สวัสดีค่ะ ลาพักร้อนอีกครั้งจึงได้มีโอกาสแชร์ประสบการณ์เดินเที่ยวเมลแบบเบิร์นเมินทัวร์ เพราะจัดทริปด้วยตัวเอง จากปีก่อนพักร้อนได้ไป Australia กับทัวร์ เราจะได้เที่ยวแบบ sightseeing เวลาจำกัดสุดๆเนอะ รอบนี้เราขอไปแบบชิวๆ แต่ก็ไม่ได้ไปคนเดียว มีผู้ใหญ่ 1 ท่านและน้องสาว 1 ท่าน รวม 3 คน โดยผู้ร่วม trip พิเศษคือคุณแม่และน้องสาวครอบครัว MAMAFAKA (The artist was passed away yr. 2013) ซึ่งมี mission ที่จะต้องพบงานศิลปะ "MR. Hell yeah" ที่ยังคงอยู่ ณ Melbourne ดิฉันจึงกลายเป็นผู้นำทัวร์จำเป็น และไม่ลำบากใจอะไร เพราะจะลาพักร้อนและจะไปอยู่แล้ว จึงยินดีที่จะพาครอบครัว #MMFKFamily ไปถึงจุดหมายครั้งนี้ค่ะ
จัดแผนเที่ยวที่ดีที่สุดสำหรับ 3 คน 1 ผู้ใหญ่ 1 วัยรุ่น และเรา (ไม่ใช่เราคนเดียวนะจ้ะ)
ที่นั่งที่ดีที่สุดในราคาดีที่สุด โดยเลือก Air Asia Economy - Hot seat และ Quiet zone เราจะได้นั่งแถวหน้า บน Thai Air Asia หรือหลัง Business class บน Air Asia X แบบยื่นขาได้ปรับเอนได้ และไม่มีเสียงรบกวนขณะหลับ (ไม่ค่อยอยากบอกเลย เพราะต้องชิงกันหน่อยนะคะ lol) ยอมพักเปลี่ยนเครื่องที่ Kuala Lumpur ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และเสียเงินเพิ่มนิดเพื่อจองเลานจ์ ทานอาหาร เครื่องดื่ม ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
Hot seat Air Asia economy - The shot by k. Sangpeth M.
ที่พักที่ดีที่สุดในราคาดีที่สุด ที่นอนได้ 3 คน โดยเลือก Citadines on Bourke ซึ่งเป็น Apartment hotel ระดับ 4-5 ดาว มีรางวัลการันตี อยู่ Business center มีรถ Tram ฟรี! หน้าโรงแรม ที่พักสะอาดเนียบ ทำความสะอาดห้องให้ทุกวัน การบริการมืออาชีพ ห้อง Deluxe studio ออกแบบพื้นที่ใช้สอยยอดเยี่ยม เพราะคุณแม่และน้องสาวจะได้นอน King bed และ Living room สามารถปรับพื้นที่ให้กลายเป็นห้องนอนอีกห้องของฉันได้ด้วย และที่สำคัญมีครัว ตู้เย็นและ Microwave! รอดชีวิต! lol อื่นๆยังมี facility เช่น free WiFi, fitness, สระว่ายน้ำ ใช้แทบไม่ทันค่ะ
Citadines on Bourke living room
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้3. เลือก TrueMove H Travel World Sim เหมาจ่าย 899 บาท ใช้ได้ Unlimited ทั้ง trip
ใช้ง่ายดีค่ะ เพราะจะจับสัญญาณอัติโนมัติของแต่ละประเทศ ไม่ต้อง set ให้ยุ่งยาก แค่เปลี่ยนซิม ก็เรียบร้อย (iOS จะ activate เข้า International Roaming อัติโนมัติ ส่วน Android เราจะต้อง เข้า setting > connections > mobile networks > data roaming) และข้อดีคือตอนเราเปลี่ยนเครื่องที่ Kuala Lumpur ก็ใช้เน็ตได้อย่างต่อเนื่อง สัญญาณทั่วๆไป OK เราเทสสปีดที่ St Kilda beach ได้สูงกว่าค่า average ในพื้นที่นะคะ เมื่อใช้จบทริปนี้ ยังสามารถเก็บซิม (เลี้ยงไว้) ใช้ทริปต่อไปได้อีกด้วย โดยจะเหมาในราคาแค่ 799 บ. เท่านั้น! รายละเอียดติดต่อ Call Center 1242 นะคะ
