เพราะว่ากลัวบาปจากการทำแท้งในตอนนั้น

สวัสดีครับนี่เป็นกระทู้เเรกของผม ผมพยายามจะวิธีระบายความในใจของผม แต่ถ้าผมระบายออกไปหรือไปเล่าให้ใครฟังหลังจากฟังผมเล่าจบคนที่ฟังจะต้องสมน้ำหน้าผมแน่นอนครับ ผมจึงมาตั้งกระทู้ในพันทิพย์ เพราะผมรู้สึกว่ามันปลอดภัย อย่างน้อยคนที่อ่านก็ไม่รู้ว่าผมเป็นใคร

ขอเริ่มเรื่องเลยนะครับ ผมมีลูกตอนอายุ 24 ปี
แฟนผมท้องตอนอายุ 20 ปี ผมอายุ 24 ปี  ครั้งแรกที่แฟนผมบอกว่าแฟนเมนส์ไม่มา 1 เดือนเเล้ว ตอนนั้นผมคิดไปว่าอาจจะเป็นความผิดพลาดจากการทำงานของร่างกาย ผมจึงปลอบแฟน จนเข้าสู่เดือนที่ 3 เเล้วที่เมนส์ไม่มา ตอนนั้นผมจึงมั่นใจว่าแฟนท้องจริงๆ ผมกับแฟนเรียนคนละที่(คนละจังหวัด เพราะผมต้องไปเรียนต่างจังหวัด) ผมอาศัยอยู่หอพักแห่งหนึ่ง ผมครุ่นคิดทั้งวัน เป็น 1 สัปดาห์เต็มๆที่ผมไม่มีจะจิตกระใจทำอะไรเลย ไปเรียนก็เรียนไม่รู้เรื่อง ในสมองคิดแต่เรื่องแฟนท้องอย่างเดียว คิดว่าจะเอายังไงดีกับชีวิต แต่ผมไม่เคยคิดจะเอาลูกออกหรือแท้งเลยสักนิด เพราะผมมีความเชื่อเรื่องบาป ผมมีเพื่อนอยู่ 1 คนที่บอกกับผมว่า "เอาออกเหอะถ้าเรายังไม่พร้อม ถ้าเขาออกมาเขาก็ลำบากอยู่ดี" ทำให้ผมต้องคิดหนัก แต่ผมจะเครียดเรื่องพ่อกับแม่มากกกว่า คิดอยู่อย่างเดียวว่า จะบอกพ่อแม่ยังไงดี จนในที่สุดผมก็บอกพ่อกับแม่จนได้ เพราะคิดว่าสักวันก็ต้องรู้เพราะท้องต้องโตขึ้นทุกวัน ผมจึงปรึกษาพ่อกับเเม่ว่าไห้แฟนดรอปเรียนไหม แฟนบอกว่าออกเลย ส่วนผมก็ต้องเรียนให้จบ เพราะเหลืออีกเทอมเดียวก็จะจบ วันหยุดเสาร์-อาทิตย์ บางวันผมกลับบ้านตจว.ผมรู้สึกอายมากๆ คนแถวบ้านแอบนินทา มีอยู่วันหนึ่งป้าผมถาม ผมยังจำบทสนทนานี้ได้ดี
ป้า - เรายังไม่พร้อม เรายังเรียนไม่จบ ทำไมไม่เอาออก
ผม - ไม่ครับ กลัวบาป กลัวทำมาหากินไม่เจริญ
ป้า - นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว จะกลัวบาปทำไม สมัยนี้ไม่มีหรอกคนบุญ ถ้าคนบุญจริงต้องเหยียบดอกบัวไม่จม ลองให้ไปเหยียบใบบัวดูสิ่ จมกันหมดทุกคนแหละ (ป้านับถือพุทธผมก็นับถือพุทธ)

