พวกเรา
"พรี้แหน๋แถไปเที่ยว" ได้กลับมาอีกครั้ง หลังจากเกิดอาการบางอย่างขึ้น ทุกคนเคยเป็นเหมือนกันมั้ย อยู่ดีดี ก็อยากจะออกไปเที่ยว โดยที่เงินในกระเป๋าก็ไม่ค่อยมี แต่เพราะมันใจรักในการเดินทาง และรักในการเรียนรู้ในสิ่งใหม่ๆ ที่อยู่นอกเหนือจากในโต๊ะทำงาน โดยความคิดนี้ เริ่มจากพวกเรา เป็นกลุ่มเพื่อนที่คบหา กันมา ตั้งแต่สมัยมัธยม ที่ชอบในการเดินทาง แล้วทำกิจกรรมร่วมกันเป็นประจำ จึงมีความคิดว่าเราต้องเดินทางไปสัมผัสประเทศที่มีวัฒนธรรม และ ธรรมชาติ ที่น่าชื่นชนอย่าง "ประเทศเวียดนาม"
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกัน !!
วันแรกของการเดินทาง
ออกเดินทางจาก ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ด้วยสายการบิน AIR ASIA เวลา 7.35 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต
เมื่อทำขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมื่อได้เรียบร้อยแล้ว ให้ลงบันไดเลื่อนไปยัง ชั้นที่ 1 ของสนามบิน แล้วมุ่งหน้าตรงไปซื้อซิมการ์ดของบริษัท Vinaphone 4G (ช่องซ้ายมือสุด) ราคา 100.000 VND หลังจากที่ซื้อซิมกันเรียบร้อย ให้เดินออกไปยังด้านนอกของสนามบิน แล้วเลี้ยวไปทางขวามือจะเห็นรถโดยสาร สาย 152 จอดอยู่ รอพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยัง ถนนฟามงูเหลา ค่ารถคนละ 5.000 VND แต่ถ้าหากใครมีกระเป๋าใบใหญ่ เก็บเพิ่มอีก 5.000 VND ใช้เวลาเดินทางไม่นาน กระเป๋ารถเมล์ก็จะบอกว่า ถึง ถนนฟามงูเหลา แล้วก็เดินต่อไปยังบริษัท futabus (สีส้ม) เพื่อไปออกตั๋วรถนอน ที่ได้จองออนไลน์มาจากไทยแล้ว ราคาคนละ 220.000 VND
ระหว่างนั้นได้เดินถัดออกไปประมาน 2 ตึก ก็จะเจอบริษัท The sinh tourist เลยตัดสินใจซื้อ One day trip ที่ Mui Ne ตกลงราคากันที่ 1.198.000 VND (หาร 12 คน)
ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางไปยัง DALAT โดยที่รถตู้ของบริษัทจะมารับเรา เพื่อไปส่งสถานที่ขึ้นรถนอน
นี่คือภาพภายในรถนอน
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 - 7 ชั่วโมง ซึ่งมีฝนตกเกือบตลอดเส้นทาง พอไปถึงสถานีจอดรถ ให้เราบอกชื่อโรงแรมกับคนขับรถดู แล้วหลังจากนั้นก็จะไปส่งเราเอง