12,486 ก้าวบนถนนสตรีทอาร์ท Fitzroy Victoria และ AC/DC LANE ชาว Rock n' Roll และสาย Punk ต้องมา
เรามาช่วง Spring อุณหภูมิต่ำสุด 10 องศา สูงสุด 17 องศา เรียกว่าอากาศดีมากสบายๆ ก่อนมาป่วยมาถึงก็หายป่วยโดยฉับพลัน
ทำให้เดินกี่ก้าวก็ไม่เหนื่อย สำหรับ Fitzroy จะมีกำแพง Street arts และ Graffiti เท่ๆ ถ้ามาวันอาทิตย์จะมี Rose street Artist's market รวม Australian handmade ที่พลาดไม่ได้ ส่วนร้านกาแฟส่วนใหญ่ปิด 16.00 น. รอบๆจะมีเสื้อผ้า vintage ราคาไม่เบา และสังคมย่านนี้เท่าที่เห็นจะแต่งตัวสุด Punk เสื้อหนัง รองเท้าหนัง Big bike และเราก็ใส่เสื้อหนังไปพอดี เข้า scene เป๊ะ ไม่พูดอะไรมากเพราะวันแรกก็จะเดินเล่นถ่ายรูปเป็นหลักค่ะ ส่วน AC/DC Lane ได้จัดทำเพื่อ Tribute ให้กับศิลปิน Rock & Roll ระดับโลก AC/DC เชื้อสายออสซี่ จะมีศิลปินสตรีทอาร์ทท้องถิ่นวนเวียนกันมาร่วมขีดเขียนกำแพง Rock music เช่น เล่าถึง Jimi Hendrix และ Joy division
Shot by Moxt with Leica lens
15,023 ก้าวบนถนนย่าน St Kilda beach ขอต่อเวลาได้ไหม?
นั่ง Free tram จากตัวเมืองมาที่ St Kilda beach ได้เลยค่ะ จุดแรกคือสวนสนุก Luna park ที่มีครอบครัว เด็กๆมากมาย กรี้ดกร้าด รถไฟเหาะ สนุกสนาน รวมถึงมี Entertainer ที่มนุษยสัมพันธ์ดี ระหว่างเราถ่ายรูป selfie นางจะมาขโมย scene เข้าฉากแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ด้วยข้างหลัง ตรงข้ามจะมี Palaitis theatre เป็นสถาปัตยกรรมยุคต้น 20s' สไตล์ ornate หรือ eclectic และ exotic ที่มีต้นแบบจาก Picture palace ในประเทศอังกฤษ เรานั่ง Tram ไปที่ Acland street จะมีของที่ระลึกเก๋ๆ และเดินเล่นชิวๆรอเวลาก่อน 16.00 น. เพื่อเดินกลับมาที่ St Kilda Pier Kiosk (St Kilda Pavillion) จะมีสะพานปลาทอดยาวไปกลางทะเล สวยมาก ซึ่งถ้าอากาศเย็นลงเราจะได้เห็นเพนกวินตัวน้อย เราแนะนำร้านอาหาร Republica บรรยากาศดี ทาน Fish n chip และ Australian meat จิบเบียร์ ริมชายหาดแบบ out door เพื่อชมพระอาทิตย์ตกค่ะ
Shot by Moxt with Leica lens
7,680 ก้าวกับงาน Wearable Technologies 2018 ต่อยอดอนาคต
ก้าวน้อยกว่าทุกวันเนื่องจากได้มีโอกาสนั่งฟัง Speakers แถวหน้าชาวออสซี่ และได้มีโอกาสร่วม Round table และ Networking ซึ่งสำหรับเราสาย @Work Smart Play Hard แล้ว คุ้มที่สุดคือการลงทุนเที่ยวด้วยแล้วได้งานกลับไปต่อยอดค่ะ ไอเดียดีๆจากงานโดยมีข้อส
รุปเด่นๆคือ
