9 ตอนที่ผ่านมา ดูดีๆจะรู้สึกว่าเส้นเรื่องหลักนั้นเกาะเกี่ยวอยู่กับชีวิตของประเสริฐตลอดเวลาเลย แม้จะตายไปตั้งแต่ตอนต้นเรื่อง แต่กลับไม่รู้สึกว่าตัวละครนี้หายไปไหนเลยครับ แล้วพอไปดูในรายละเอียด ก็ยิ่งรู้สึกทึ่งกับมิติของตัวละครตัวนี้ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้ แต่สิ่งที่เห็นและรู้สึกคือ
1.การเป็นพี่ชายคนโตของตระกูลคนจีน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสบายๆ
ในเรื่องนี้เรามักจะเห็นผู้สร้างเน้นย้ำเรื่องประเด็นการยกสมบัติให้ลูกชายคนโต ไหนจะเรื่องการยกย่องหลายชายคนแรกจากลูกชายคนโตย้ำเข้าไปอีก ดูเผินๆเหมือนกับว่าการเป็นลูกชายคนโตของตระกูลคนจีนนี่มันดีจริงๆ พ่อแม่รักมากกว่าใคร
แต่สิ่งที่ลูกชายคนโตประเสริฐต้องแลกมามีไม่น้อยเลย ทั้งเรื่องคู่ครอง ที่ไม่สามารถมีตามใจตัวเองได้ ต้องมีตามความต้องการของพ่อแม่ มีเมียเพื่อธุรกิจ
ในขณะที่ ลูกคนนอื่นในบ้าน มีคู่ครองได้ตามใจ เช่นกรกัณฑ์ที่มีเมียเป็นดาวโป๊ หรือแม้แต่ภัสสร ที่มีสามีเป็นนายตำรวจ ซึ่งหมายความว่าไม่ใช่ลูกหลานคนจีน ถึงขนาดต้องเลิกกับนิภา คนรักที่รักกันมากเพื่อมาแต่งกับคริส
2.ประเสริฐต้องทิ้งความฝันตัวเองเพื่อครอบครัว
เราจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่ประเสริฐอยู่บ้านนิภา เขาจะกลายเป็นคนละคนไปเลย ผ่อนคลาย ดูมีความสุข ไม่แข็งกร้าวและแสนเย็นชา ไม่สนใจใครเหมือนเวลาเป็นนายใหญ่ของบริษัทเลย
เราจะสังเกตเห็นอย่างหนึ่งว่าประเสริฐน่าจะเป็นคนชอบดนตรีมาก ฉากพี่กบร้องเพลงเพราะๆกับฉี ผมว่าเค้าไม่ได้ใส่มาเก๋ๆเพราะพี่กบตัวจริงเป็นนักร้อง แต่ฉากนี้มันสื่อถึงบุคลิกของประเสริฐ ซึ่งการอยากเป็นนักดนตรีนั้นเป็นบาปอันดับหนึ่งของลูกชายบ้านคนจีนยุคประเสริฐก็ว่าไ้ด้
ฉากที่ประเสริฐทะเลาะกับฉี เรื่องที่ฉีจะออกไปเล่นดนตรีกลางคืนหาเงิน ประเสริฐห้ามลูกเพียงเพราะ “เงินทองเราก็มีเยอะแยะแล้ว” แต่เขาไม่เคยห้ามลูกเรื่องเล่นดนตรีเลย
จุดนี้แหละที่ผมว่าบททำมาดีมาก คือลองนึกดูว่าผู้ชายคนจีนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เจ้าของกิจการใหญ่แบบนี้ ถึงจะเป็นลูกนอกสมรส หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมให้ลูกเป็นนักดนตรีแน่ๆ ยิ่งไปเป็นนักดนตรีกลางคืนนี่ทะเลาะกันหนักแน่นอน แต่ประเสริฐไม่ตำหนิฉีเรื่องนี้เลยเพราะเขาเป็นคนรักดนตรี แต่ไม่มีวันจะได้เป็นนักดนตรีได้เพราะเป็นลูกชายคนโตของตระกูลนั่นเอง
บ้านนิภา เป็นเหมือนโอเอซิสทางใจของประเสริฐ ฉีก็ไม่ใช่ตั่วซุง ประเสริฐไม่เอาความกดดันของประเพณี ธรรมเนียม หน้าที่การบานภายนอกเข้ามาเลย แต่เราจะสังเกตเห็นได้ว่าประเสริฐเข้มงวด และเอาจริงเอาจังกับพีทกว่ามาก
