หลังจากดูข่าวนักเรียนที่พะเยาถูกรุ่นพี่ bully เพื่อนของผมก็นึกถึงเรื่องของตัวเองและรู้สึกผิดที่ไม่สมัยก่อนเขาไม่สามารถช่วยเด็กคนหนึ่งจากการถูก bully ได้ เขามาปรึกษาผมและเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง
ต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว เพื่อนผมเพิ่งจบมาใหม่และได้มีโอกาสเป็นครูประจำชั้นนักเรียน ม 4 ในห้องนั้นเป็นห้องของเด็กนักเรียนห้องที่เก่งที่สุดในโรงเรียน หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าห้องคิงหรือห้องกิฟเต็ด ห้องนั้นมีนักเรียนประมาณ 40 กว่าคน แต่แม้จะเป็นห้องที่เก่งที่สุดก็มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า นักเรียนกลุ่มนั้นมีประมาณ 8-9 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ทางบ้านมีฐานะและพ่อของนักเรียนคนหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลของจังหวัด ทำให้เวลามีเรื่องครูประจำชั้น (เพื่อนผม) มักเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อีกอย่างหนึ่งเด็กส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะดีผู้ปกครองมี connection กัน ทำให้เด็กไม่กล้าแกล้งกันแรงมาก ครูประจำชั้นเลยเลือกที่จะปล่อยปละละเลยได้ แต่มีเด็กอยู่คนหนึ่งที่มักโดนเด็กแก๊งค์นี้แกล้งบ่อยและรุนแรงมากกว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กผู้ชายและครูประจำชั้นสืบรู้ภายหลังว่าเป็นเด็กฐานะยากจนที่บังเอิญเก่งจนสามารถเรียนห้องคิงได้ (เคยทำสำรวจพบว่าในห้องคิงมีน้องคนเดียวที่ไม่เรียนพิเศษ) มีหลายครั้งที่เพื่อนผมเข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ทุกครั้งมักเกิดเหตุการณ์ไม่ดีทำให้ทรัพย์สินของเขาเสียหาย เช่น รถยางรั่ว ท่อที่บ้านแตก เป็นต้น เขาเลยตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เด็กถูกรังแก หลังจากนั้นเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์ทรัพย์สินเสียหายแบบแปลกๆ อีกเลย แต่เขาก็ต้องทุกข์ใจที่เห็นเด็กถูกรังแกแต่เขาเข้าไปช่วยไม่ได้ สิ่งที่เขาทำได้อย่างเดียวคือ พยายามบอกตัวเองว่าเด็กคนนั้นสมควรโดน ด้วยการบอกตัวเองว่า เด็กคนนั้นเข้าสังคมไม่เก่ง เด็กคนนั้นไม่มีวาทะศิลป์ เด็กคนนั้นไม่รู้จักให้ สมควรโดนแกล้งแล้ว บลาๆๆ จนบางครั้งเพื่อนผมกลายเป็นคนบูลลี่เด็กคนนั้นเสียเอง โดยการใส่ร้ายเด็กคนนั้นว่า “ก็เธอเข้าสังคมไม่เก่งเอง” “ก็เธออ่อนแอเอง” เป็นต้น ทั้งที่มีเด็กคนอื่น (อยู่นอกแก๊งค์เด็กเกเร) มายืนยันกับครูประจำชั้นว่า เด็กชายที่โดนรังแกไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้เป็นแบบที่ครูพูด เขาเป็นเพื่อนที่ดีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับทุกคนในห้อง ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มคนที่พยายามรังแกเขา แต่ในตอนนั้นครูประจำชั้นก็ไม่ฟังเพราะศักดิ์ศรีของคนที่โตกว่า
หลังจากเด็กรุ่นนั้นจบไปเพื่อนผมมีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้งเลยรู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันผิดและน่าเกลียดมาก ที่เขาพูดใส่เด็กแบบนั้น แม้มันจะไม่หยาบคายแต่มันก็ไม่ควรออกจากปากคนที่เป็นครู ยิ่งเขาเห็นข่าวเด็กถูก bully และข่าว ผอ ที่ไม่ยอมแก้ปัญหา ทำให้เพื่อนผมรู้สึกแย่มากๆ กับสิ่งที่เขาทำในอดีต เขารู้สึกผิดที่เขาช่วยเด็กคนหนึ่งจากการถูก bully ไม่ได้ เขารู้สึกผิดที่เขาไม่สามารถสอนเด็กอีกกลุ่มหนึ่งให้ยอมรับและเคารพคนที่อาจจะด้อยกว่า และเขาก็รู้สึกผิดที่ครั้งหนึ่งเขากลายเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมการ bully เสียเอง ตอนนี้เพื่อนผมอยากจะเอาความรู้สึกผิดนี้ออกไป อยากบอกให้เด็กคนนั้นรู้ว่าครูรู้สึกผิดแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เพราะถ้าเขาจะไปขอโทษเด็ก (หนุ่ม) คนนั้นตอนนี้ก็คงดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ตอนนี้เพื่อนผมอยากได้ทางออก อยากได้คำแนะนำว่าควรทำอย่างไรดี คำถามนี้ผมเองก็ตอบอะไรไม่ได้นอกจากแนะนำเพื่อนผมให้ไปขอโทษเด็ก (หนุ่ม) นั้นตรงๆ แต่เพื่อนผมปฏิเสธ ผมเลยเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ทุกคนรับทราบและหาทางออกร่วมกันครับ