- Wearable Tech คือ Top trend ที่กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ Start up ชาวออสซี่ให้ความสนใจ และพัฒนาไปไกลกว่าในบ้านเราพอควร เห็นได้จากโรงพยาบาลรัฐมีการนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วย Parkinson และผู้ป่วยมะเร็งแล้ว เมื่อพูดถึงผู้ป่วย Parkinson ที่เมือง Melbourne จะมีรถเข็นไฮเทคช่วยเหลือตัวเองพาตนเองขึ้นรถสาธารณะเองได้ โดยบนรถ Tram ก็จะมีพื้นที่ตีกรอบให้รถเข็นเหล่านั้นชัดเจน ส่วนเด็กประถมจะได้สวมแว่น AR (Augmented Reality Glasses) เพื่อได้เรียนรู้ความเสมือนจริงของอวกาศในวิชาวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องงอแงให้คุณพ่อคุณแม่ซื้อ
- Wearable Tech มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร่างพื้นฐานคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนด้านสุขภาพและการศึกษาเป็นสิ่งที่ชาวออสซี่ให้ความสนใจ ซึ่งต่างจากบ้านเราจะมุ่งเน้นการขายเป็น Fashion เสียมากกว่า
Product design มีความสำคัญในงาน Wearable tech เป็นอีกอาชีพที่ต้องทำงานร่วมกับทีม Technology developers เพราะต้องออกแบบให้คนใส่ได้จริง หรือสามารถเป็นเครื่องประดับได้ด้วย ซึ่งให้เคล็ดลับความสำเร็จคือ 1. คิดให้ไกลกว่าสิ่งที่เห็นในบ้านตนเอง (Go wide) 2. เปิดใจร่วมมือกับคนอื่นๆนอกเหนือทีมตนเองในบริษัทตนเอง (Collaborate) 3. รู้จักเชิญแขกมาชมและลองใช้ product ของตนเองให้มากที่สุด (Invite people) 4. ทำต้นแบบจนกว่าจะได้ตัวจริงที่คนใช้จริงยอมรับ กว่าจะได้ชิ้นที่ใช้งานจริงต้องทำต้นแบบเกือบร้อยชิ้น (Prototype Prototype Prototype)
- การได้ยินเสียง (Hearable tech) เป็นเทรนด์ของการออกแบบในปี 2018 ต่างจากจากเทรนด์ปีก่อนนี้ที่เน้นด้าน Visual tech เท่านั้น
เราสนใจพิเศษเกี่ยวกับชุดออกกำลังกายที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและวัดมวลกล้ามเนื้อได้ผ่านแอพพลิเคชัน เพราะเราก็เล่น Yoga & Pilates รวมถึงคุณแม่ก็เป็นครูโยคะ และได้มีโอกาสพูดคุยช่วง Round Table ซึ่งชอบ session นี้มากเพราะทำให้เรามี Positive energy ในการกลับมาทำงานและคิดถึงการพัฒนาคนเองในอนาคต เราพบว่าเขาต้องเดินทางหลากหลายจังหวัดและประเทศเพื่อค้นหาความรู้รวมถึงคนที่สามารถช่วยเหลือและตอบโจทย์เพื่อพัฒนางานของเขาอย่างอุตสาหะกว่าจะประสบความสำเร็จ และก็ไม่หยุดที่จะพัฒนา
- งานนี้ถือว่าจัดได้ดี เราให้คะแนน 4/5 คนไม่มากเกินไป ข้อมูลคัดสรรเนื้อๆ ไม่มีน้ำ speaker มีความเป็นมืออาชีพในการนำเสนอระดับ User Experience ทุกคน ช่วงท้ายเรียกว่า Drink & Business Networking เราจะได้พูดคุยสร้าง connection กับคนเก่งๆที่เป็น speaker ในงาน และผู้ร่วมงานท่านอื่นๆเพื่อแลกนามบัตร และหาช่องทางธุรกิจ และเราจะได้ชิม Australian wine เพื่อสร้างบรรยากาศที่ใกล้ชิดเป็นกันเองมากขึ้น เพื่อให้เกี่ยวกับงานเราจึงได้เปิดประเด็นคำถามเกี่ยวกับ 5G และ E-Sport ซึ่งที่ Australia ยังไม่มี 5G ใช้อย่างเป็นทางการ ใช้ได้บางพื้นที่เท่านั้น งาน IOT ยังให้ความสนใจใน Wireless technology มากกว่า ซึ่งเราก็พยายามเล่าถึง SIM 4G IOT และ E-sport trend ในประเทศไทยที่บริษัทที่เราร่วมงานปัจจุบัน กำลังสร้างสรรค์ (ทำหน้าที่ตัวแทนบริษัทอย่างดีที่สุดแล้วนะคะ