พอมาถึงเมืองดาลัด สิ่งที่ทำให้เรารับรูปได้นั้นคือ สภาพอากาศ ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่บนภูเขาจะมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี และช่วงที่พวกเราไปนั้น มีฝนตกบ้างเล็กน้อย จึงจะทำให้เพิ่มความหนาวเย็นเข้าไปอีก พวกเราเลืกพักกันที่โรงแรม Le Phuong Dalat หลังเก็บของในที่พักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินทางมายาวไกล ทุกคนต้องมีความหิวเป็นธรรมดา พวกเราได้เดินออกจากที่พักเพื่อตรงไปยังร้าน "BBQ MO TE " อร่อย สะอาด ราคาไม่แรง โดยเฉพาะเบียร์
อิ่มพอสมควร หลังจากนั้นวัยรุ่นอย่างพวกเรา สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ต้องไปเที่ยวยามค่ำคืน งั้นเรามาดูกันว่าวัยรุ่นในเมืองนี้เค้าไปที่ไหนกัน ร้านนั้นก็คือ "b21beer"
วันที่สอง
ตื่นตอนเช้า อากาศที่นี่หนาวจนสัมผัสได้ ซึ่งทางโรงแรมมีห้องครัวสำหรับประกอบอาหารเองได้เหมือนอยู่ที่บ้านของตัวเองถือว่าดี และวันนี้ได้เช่ารถมอเตอร์ไซค์กับทางโรงแรมไว้เพื่อที่จะเดินทางท่องเที่ยวในเมืองดาลัด ราคาเช่าคันละ 150.000 VND
สถานที่แรกตั้งจุดมุ่งหมายไปยัง น้ำตกที่ใหญ่ที่สุด แล้วขึ้นชื่อได้ว่าสวยที่สุดในเมืองแห่งนี้ คือ น้ำตกฟงกัว (Pongour falls) น้ำตกแห่งนี้อยู่ทางใต้ของเมือง ระยะทางประมาน 40 กิโลเมตร ใช้เวลาขับมอเตอร์ไซค์ 1 ชั่วโมง เสียค่าจอดคันละ 3.000 VND
คุ้มค่ากับการถ่ายภาพน้ำตกแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางเข้าเมือง แต่ระหว่างทางจากฝนตกอยู่ตลอด แต่พอขับมอเตอร์ไซค์ได้
สถานที่ต่อไป จุดมุ่งหมายของพวกเราเลือกกันที่ น้ำตกดาตันลา (Datanla) ที่เรื่องลือ ก่อนอื่นเสียค่าจอดรถมอเตอร์ไซค์คันละ 3.000 VND หลังจากนั้นก็ซื้อตั๋วเพื่อเข้าน้ำตกอีกคนละ 30.000 VND
แต่ยังไม่หมดแค่นั้น ถ้าเราจะต้องการเล่น Roller Coaster ต้องไปซื้อบัตรค่าเครื่องเล่น ราคารวม ไป - กลับ คนละ 80.000 VND
ได้ตั๋วเรียบร้อย ลุยกันเลยย!! มันส์มากจริง
แล้วสิ่งที่ได้พบคือ น้ำตกที่สวยงาม
หลังจากสนุกกับเครื่องเล่น และชมความงามของน้ำตกนั้น พวกเราได้เดินทางไปต่อยังสถานที่หนึ่งที่เป็นไฮไลทฺ์ของเมืองนี้ คือ DALAT Cabel Car ไปถึงเสียค่าที่จอดมอเตอร์ไซค์คันละ 3.000 VND แต่เวลาที่พวกเราได้ไปถึงมันใกล้จะปิด เลยต้องซื้อตั๋วคนละ 80.000 VND นั่งไป และ นั่งกลับ
มองความสวยงามของเมืองดาลัด ในยามที่สายฝน โปรยปราย
แล้วพวกเราก็ขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปยังตัวเมือง เพื่อไปแลนมาร์คสุดฮิตที่วัยรุ่นเมืองดาลัด มาถ่ายภาพกัน คือ ร้านกาแฟ DOHA