3.ประเสริฐเคารพในธรรมเนียมโบราณอย่างจริงจังจริงๆ
ตอนฉาก “เฮvซวย”ในตำนาน ที่ประเสริฐบอกภัสสรว่าขายโรงแรมให้ไม่ได้เพราะภัสสรไม่ได้นามสกุลเดียวกันแล้ว
ฉากนี้ ตอนแรกๆคนดูทุกคนก็น่าจะรู้สึกเอาใจช่วยภัสสร เห็นใจภัสสร มันดูเป็นธรรมเนียมที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ไม่ยุติธรรมสิ้นดี ดูแล้วรู้สึกว่าก็เพราะประเสริฐได้สมบัติทุกอย่างนี่ ประเสริฐก็พูดได้สิ
แต่ถ้าประเสริฐเป็นคนไม่รักพี่รักน้องจริง ประเสริฐไม่น่าจะอยากชวนเมธกลับมาทำงานโรงแรมในตอนต้นเรื่องให้มันมีคนมาแบ่งอำนาจให้มันยุ่งยากไปทำไม ถ้าเป็นคนจิตใจอยากฮุบสมบัติจริงๆ ยิ่งพี่น้องมายุ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
ประเด็นเรื่องกิจการของครอบครัวนี้ถ้าตัดเมธที่ยังไม่เฉลยปมอะไรมากนัก จะเห็นได้ว่า มีแต่ประเสริฐคนเดียวที่ไม่ได้ทำตามใจตัวเองแต่ทำตามหน้าที่ที่ตั่วเฮียต้องทำ
ภัสสร บริหารงานโรงแรมได้ดี ก็เพราะความต้องการของตัวเอง เธอทำได้ดีและมีความสุขกับมัน แต่ถ้าสมมุติภัสสรเลือกจะนั่งอยู่บ้านเป็นคุณนายนายตำรวจใหญ่ไปเรื่อยๆ เธอก็ทำได้ จะไม่มีใครว่าอะไรได้
กรกัณฑ์จะสำมะเลเทเมา บันเทิงแค่ไหนก็ได้ตามใจเช่นกัน
แต่ประเสริฐทำตามใจตัวเองไม่ได้ ลูกชายคนโตนั้นมีหน้าที่มาตั้งแต่เกิดแล้ว
ความคิดนี้ผมมาเห็นชัดเอาตอนเปิดพินัยกรรมของประเสริฐตอน ep9 นี้เอง ที่ประเสริฐไม่ยกสมบัติอะไรให้ใครเลยนอกจากพีท ไม่ให้บ้านฉีและนิภาเลย
(ถ้าผู้แต่งเขาไม่ได้จะเล่นเรื่องพินัยกรรมปลอมอะไรอีกนะ ตรงนี้ขอถือว่าพินัยกรรมฉบับนี้จริงไปก่อนละกัน)
จุดนี้แสดงให้เห็นว่า ต่อให้ประเสริฐรักนิภากับฉีแค่ไหน ประเสริฐก็ยกสมบัติของกงสี สมบัติของตระกูลให้คนนอกตระกูลไม่ได้
ประเสริฐนั้นยอมแลกความสุขในชีวิตส่วนตัวไปแล้วเพื่อธรรมเนียมของตระกูล เมื่อเขามีอำนาจเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงมันตามใจชอบ แต่ยึดมั่นธรรมเนียมจนถึงที่สุดโดยไม่ประนีประนอม แม้แต่กับตนเอง (แต่ถึงตรงนี้ก็แปลกใจนิดนึงแหละครับ ว่าไม่ให้สักบาทจริงๆเหรอ หรือประเสริฐจะคิดว่า ไว้ให้เงินสดส่วนตัวก็เพียงพอ แต่ไม่สามารถเอาชื่อลูก เมียนอกสมรส มาปรากฏในพินัยกรรมได้ อันนี้ก็ยังไม่แน่ใจ ติดไว้ก่อน)
โดยสรุปมาจนถึงตอนที่9 ผมชอบบทตัวละครตัวนี้จริงๆ เขาไม่ใช่แค่ประธานบริษัท งกๆ แบนๆ โผล่มายิ้มๆแล้วก็ตายไป แต่มีมิติ มีดีเทลซ่อนไว้ในบทอยู่เยอะมาก การเป็นตั่วเฮียนั้น ถึงจะได้กินมากกว่า แต่ก็ถูกคาดหวังจากพ่อแม่มากกว่าไม่แพ้กัน
แล้วท่านคิดว่ายังไงกันบ้างครับ?