)
ชมการแสดงพื้นเมือง Aborigines / Tanderum งานเปิด Melbourne International Art Festival 2018
ตอนหัวค่ำหลังจากไปงาน WE เราได้กลับมาแถวที่พักเพื่อแวะมาชมการแสดง "TANDERUM" แบบไม่เสียค่าเข้า ที่น่าประทับใจกับ ชนเผ่า Aboriginal Australian ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย สู่ความเป็นเมืองเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดอันดับต้นๆของโลก "Tanderum" คือพิธีเฉลิมฉลองอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ Cross - culture ที่รวบรวมกลุ่มภาษา Wurundjeri/Woiwurrung, Boon Wurrung, Taungurung, Wadawurrung and Dja Dja Wurrung ซึ่งก่อนนี้ได้ถูกซ่อนไว้นับตั้งแต่การถูกรุกรานของชาวยุโรป จนเมื่อ 6 ปีก่อน Eastern Kurin ได้นำ Tanderum กลับสู่ Central Melbourne อีกครั้งและคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม Aborigines นั่นเอง
การแสดง Tanderum งานเปิด Melbourne International Arts 2018 (จะ upload video อีกครั้ง)
14,787 ก้าว ชมงานศิลปะ Art Gallery กับผลงานแสดงพิเศษจากศิลปินดังที่ร่วมงาน Melbourne International Art Festival 2018
1. Eva Rothschild Kosmos ที่ ACC Australian Centre for Contemporary Art
Eva เป็นศิลปินชาว Irish เมือง London จัดทำ installation แนว Minimal arts ยุค 1960s และ 70s โดยเล่นกับพื้นที่และการเนรมิตร drawing ในใจให้เกิดภาพ 3 มิติ ของ geometric form แบบ classical architecture, spiritualism และ pop culture เมื่อเราได้ยืนในห้องนี้จะรู้สึกเหมือนงานทุกชิ้นมีชีวิตและมีความเคลื่อนไหว ส่วนตัวจะชอบสไตล์งานของ Eva Rothschild Kosmos เป็นพิเศษค่ะ
2. Ronnie Van Hout ที่ Buxton Contemporary ใน concept "NO ONE IS WATCHING YOU" ศิลปินออสซี่ผู้เกิดที่นิวซีแลนด์ โดยแสดงงานศิลปะ rate 18+ แรงนิด โชว์ทั้ง Installation, Video motion, และงานปัก, ภาพถ่าย,วาดเขียนสาดสี มาพร้อม ดูแล้วจะหลอนๆ
อ่านและดูภาพประกอบเต็มๆต่อที่
http://woxksmartplayhard.blogspot.com
[CR] #เที่ยวเมลเบิร์น 63,971 ก้าวกับ Art & Cults ชิมไวน์ กาแฟ และจุดหมายทุ่งทิวลิป #Melbourne
จัดแผนเที่ยวที่ดีที่สุดสำหรับ 3 คน 1 ผู้ใหญ่ 1 วัยรุ่น และเรา (ไม่ใช่เราคนเดียวนะจ้ะ)
ที่นั่งที่ดีที่สุดในราคาดีที่สุด โดยเลือก Air Asia Economy - Hot seat และ Quiet zone เราจะได้นั่งแถวหน้า บน Thai Air Asia หรือหลัง Business class บน Air Asia X แบบยื่นขาได้ปรับเอนได้ และไม่มีเสียงรบกวนขณะหลับ (ไม่ค่อยอยากบอกเลย เพราะต้องชิงกันหน่อยนะคะ lol) ยอมพักเปลี่ยนเครื่องที่ Kuala Lumpur ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง และเสียเงินเพิ่มนิดเพื่อจองเลานจ์ ทานอาหาร เครื่องดื่ม ไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่ม