ท้องฟ้าเริ่มมืด อากาศเริ่มหนาว และฝนก็เริ่มจะเทลงมา พวกเราขับรถไปจอดที่โรงแรมและเดินท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างไม่มีกำหนดหยุด แล้วเดินไปยังร้าน BBQ ตามคำแนะนำของพนักงานในโรงแรมแล้วก็ถึงร้านนี้ คนเยอะมา สมคำร่ำลือ ชื่อร้านว่า CHU BBQ เนื้อกระทะร้อน เสริฟพร้อมกับเบียร์เย็นๆ กับอากาศที่หนาวเย็น มันช่างเหมาะกันจริงๆ
หลังจากอิ่มท้องมาลิ้มลองอาหารสุดฮิตของเวียดนาม ณ ตลาดกลางคืนดาลัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเรา ถ้ามาแล้วไม่กิน ถือว่ามาไม่ถึง "พิซซ่าเวียดนาม"
อิ่มแล้วพร้อมแยกย้ายเข้าที่พักเพื่อเก็บแรงไว้เดินทางในวันต่อไป
วันที่สาม
7.30 น. รถได้มารับพวกเราหน้าโรงแรม เพื่อไปส่ง ณ จุดขึ้นรถที่จะไปเมือง MUI NE เวลา 8.00 น. รถได้ออกจากเมืองดาลัด ใช้เวลาเดินทางตามไหล่เขา ผ่านถนนหลากหลายรูปแบบ แล้วเราก็มาถึงเมือง MUI NE ใช้เวลาเดินทางราวๆ 4 - 5 ชั่วโมง
รถจะไปส่งที่จุดจอดรถ แล้วเราได้นั่ง taxi (สีเขียว) ราคาไม่แพง แบบกดมิตเตอร์ มายังที่พักของเรา เลือกพักกันที่โรงแรม
https://www.bonbienresort.com/ เก็บข้าวของแล้วออกมาทานข้าวร้านตรงข้ามโรงแรม
หลังจากอิ่มท้อง ได้เวลาเตรียมตัวไปลุย ทริปทะเลทรายกัน โดยเราได้จอง one day trip มาตั้งแต่ที่โฮจินมินส์แล้ว เมื่อถึงเวลา 14.30 น. รถก็มารอรับเราที่โรงแรม
นี่คือพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง
ทริปนี้ สถานที่แรก คือ Fairy Stream (Suoi Tien) เป็นสถานที่ ที่ไม่ค่อยมีอะไร เหมือนไปเดินเอาเท้าล้างน้ำ ในลำธารที่ไม่รู้ว่าเกิดจากธรรมชาติ หรือฝีมือชาวบ้านที่ทำขึ้นมา ข้อเสียทุกคนก็ทราบดีว่าประเทศนี้เวลาจ่ายเงินไม่จ่ายรอบเดียว รถพาพวกเราไปลงแถวบ้านคนที่หมักน้ำปลาเยอะ (กลิ่นแรงมาก) แล้วให้เราเดินเข้าไปเสียค่าฝากรองเท้าอีกคนละ 5.000 VND แล้วก็จะมีคนเดินนำพวกเราไปซื้อตั๋วขาเข้าอีก เสียเงินคนละ 10.000 VND หลังจากนั้นก็เดินลุยน้ำเข้าไป ซึ่งไม่มีอะไรเลย พวกเราสังเกตุว่าทำไมคนอื่นไม่คนนำ แต่กรุ๊ปเรามีคนนำทางให้ด้วย ซึ่งรู้ว่าสุดท้ายต้องมาขอทริปจากพวกเราเป็นแน่!! สุดท้ายก็เป็นไปตามที่คิดไว้ โดยการที่เขาพาพวกเราขึ้นไปบนเนินแล้วบอกว่าจุดนี้สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด ให้พวกเราถ่ายรูปรวมกัน หลังจากเขาก็บอกว่า "ขอค่าทริปแล้วเขาจะได้กลับ" พวกเราปฏิเสธแล้วให้ไป 100.000 VND (รวมกัน 10 คน) ที่นี้เขาเริ่มโวยวาย ทำท่าทางไม่พอใจ บอกจะเอาคนละ 100.000 VND พวกเราไม่ให้แล้วเดินหนีไปขึ้นรถอย่างไว ถือว่าครั้งนี้จะจำไว้เป็นบทเรียน