[เลือดข้นคนจาง]ผ่านไป 9 ตอน ยิ่งดูยิ่งรู้สึกทึ่งกับบทของตัวละครประเสริฐ
1.การเป็นพี่ชายคนโตของตระกูลคนจีน ไม่ใช่เรื่องง่ายๆสบายๆ
ในเรื่องนี้เรามักจะเห็นผู้สร้างเน้นย้ำเรื่องประเด็นการยกสมบัติให้ลูกชายคนโต ไหนจะเรื่องการยกย่องหลายชายคนแรกจากลูกชายคนโตย้ำเข้าไปอีก ดูเผินๆเหมือนกับว่าการเป็นลูกชายคนโตของตระกูลคนจีนนี่มันดีจริงๆ พ่อแม่รักมากกว่าใคร
แต่สิ่งที่ลูกชายคนโตประเสริฐต้องแลกมามีไม่น้อยเลย ทั้งเรื่องคู่ครอง ที่ไม่สามารถมีตามใจตัวเองได้ ต้องมีตามความต้องการของพ่อแม่ มีเมียเพื่อธุรกิจ
ในขณะที่ ลูกคนนอื่นในบ้าน มีคู่ครองได้ตามใจ เช่นกรกัณฑ์ที่มีเมียเป็นดาวโป๊ หรือแม้แต่ภัสสร ที่มีสามีเป็นนายตำรวจ ซึ่งหมายความว่าไม่ใช่ลูกหลานคนจีน ถึงขนาดต้องเลิกกับนิภา คนรักที่รักกันมากเพื่อมาแต่งกับคริส
2.ประเสริฐต้องทิ้งความฝันตัวเองเพื่อครอบครัว
เราจะเห็นได้ว่าทุกครั้งที่ประเสริฐอยู่บ้านนิภา เขาจะกลายเป็นคนละคนไปเลย ผ่อนคลาย ดูมีความสุข ไม่แข็งกร้าวและแสนเย็นชา ไม่สนใจใครเหมือนเวลาเป็นนายใหญ่ของบริษัทเลย
เราจะสังเกตเห็นอย่างหนึ่งว่าประเสริฐน่าจะเป็นคนชอบดนตรีมาก ฉากพี่กบร้องเพลงเพราะๆกับฉี ผมว่าเค้าไม่ได้ใส่มาเก๋ๆเพราะพี่กบตัวจริงเป็นนักร้อง แต่ฉากนี้มันสื่อถึงบุคลิกของประเสริฐ ซึ่งการอยากเป็นนักดนตรีนั้นเป็นบาปอันดับหนึ่งของลูกชายบ้านคนจีนยุคประเสริฐก็ว่าไ้ด้
ฉากที่ประเสริฐทะเลาะกับฉี เรื่องที่ฉีจะออกไปเล่นดนตรีกลางคืนหาเงิน ประเสริฐห้ามลูกเพียงเพราะ “เงินทองเราก็มีเยอะแยะแล้ว” แต่เขาไม่เคยห้ามลูกเรื่องเล่นดนตรีเลย
จุดนี้แหละที่ผมว่าบททำมาดีมาก คือลองนึกดูว่าผู้ชายคนจีนรุ่นเบบี้บูมเมอร์เจ้าของกิจการใหญ่แบบนี้ ถึงจะเป็นลูกนอกสมรส หัวเด็ดตีนขาดยังไงก็ไม่ยอมให้ลูกเป็นนักดนตรีแน่ๆ ยิ่งไปเป็นนักดนตรีกลางคืนนี่ทะเลาะกันหนักแน่นอน แต่ประเสริฐไม่ตำหนิฉีเรื่องนี้เลยเพราะเขาเป็นคนรักดนตรี แต่ไม่มีวันจะได้เป็นนักดนตรีได้เพราะเป็นลูกชายคนโตของตระกูลนั่นเอง