ที่พักที่ดีที่สุดในราคาดีที่สุด ที่นอนได้ 3 คน โดยเลือก Citadines on Bourke ซึ่งเป็น Apartment hotel ระดับ 4-5 ดาว มีรางวัลการันตี อยู่ Business center มีรถ Tram ฟรี! หน้าโรงแรม ที่พักสะอาดเนียบ ทำความสะอาดห้องให้ทุกวัน การบริการมืออาชีพ ห้อง Deluxe studio ออกแบบพื้นที่ใช้สอยยอดเยี่ยม เพราะคุณแม่และน้องสาวจะได้นอน King bed และ Living room สามารถปรับพื้นที่ให้กลายเป็นห้องนอนอีกห้องของฉันได้ด้วย และที่สำคัญมีครัว ตู้เย็นและ Microwave! รอดชีวิต! lol อื่นๆยังมี facility เช่น free WiFi, fitness, สระว่ายน้ำ ใช้แทบไม่ทันค่ะ
Citadines on Bourke living room
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
12,486 ก้าวบนถนนสตรีทอาร์ท Fitzroy Victoria และ AC/DC LANE ชาว Rock n' Roll และสาย Punk ต้องมา
เรามาช่วง Spring อุณหภูมิต่ำสุด 10 องศา สูงสุด 17 องศา เรียกว่าอากาศดีมากสบายๆ ก่อนมาป่วยมาถึงก็หายป่วยโดยฉับพลัน ทำให้เดินกี่ก้าวก็ไม่เหนื่อย สำหรับ Fitzroy จะมีกำแพง Street arts และ Graffiti เท่ๆ ถ้ามาวันอาทิตย์จะมี Rose street Artist's market รวม Australian handmade ที่พลาดไม่ได้ ส่วนร้านกาแฟส่วนใหญ่ปิด 16.00 น. รอบๆจะมีเสื้อผ้า vintage ราคาไม่เบา และสังคมย่านนี้เท่าที่เห็นจะแต่งตัวสุด Punk เสื้อหนัง รองเท้าหนัง Big bike และเราก็ใส่เสื้อหนังไปพอดี เข้า scene เป๊ะ ไม่พูดอะไรมากเพราะวันแรกก็จะเดินเล่นถ่ายรูปเป็นหลักค่ะ ส่วน AC/DC Lane ได้จัดทำเพื่อ Tribute ให้กับศิลปิน Rock & Roll ระดับโลก AC/DC เชื้อสายออสซี่ จะมีศิลปินสตรีทอาร์ทท้องถิ่นวนเวียนกันมาร่วมขีดเขียนกำแพง Rock music เช่น เล่าถึง Jimi Hendrix และ Joy division
15,023 ก้าวบนถนนย่าน St Kilda beach ขอต่อเวลาได้ไหม?
นั่ง Free tram จากตัวเมืองมาที่ St Kilda beach ได้เลยค่ะ จุดแรกคือสวนสนุก Luna park ที่มีครอบครัว เด็กๆมากมาย กรี้ดกร้าด รถไฟเหาะ สนุกสนาน รวมถึงมี Entertainer ที่มนุษยสัมพันธ์ดี ระหว่างเราถ่ายรูป selfie นางจะมาขโมย scene เข้าฉากแลบลิ้นปลิ้นตาอยู่ด้วยข้างหลัง ตรงข้ามจะมี Palaitis theatre เป็นสถาปัตยกรรมยุคต้น 20s' สไตล์ ornate หรือ eclectic และ exotic ที่มีต้นแบบจาก Picture palace ในประเทศอังกฤษ เรานั่ง Tram ไปที่ Acland street จะมีของที่ระลึกเก๋ๆ และเดินเล่นชิวๆรอเวลาก่อน 16.00 น. เพื่อเดินกลับมาที่ St Kilda Pier Kiosk (St Kilda Pavillion) จะมีสะพานปลาทอดยาวไปกลางทะเล สวยมาก ซึ่งถ้าอากาศเย็นลงเราจะได้เห็นเพนกวินตัวน้อย เราแนะนำร้านอาหาร Republica บรรยากาศดี ทาน Fish n chip และ Australian meat จิบเบียร์ ริมชายหาดแบบ out door เพื่อชมพระอาทิตย์ตกค่ะ