เคยปล่อยปละละเลยเด็กที่ถูก bully แต่ตอนนี้รู้สึกผิดอยากแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้ควรทำอย่างไร
ต้องย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 9 ปีที่แล้ว เพื่อนผมเพิ่งจบมาใหม่และได้มีโอกาสเป็นครูประจำชั้นนักเรียน ม 4 ในห้องนั้นเป็นห้องของเด็กนักเรียนห้องที่เก่งที่สุดในโรงเรียน หรือที่คนทั่วไปเรียกว่าห้องคิงหรือห้องกิฟเต็ด ห้องนั้นมีนักเรียนประมาณ 40 กว่าคน แต่แม้จะเป็นห้องที่เก่งที่สุดก็มีนักเรียนกลุ่มหนึ่งที่ชอบรังแกคนที่อ่อนแอกว่า นักเรียนกลุ่มนั้นมีประมาณ 8-9 คน ส่วนใหญ่เป็นเด็กที่ทางบ้านมีฐานะและพ่อของนักเรียนคนหนึ่งมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลของจังหวัด ทำให้เวลามีเรื่องครูประจำชั้น (เพื่อนผม) มักเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ อีกอย่างหนึ่งเด็กส่วนใหญ่เป็นคนมีฐานะดีผู้ปกครองมี connection กัน ทำให้เด็กไม่กล้าแกล้งกันแรงมาก ครูประจำชั้นเลยเลือกที่จะปล่อยปละละเลยได้ แต่มีเด็กอยู่คนหนึ่งที่มักโดนเด็กแก๊งค์นี้แกล้งบ่อยและรุนแรงมากกว่า เด็กคนนี้เป็นเด็กผู้ชายและครูประจำชั้นสืบรู้ภายหลังว่าเป็นเด็กฐานะยากจนที่บังเอิญเก่งจนสามารถเรียนห้องคิงได้ (เคยทำสำรวจพบว่าในห้องคิงมีน้องคนเดียวที่ไม่เรียนพิเศษ) มีหลายครั้งที่เพื่อนผมเข้าไปไกล่เกลี่ย แต่ทุกครั้งมักเกิดเหตุการณ์ไม่ดีทำให้ทรัพย์สินของเขาเสียหาย เช่น รถยางรั่ว ท่อที่บ้านแตก เป็นต้น เขาเลยตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องที่เด็กถูกรังแก หลังจากนั้นเขาไม่เคยเจอเหตุการณ์ทรัพย์สินเสียหายแบบแปลกๆ อีกเลย แต่เขาก็ต้องทุกข์ใจที่เห็นเด็กถูกรังแกแต่เขาเข้าไปช่วยไม่ได้ สิ่งที่เขาทำได้อย่างเดียวคือ พยายามบอกตัวเองว่าเด็กคนนั้นสมควรโดน ด้วยการบอกตัวเองว่า เด็กคนนั้นเข้าสังคมไม่เก่ง เด็กคนนั้นไม่มีวาทะศิลป์ เด็กคนนั้นไม่รู้จักให้ สมควรโดนแกล้งแล้ว บลาๆๆ จนบางครั้งเพื่อนผมกลายเป็นคนบูลลี่เด็กคนนั้นเสียเอง โดยการใส่ร้ายเด็กคนนั้นว่า “ก็เธอเข้าสังคมไม่เก่งเอง” “ก็เธออ่อนแอเอง” เป็นต้น ทั้งที่มีเด็กคนอื่น (อยู่นอกแก๊งค์เด็กเกเร) มายืนยันกับครูประจำชั้นว่า เด็กชายที่โดนรังแกไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่ได้เป็นแบบที่ครูพูด เขาเป็นเพื่อนที่ดีและเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับทุกคนในห้อง ไม่เว้นแม้แต่กลุ่มคนที่พยายามรังแกเขา แต่ในตอนนั้นครูประจำชั้นก็ไม่ฟังเพราะศักดิ์ศรีของคนที่โตกว่า
หลังจากเด็กรุ่นนั้นจบไปเพื่อนผมมีโอกาสทบทวนตัวเองอีกครั้งเลยรู้ว่าสิ่งที่เขาทำลงไปมันผิดและน่าเกลียดมาก ที่เขาพูดใส่เด็กแบบนั้น แม้มันจะไม่หยาบคายแต่มันก็ไม่ควรออกจากปากคนที่เป็นครู ยิ่งเขาเห็นข่าวเด็กถูก bully และข่าว ผอ ที่ไม่ยอมแก้ปัญหา ทำให้เพื่อนผมรู้สึกแย่มากๆ กับสิ่งที่เขาทำในอดีต เขารู้สึกผิดที่เขาช่วยเด็กคนหนึ่งจากการถูก bully ไม่ได้ เขารู้สึกผิดที่เขาไม่สามารถสอนเด็กอีกกลุ่มหนึ่งให้ยอมรับและเคารพคนที่อาจจะด้อยกว่า และเขาก็รู้สึกผิดที่ครั้งหนึ่งเขากลายเป็นส่วนหนึ่งที่ร่วมการ bully เสียเอง ตอนนี้เพื่อนผมอยากจะเอาความรู้สึกผิดนี้ออกไป อยากบอกให้เด็กคนนั้นรู้ว่าครูรู้สึกผิดแล้ว แต่เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
เพราะถ้าเขาจะไปขอโทษเด็ก (หนุ่ม) คนนั้นตอนนี้ก็คงดูไม่เหมาะเท่าไหร่ ตอนนี้เพื่อนผมอยากได้ทางออก อยากได้คำแนะนำว่าควรทำอย่างไรดี คำถามนี้ผมเองก็ตอบอะไรไม่ได้นอกจากแนะนำเพื่อนผมให้ไปขอโทษเด็ก (หนุ่ม) นั้นตรงๆ แต่เพื่อนผมปฏิเสธ ผมเลยเอาเรื่องนี้มาเล่าให้ทุกคนรับทราบและหาทางออกร่วมกันครับ