ผมต้องทนสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยคำนินทา ผมก็ไม่อยากจะไปคิดอะไร ผมควรจะคิดเรื่องเรียนให้จบ ถ้าเรียนไม่จบผมพาลูกเมียลำบากแน่ (เริ่มคิดว่าไม่ใช่แค่แฟนแล้ว) จนวันที่แฟนคลอดผมก็เรียนจบพอดี

เข้าสู่ชีวิตวัยทำงาน ทำงานครั้งแรกที่ ตจว. (แต่ไม่ใช่จังหวัดบ้านเกิด จังหวัดที่เรียน) ผมได้เงินเดือน 12,000 บาท ใช้ทั้งครอบครัว 3 คน พ่อ แม่ ลูก เพราะผมต้องเอาลูกเมียมาอยู่ด้วย ผมไม่อยากไห้ลูกเมียอยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนั้น แต่พ่อกับแม่ผมก็ไม่อยากไห้เอามาเพราะเราพึ่งเริ่มต้น อยากไห้ตั้งตัวได้ก่อนแล้วค่อยเอาลูกเมียมาอยู่ด้วย  เวลาผ่านไป 3 ปี จนผมทำงานใน กทม.เงินเดือน 27,000 บาท ผมเริ่มมองชีวิต ผมหันซ้าย หันขวาไปดูเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวที่เรียนจบมาด้วยกัน แล้วก็รวมไปถึงเพื่อนคนที่เคยพาแฟนไปทำแท้งด้วย(ปัจจุบันเลิกกับแฟนคนนั้นไปแล้ว) เพื่อนทุกคน มีรถ มีบ้าน มีอะไรเป็นของตัวเองหมดแล้ว ส่วนผมยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย ผมทำหนัก รับทั้งงานนอก มันก็ยังไม่เคยมีกับเขา

จนตอนนี้เข้าสู่วัย 26 ย่าง 27 ปีแล้ว ผมเข้าใจแล้วหละ ว่า ปัญหาของความจนมันเกิดขึ้นจากอะไร เกิดขึ้นจากการ "ไม่สร้างความพร้อมทางฐานะก่อนมีลูก" อย่างที่คนโบราณเขาบอก "มีลูก 1 คน จนไป 10 ปี" มีลูกมันก็มีค่าใช้จ่ายจริงๆ เราก็ไม่อยากให้ลูกเราด้อยไปกว่าคนอื่น มีอะไรก็อยากให้มี จะกินอะไรก็ให้ได้กิน ไม่อยากให้อดอยาก ด้วยสัญชาตญาณความเป็นพ่อคน

ผมนึกคำพูดของป้า ใช่ ป้าพูดถูก "นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว จะกลัวบาปทำไม สมัยนี้ไม่มีหรอกคนบุญ ถ้าคนบุญจริงต้องเหยียบดอกบัวไม่จม ลองให้ไปเหยียบใบบัวดูสิ่ จมกันหมดทุกคนแหละ" ถ้าผมทำตามที่ป้าบอก แฟนผมต้องเรียนจบ ผมอาจจะได้เรียนต่อ ทุกวันนี้ผมก็รู้สึกผึดนะว่าทำไมอนาคตแฟนต้องมาที่เรา

ป้าผมพูดถูก เพื่อนผมพูดถูก ผมมันโง่ ก้มหน้าก้มตาเลี้ยงลูกต่อไป เขาเกิดมาแล้วก็ต้องทำให้เขามีชีวิตที่ดี
ทุกวันนี้เราเห็น เด็กมีปัญหา เด็กชอบขโมยของ เด็กก้าวร้าว เด็กติดเกมส์ เด็กติดยา เด็กเร่ร่อน เด็กพวกนี้เกิดมาจากความไม่พร้อมของครอบครัว ผมเองก็ไม่อยากให้ลูกผมอยู่ในสภาพแบบนั้น
ถ้าเรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นกับคุณ คุณจะทำ หรือ ไม่ทำ ?????????????????????????????
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่