7,680 ก้าวกับงาน Wearable Technologies 2018 ต่อยอดอนาคต
ก้าวน้อยกว่าทุกวันเนื่องจากได้มีโอกาสนั่งฟัง Speakers แถวหน้าชาวออสซี่ และได้มีโอกาสร่วม Round table และ Networking ซึ่งสำหรับเราสาย @Work Smart Play Hard แล้ว คุ้มที่สุดคือการลงทุนเที่ยวด้วยแล้วได้งานกลับไปต่อยอดค่ะ ไอเดียดีๆจากงานโดยมีข้อส
รุปเด่นๆคือ
- Wearable Tech คือ Top trend ที่กลุ่มนักธุรกิจรุ่นใหม่ Start up ชาวออสซี่ให้ความสนใจ และพัฒนาไปไกลกว่าในบ้านเราพอควร เห็นได้จากโรงพยาบาลรัฐมีการนำไปใช้เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ป่วย Parkinson และผู้ป่วยมะเร็งแล้ว เมื่อพูดถึงผู้ป่วย Parkinson ที่เมือง Melbourne จะมีรถเข็นไฮเทคช่วยเหลือตัวเองพาตนเองขึ้นรถสาธารณะเองได้ โดยบนรถ Tram ก็จะมีพื้นที่ตีกรอบให้รถเข็นเหล่านั้นชัดเจน ส่วนเด็กประถมจะได้สวมแว่น AR (Augmented Reality Glasses) เพื่อได้เรียนรู้ความเสมือนจริงของอวกาศในวิชาวิทยาศาสตร์ ไม่ต้องงอแงให้คุณพ่อคุณแม่ซื้อ
- Wearable Tech มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร่างพื้นฐานคุณภาพชีวิต โดยเฉพาะเพื่อสนับสนุนด้านสุขภาพและการศึกษาเป็นสิ่งที่ชาวออสซี่ให้ความสนใจ ซึ่งต่างจากบ้านเราจะมุ่งเน้นการขายเป็น Fashion เสียมากกว่า
Product design มีความสำคัญในงาน Wearable tech เป็นอีกอาชีพที่ต้องทำงานร่วมกับทีม Technology developers เพราะต้องออกแบบให้คนใส่ได้จริง หรือสามารถเป็นเครื่องประดับได้ด้วย ซึ่งให้เคล็ดลับความสำเร็จคือ 1. คิดให้ไกลกว่าสิ่งที่เห็นในบ้านตนเอง (Go wide) 2. เปิดใจร่วมมือกับคนอื่นๆนอกเหนือทีมตนเองในบริษัทตนเอง (Collaborate) 3. รู้จักเชิญแขกมาชมและลองใช้ product ของตนเองให้มากที่สุด (Invite people) 4. ทำต้นแบบจนกว่าจะได้ตัวจริงที่คนใช้จริงยอมรับ กว่าจะได้ชิ้นที่ใช้งานจริงต้องทำต้นแบบเกือบร้อยชิ้น (Prototype Prototype Prototype)
- การได้ยินเสียง (Hearable tech) เป็นเทรนด์ของการออกแบบในปี 2018 ต่างจากจากเทรนด์ปีก่อนนี้ที่เน้นด้าน Visual tech เท่านั้น
เราสนใจพิเศษเกี่ยวกับชุดออกกำลังกายที่สามารถควบคุมอุณหภูมิและวัดมวลกล้ามเนื้อได้ผ่านแอพพลิเคชัน เพราะเราก็เล่น Yoga & Pilates รวมถึงคุณแม่ก็เป็นครูโยคะ และได้มีโอกาสพูดคุยช่วง Round Table ซึ่งชอบ session นี้มากเพราะทำให้เรามี Positive energy ในการกลับมาทำงานและคิดถึงการพัฒนาคนเองในอนาคต เราพบว่าเขาต้องเดินทางหลากหลายจังหวัดและประเทศเพื่อค้นหาความรู้รวมถึงคนที่สามารถช่วยเหลือและตอบโจทย์เพื่อพัฒนางานของเขาอย่างอุตสาหะกว่าจะประสบความสำเร็จ และก็ไม่หยุดที่จะพัฒนา