สถานที่ต่อไปรถได้พาพวกเราไปยัง หมู่บ้านชาวประมง แต่ช่วงที่ไปมันเป็นเหมือนมีฝนตก พวกเราเลยไม่เห็นอะไรเลย และไม่ได้ถ่ายภาพไว้
เดินทางกันต่อไปยังสถานที่ ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ เดินทางไกลเหมือนกัน ผ่านวิวทิวทัศน์ที่สวยงาน แล้วก็เดินทางไปถึงสถานที่นี้ คือ White Sand Dunes ทะเลทรายขาวโดยต้องทางเขาจะมี 2 ตัวเลือก คือ รถ atv กับรถ Jeep ราคาเท่ากันคนละ 200.000 VND
ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที ที่นี่สวยงามถือว่าเป็นไฮไลท์เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพจริง
หมดเวลาฟ้าเริ่มมืดลง พวกเราเดินทางไปยังสถานที่สุดท้าย คือ Red Sand Dunes ทะเลทรายแดง เป็นเนินทรายเตี้ยที่ไม่ค่อยมีอะไรมาก เพราะพวกเราไปฟ้าก็มืดแล้ว เลยไม่ได้ถ่ายภาพมา
หลังจากเสร็จทริปนี้แล้วรถจิ๊บได้พาพวกเรามาส่งที่โรงแรม ทุกคนเตรียมตัวออกไปหาอาหารทะเลกินกัน ได้สอบถามกับพนักงานโรงแรมว่าร้านไหนอร่อย และราคาถูก พนักงานได้แนะนำมาว่าร้านนี้ "Bờ kè Mũi Né 888" พร้อมแล้วก็ลุย เดินออกไปเลี้ยงรถ taxi หน้าโรงแรม แล้วบอกจุดมุ่งหมาย ไปถึงร้านได้สักพักด้วยความหิวพวกเราสั่งกันมาเยอะมาก สรุปว่าอาหารอร่อย สด ราคาไม่แพง และก็เบียร์ถูก ^^
อิ่มแล้วแยกย้ายกันเข้าที่พัก เพื่อที่จะเดินทางต่อในวันถัดไป
[CR] เวียดนามใต้ (HO CHI MINH - DALAT - MUI NE) On September 2018 (4 วัน 3 คืน) #พรี้แหน๋แถไปเที่ยว
พร้อมแล้วก็ออกเดินทางกัน !!
วันแรกของการเดินทาง
ออกเดินทางจาก ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง ด้วยสายการบิน AIR ASIA เวลา 7.35 น. ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที ถึง ท่าอากาศยานนานาชาติเตินเซินเญิ้ต
เมื่อทำขั้นตอนการตรวจคนเข้าเมื่อได้เรียบร้อยแล้ว ให้ลงบันไดเลื่อนไปยัง ชั้นที่ 1 ของสนามบิน แล้วมุ่งหน้าตรงไปซื้อซิมการ์ดของบริษัท Vinaphone 4G (ช่องซ้ายมือสุด) ราคา 100.000 VND หลังจากที่ซื้อซิมกันเรียบร้อย ให้เดินออกไปยังด้านนอกของสนามบิน แล้วเลี้ยวไปทางขวามือจะเห็นรถโดยสาร สาย 152 จอดอยู่ รอพร้อมที่จะมุ่งหน้าไปยัง ถนนฟามงูเหลา ค่ารถคนละ 5.000 VND แต่ถ้าหากใครมีกระเป๋าใบใหญ่ เก็บเพิ่มอีก 5.000 VND ใช้เวลาเดินทางไม่นาน กระเป๋ารถเมล์ก็จะบอกว่า ถึง ถนนฟามงูเหลา แล้วก็เดินต่อไปยังบริษัท futabus (สีส้ม) เพื่อไปออกตั๋วรถนอน ที่ได้จองออนไลน์มาจากไทยแล้ว ราคาคนละ 220.000 VND
