที่ไป
ดูแลเสมือนครอบครัวจริงๆ
รัก รพ.แห่งนี้ รักหมอท่านนี้




ตอ่ไปจะเป็นเรื่องราวของโรงพยาบาลบ้านแพ้วแห่งนี้ ที่ผมจะขอเล่าให้ทุกท่านทราบ และจะขอเป็นสะพานบุญด้วย

รพ.บ้านแพ้วแห่งนี้ เป็นโรงพยาบาลแห่งแรก และแห่งเดียว ที่ขอออกจากระบบรัฐ สู่ระบบองค์การมหาชน
(ออกมาดูแลตัวเอง) รายละเอียดข่าวเต็มๆดูได้จาก บ้านแพ้วโมเดล
โรงพยาบาลรัฐในรูปแบบองค์การมหาชนประสิทธิภาพและคุณภาพสูง


รพ.แห่งนี้อาศัยการช่วยเหลือจุนเจือกันของหลายๆภาพส่วนๆ และยังเป็นโรงพยาบาลที่ครองใจผู้รับบริการอย่างยิ่ง
ลองดูเรื่องราวของ รพ.แห่งนี้ จากคลิปพวกนี้นะครับ

ข่าว3มิติ รพ.บ้านแพ้วต้นแบบจัดการปัญหาขาดแคลนงบประมาณ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
รพ.บ้านแพ้ว" โรงพยาบาลตาแห่งแรกของประเทศไทย
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
หมอเลี๊ยบ เผย เบื้องหลังความสำเร็จของโรงพยาบาลบ้านแพ้ว(องค์การมหาชน)
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ



สำหรับเรื่องราวต่างๆที่ผมพยายามสื่อไปตั้งแต่ต้นกระทู้นั้น
เพราะต้องการแชร์ความมีดีของโรงพยาบาลแห่งนี้ และอยากให้ทุกๆท่านทราบว่า
ที่แห่งนี้คือความหวังของใครอีกหลายๆคน

ตอนนี้โรงพยาบาลสร้างตึกใหม่เสร็จแล้ว แต่ยังขาดแคลนเรื่องเครื่องมือแพทย์ ทั้งยังมีตึกเฉพาะทางด้านจักษุอีกหนึ่งตึกที่ไม่รู้ว่าจะหาเงินจากไหนมาทำให้เสร็จได้ไวๆ
[ถ้าอ้างอิงรายงานประจำปี 60 ที่นี่หาเงินได้(เอง)ประมาณ 1200 ล้าน และได้งบจากรัฐให้อีกประมาณ 100 ล้าน


จึงอยากจะเชิญชวนท่านที่พอจะมีกำลังที่จะช่วยได้ มาร่วมกันนะครับ
สำหรับผมแล้วสิ่งที่ทำตอนนี้คือ ตราบใดที่ยังมีรายได้อยู่ จะช่วยบริจาคทุกๆรอบของเงินเดือน
และตอนนี้ผมได้สมัครเป็นผู้บริจาคดวงตาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว



ขอใช้ภาพการประชาสัมพันธ์ของ รพ. ตามนี้นะครับ









แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่