- งานนี้ถือว่าจัดได้ดี เราให้คะแนน 4/5 คนไม่มากเกินไป ข้อมูลคัดสรรเนื้อๆ ไม่มีน้ำ speaker มีความเป็นมืออาชีพในการนำเสนอระดับ User Experience ทุกคน ช่วงท้ายเรียกว่า Drink & Business Networking เราจะได้พูดคุยสร้าง connection กับคนเก่งๆที่เป็น speaker ในงาน และผู้ร่วมงานท่านอื่นๆเพื่อแลกนามบัตร และหาช่องทางธุรกิจ และเราจะได้ชิม Australian wine เพื่อสร้างบรรยากาศที่ใกล้ชิดเป็นกันเองมากขึ้น เพื่อให้เกี่ยวกับงานเราจึงได้เปิดประเด็นคำถามเกี่ยวกับ 5G และ E-Sport ซึ่งที่ Australia ยังไม่มี 5G ใช้อย่างเป็นทางการ ใช้ได้บางพื้นที่เท่านั้น งาน IOT ยังให้ความสนใจใน Wireless technology มากกว่า ซึ่งเราก็พยายามเล่าถึง SIM 4G IOT และ E-sport trend ในประเทศไทยที่บริษัทที่เราร่วมงานปัจจุบัน กำลังสร้างสรรค์ (ทำหน้าที่ตัวแทนบริษัทอย่างดีที่สุดแล้วนะคะ )
ชมการแสดงพื้นเมือง Aborigines / Tanderum งานเปิด Melbourne International Art Festival 2018
ตอนหัวค่ำหลังจากไปงาน WE เราได้กลับมาแถวที่พักเพื่อแวะมาชมการแสดง "TANDERUM" แบบไม่เสียค่าเข้า ที่น่าประทับใจกับ ชนเผ่า Aboriginal Australian ที่ใช้ชีวิตเรียบง่าย สู่ความเป็นเมืองเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดอันดับต้นๆของโลก "Tanderum" คือพิธีเฉลิมฉลองอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นสัญลักษณ์ Cross - culture ที่รวบรวมกลุ่มภาษา Wurundjeri/Woiwurrung, Boon Wurrung, Taungurung, Wadawurrung and Dja Dja Wurrung ซึ่งก่อนนี้ได้ถูกซ่อนไว้นับตั้งแต่การถูกรุกรานของชาวยุโรป จนเมื่อ 6 ปีก่อน Eastern Kurin ได้นำ Tanderum กลับสู่ Central Melbourne อีกครั้งและคงไว้ซึ่งวัฒนธรรม Aborigines นั่นเอง
14,787 ก้าว ชมงานศิลปะ Art Gallery กับผลงานแสดงพิเศษจากศิลปินดังที่ร่วมงาน Melbourne International Art Festival 2018
1. Eva Rothschild Kosmos ที่ ACC Australian Centre for Contemporary Art
Eva เป็นศิลปินชาว Irish เมือง London จัดทำ installation แนว Minimal arts ยุค 1960s และ 70s โดยเล่นกับพื้นที่และการเนรมิตร drawing ในใจให้เกิดภาพ 3 มิติ ของ geometric form แบบ classical architecture, spiritualism และ pop culture เมื่อเราได้ยืนในห้องนี้จะรู้สึกเหมือนงานทุกชิ้นมีชีวิตและมีความเคลื่อนไหว ส่วนตัวจะชอบสไตล์งานของ Eva Rothschild Kosmos เป็นพิเศษค่ะ
2. Ronnie Van Hout ที่ Buxton Contemporary ใน concept "NO ONE IS WATCHING YOU" ศิลปินออสซี่ผู้เกิดที่นิวซีแลนด์ โดยแสดงงานศิลปะ rate 18+ แรงนิด โชว์ทั้ง Installation, Video motion, และงานปัก, ภาพถ่าย,วาดเขียนสาดสี มาพร้อม ดูแล้วจะหลอนๆ
อ่านและดูภาพประกอบเต็มๆต่อที่ http://woxksmartplayhard.blogspot.com
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น