ระหว่างนั้นได้เดินถัดออกไปประมาน 2 ตึก ก็จะเจอบริษัท The sinh tourist เลยตัดสินใจซื้อ One day trip ที่ Mui Ne ตกลงราคากันที่ 1.198.000 VND (หาร 12 คน)
ถึงเวลาที่ต้องออกเดินทางไปยัง DALAT โดยที่รถตู้ของบริษัทจะมารับเรา เพื่อไปส่งสถานที่ขึ้นรถนอน
นี่คือภาพภายในรถนอน
ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 - 7 ชั่วโมง ซึ่งมีฝนตกเกือบตลอดเส้นทาง พอไปถึงสถานีจอดรถ ให้เราบอกชื่อโรงแรมกับคนขับรถดู แล้วหลังจากนั้นก็จะไปส่งเราเอง
พอมาถึงเมืองดาลัด สิ่งที่ทำให้เรารับรูปได้นั้นคือ สภาพอากาศ ซึ่งเมืองนี้ตั้งอยู่บนภูเขาจะมีอากาศที่หนาวเย็นตลอดทั้งปี และช่วงที่พวกเราไปนั้น มีฝนตกบ้างเล็กน้อย จึงจะทำให้เพิ่มความหนาวเย็นเข้าไปอีก พวกเราเลืกพักกันที่โรงแรม Le Phuong Dalat หลังเก็บของในที่พักเสร็จเรียบร้อยแล้ว เดินทางมายาวไกล ทุกคนต้องมีความหิวเป็นธรรมดา พวกเราได้เดินออกจากที่พักเพื่อตรงไปยังร้าน "BBQ MO TE " อร่อย สะอาด ราคาไม่แรง โดยเฉพาะเบียร์
อิ่มพอสมควร หลังจากนั้นวัยรุ่นอย่างพวกเรา สิ่งที่ขาดไม่ได้คือ ต้องไปเที่ยวยามค่ำคืน งั้นเรามาดูกันว่าวัยรุ่นในเมืองนี้เค้าไปที่ไหนกัน ร้านนั้นก็คือ "b21beer"
วันที่สอง
ตื่นตอนเช้า อากาศที่นี่หนาวจนสัมผัสได้ ซึ่งทางโรงแรมมีห้องครัวสำหรับประกอบอาหารเองได้เหมือนอยู่ที่บ้านของตัวเองถือว่าดี และวันนี้ได้เช่ารถมอเตอร์ไซค์กับทางโรงแรมไว้เพื่อที่จะเดินทางท่องเที่ยวในเมืองดาลัด ราคาเช่าคันละ 150.000 VND
สถานที่แรกตั้งจุดมุ่งหมายไปยัง น้ำตกที่ใหญ่ที่สุด แล้วขึ้นชื่อได้ว่าสวยที่สุดในเมืองแห่งนี้ คือ น้ำตกฟงกัว (Pongour falls) น้ำตกแห่งนี้อยู่ทางใต้ของเมือง ระยะทางประมาน 40 กิโลเมตร ใช้เวลาขับมอเตอร์ไซค์ 1 ชั่วโมง เสียค่าจอดคันละ 3.000 VND
คุ้มค่ากับการถ่ายภาพน้ำตกแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเดินทางเข้าเมือง แต่ระหว่างทางจากฝนตกอยู่ตลอด แต่พอขับมอเตอร์ไซค์ได้
สถานที่ต่อไป จุดมุ่งหมายของพวกเราเลือกกันที่ น้ำตกดาตันลา (Datanla) ที่เรื่องลือ ก่อนอื่นเสียค่าจอดรถมอเตอร์ไซค์คันละ 3.000 VND หลังจากนั้นก็ซื้อตั๋วเพื่อเข้าน้ำตกอีกคนละ 30.000 VND
แต่ยังไม่หมดแค่นั้น ถ้าเราจะต้องการเล่น Roller Coaster ต้องไปซื้อบัตรค่าเครื่องเล่น ราคารวม ไป - กลับ คนละ 80.000 VND
ได้ตั๋วเรียบร้อย ลุยกันเลยย!! มันส์มากจริง
แล้วสิ่งที่ได้พบคือ น้ำตกที่สวยงาม
หลังจากสนุกกับเครื่องเล่น และชมความงามของน้ำตกนั้น พวกเราได้เดินทางไปต่อยังสถานที่หนึ่งที่เป็นไฮไลทฺ์ของเมืองนี้ คือ DALAT Cabel Car ไปถึงเสียค่าที่จอดมอเตอร์ไซค์คันละ 3.000 VND แต่เวลาที่พวกเราได้ไปถึงมันใกล้จะปิด เลยต้องซื้อตั๋วคนละ 80.000 VND นั่งไป และ นั่งกลับ
มองความสวยงามของเมืองดาลัด ในยามที่สายฝน โปรยปราย
แล้วพวกเราก็ขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปยังตัวเมือง เพื่อไปแลนมาร์คสุดฮิตที่วัยรุ่นเมืองดาลัด มาถ่ายภาพกัน คือ ร้านกาแฟ DOHA
ท้องฟ้าเริ่มมืด อากาศเริ่มหนาว และฝนก็เริ่มจะเทลงมา พวกเราขับรถไปจอดที่โรงแรมและเดินท่ามกลางสายฝนที่ตกอย่างไม่มีกำหนดหยุด แล้วเดินไปยังร้าน BBQ ตามคำแนะนำของพนักงานในโรงแรมแล้วก็ถึงร้านนี้ คนเยอะมา สมคำร่ำลือ ชื่อร้านว่า CHU BBQ เนื้อกระทะร้อน เสริฟพร้อมกับเบียร์เย็นๆ กับอากาศที่หนาวเย็น มันช่างเหมาะกันจริงๆ
หลังจากอิ่มท้องมาลิ้มลองอาหารสุดฮิตของเวียดนาม ณ ตลาดกลางคืนดาลัด ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่พักเรา ถ้ามาแล้วไม่กิน ถือว่ามาไม่ถึง "พิซซ่าเวียดนาม"
อิ่มแล้วพร้อมแยกย้ายเข้าที่พักเพื่อเก็บแรงไว้เดินทางในวันต่อไป
วันที่สาม
7.30 น. รถได้มารับพวกเราหน้าโรงแรม เพื่อไปส่ง ณ จุดขึ้นรถที่จะไปเมือง MUI NE เวลา 8.00 น. รถได้ออกจากเมืองดาลัด ใช้เวลาเดินทางตามไหล่เขา ผ่านถนนหลากหลายรูปแบบ แล้วเราก็มาถึงเมือง MUI NE ใช้เวลาเดินทางราวๆ 4 - 5 ชั่วโมง
รถจะไปส่งที่จุดจอดรถ แล้วเราได้นั่ง taxi (สีเขียว) ราคาไม่แพง แบบกดมิตเตอร์ มายังที่พักของเรา เลือกพักกันที่โรงแรม https://www.bonbienresort.com/ เก็บข้าวของแล้วออกมาทานข้าวร้านตรงข้ามโรงแรม
หลังจากอิ่มท้อง ได้เวลาเตรียมตัวไปลุย ทริปทะเลทรายกัน โดยเราได้จอง one day trip มาตั้งแต่ที่โฮจินมินส์แล้ว เมื่อถึงเวลา 14.30 น. รถก็มารอรับเราที่โรงแรม
นี่คือพาหนะที่ใช้ในการเดินทาง
ทริปนี้ สถานที่แรก คือ Fairy Stream (Suoi Tien) เป็นสถานที่ ที่ไม่ค่อยมีอะไร เหมือนไปเดินเอาเท้าล้างน้ำ ในลำธารที่ไม่รู้ว่าเกิดจากธรรมชาติ หรือฝีมือชาวบ้านที่ทำขึ้นมา ข้อเสียทุกคนก็ทราบดีว่าประเทศนี้เวลาจ่ายเงินไม่จ่ายรอบเดียว รถพาพวกเราไปลงแถวบ้านคนที่หมักน้ำปลาเยอะ (กลิ่นแรงมาก) แล้วให้เราเดินเข้าไปเสียค่าฝากรองเท้าอีกคนละ 5.000 VND แล้วก็จะมีคนเดินนำพวกเราไปซื้อตั๋วขาเข้าอีก เสียเงินคนละ 10.000 VND หลังจากนั้นก็เดินลุยน้ำเข้าไป ซึ่งไม่มีอะไรเลย พวกเราสังเกตุว่าทำไมคนอื่นไม่คนนำ แต่กรุ๊ปเรามีคนนำทางให้ด้วย ซึ่งรู้ว่าสุดท้ายต้องมาขอทริปจากพวกเราเป็นแน่!! สุดท้ายก็เป็นไปตามที่คิดไว้ โดยการที่เขาพาพวกเราขึ้นไปบนเนินแล้วบอกว่าจุดนี้สามารถมองเห็นได้ทั้งหมด ให้พวกเราถ่ายรูปรวมกัน หลังจากเขาก็บอกว่า "ขอค่าทริปแล้วเขาจะได้กลับ" พวกเราปฏิเสธแล้วให้ไป 100.000 VND (รวมกัน 10 คน) ที่นี้เขาเริ่มโวยวาย ทำท่าทางไม่พอใจ บอกจะเอาคนละ 100.000 VND พวกเราไม่ให้แล้วเดินหนีไปขึ้นรถอย่างไว ถือว่าครั้งนี้จะจำไว้เป็นบทเรียน
สถานที่ต่อไปรถได้พาพวกเราไปยัง หมู่บ้านชาวประมง แต่ช่วงที่ไปมันเป็นเหมือนมีฝนตก พวกเราเลยไม่เห็นอะไรเลย และไม่ได้ถ่ายภาพไว้
เดินทางกันต่อไปยังสถานที่ ที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ เดินทางไกลเหมือนกัน ผ่านวิวทิวทัศน์ที่สวยงาน แล้วก็เดินทางไปถึงสถานที่นี้ คือ White Sand Dunes ทะเลทรายขาวโดยต้องทางเขาจะมี 2 ตัวเลือก คือ รถ atv กับรถ Jeep ราคาเท่ากันคนละ 200.000 VND
ใช้เวลาอยู่ที่นี่ประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที ที่นี่สวยงามถือว่าเป็นไฮไลท์เหมาะกับคนที่ชอบถ่ายภาพจริง
หมดเวลาฟ้าเริ่มมืดลง พวกเราเดินทางไปยังสถานที่สุดท้าย คือ Red Sand Dunes ทะเลทรายแดง เป็นเนินทรายเตี้ยที่ไม่ค่อยมีอะไรมาก เพราะพวกเราไปฟ้าก็มืดแล้ว เลยไม่ได้ถ่ายภาพมา
หลังจากเสร็จทริปนี้แล้วรถจิ๊บได้พาพวกเรามาส่งที่โรงแรม ทุกคนเตรียมตัวออกไปหาอาหารทะเลกินกัน ได้สอบถามกับพนักงานโรงแรมว่าร้านไหนอร่อย และราคาถูก พนักงานได้แนะนำมาว่าร้านนี้ "Bờ kè Mũi Né 888" พร้อมแล้วก็ลุย เดินออกไปเลี้ยงรถ taxi หน้าโรงแรม แล้วบอกจุดมุ่งหมาย ไปถึงร้านได้สักพักด้วยความหิวพวกเราสั่งกันมาเยอะมาก สรุปว่าอาหารอร่อย สด ราคาไม่แพง และก็เบียร์ถูก ^^
อิ่มแล้วแยกย้ายกันเข้าที่พัก เพื่อที่จะเดินทางต่อในวันถัดไป
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น