บ้านนิภา เป็นเหมือนโอเอซิสทางใจของประเสริฐ ฉีก็ไม่ใช่ตั่วซุง ประเสริฐไม่เอาความกดดันของประเพณี ธรรมเนียม หน้าที่การบานภายนอกเข้ามาเลย แต่เราจะสังเกตเห็นได้ว่าประเสริฐเข้มงวด และเอาจริงเอาจังกับพีทกว่ามาก
3.ประเสริฐเคารพในธรรมเนียมโบราณอย่างจริงจังจริงๆ
ตอนฉาก “เฮvซวย”ในตำนาน ที่ประเสริฐบอกภัสสรว่าขายโรงแรมให้ไม่ได้เพราะภัสสรไม่ได้นามสกุลเดียวกันแล้ว
ฉากนี้ ตอนแรกๆคนดูทุกคนก็น่าจะรู้สึกเอาใจช่วยภัสสร เห็นใจภัสสร มันดูเป็นธรรมเนียมที่ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย ไม่ยุติธรรมสิ้นดี ดูแล้วรู้สึกว่าก็เพราะประเสริฐได้สมบัติทุกอย่างนี่ ประเสริฐก็พูดได้สิ
แต่ถ้าประเสริฐเป็นคนไม่รักพี่รักน้องจริง ประเสริฐไม่น่าจะอยากชวนเมธกลับมาทำงานโรงแรมในตอนต้นเรื่องให้มันมีคนมาแบ่งอำนาจให้มันยุ่งยากไปทำไม ถ้าเป็นคนจิตใจอยากฮุบสมบัติจริงๆ ยิ่งพี่น้องมายุ่งน้อยเท่าไหร่ยิ่งดี
ประเด็นเรื่องกิจการของครอบครัวนี้ถ้าตัดเมธที่ยังไม่เฉลยปมอะไรมากนัก จะเห็นได้ว่า มีแต่ประเสริฐคนเดียวที่ไม่ได้ทำตามใจตัวเองแต่ทำตามหน้าที่ที่ตั่วเฮียต้องทำ
ภัสสร บริหารงานโรงแรมได้ดี ก็เพราะความต้องการของตัวเอง เธอทำได้ดีและมีความสุขกับมัน แต่ถ้าสมมุติภัสสรเลือกจะนั่งอยู่บ้านเป็นคุณนายนายตำรวจใหญ่ไปเรื่อยๆ เธอก็ทำได้ จะไม่มีใครว่าอะไรได้
กรกัณฑ์จะสำมะเลเทเมา บันเทิงแค่ไหนก็ได้ตามใจเช่นกัน
แต่ประเสริฐทำตามใจตัวเองไม่ได้ ลูกชายคนโตนั้นมีหน้าที่มาตั้งแต่เกิดแล้ว
ความคิดนี้ผมมาเห็นชัดเอาตอนเปิดพินัยกรรมของประเสริฐตอน ep9 นี้เอง ที่ประเสริฐไม่ยกสมบัติอะไรให้ใครเลยนอกจากพีท ไม่ให้บ้านฉีและนิภาเลย
(ถ้าผู้แต่งเขาไม่ได้จะเล่นเรื่องพินัยกรรมปลอมอะไรอีกนะ ตรงนี้ขอถือว่าพินัยกรรมฉบับนี้จริงไปก่อนละกัน)
จุดนี้แสดงให้เห็นว่า ต่อให้ประเสริฐรักนิภากับฉีแค่ไหน ประเสริฐก็ยกสมบัติของกงสี สมบัติของตระกูลให้คนนอกตระกูลไม่ได้
ประเสริฐนั้นยอมแลกความสุขในชีวิตส่วนตัวไปแล้วเพื่อธรรมเนียมของตระกูล เมื่อเขามีอำนาจเขาก็ไม่เปลี่ยนแปลงมันตามใจชอบ แต่ยึดมั่นธรรมเนียมจนถึงที่สุดโดยไม่ประนีประนอม แม้แต่กับตนเอง (แต่ถึงตรงนี้ก็แปลกใจนิดนึงแหละครับ ว่าไม่ให้สักบาทจริงๆเหรอ หรือประเสริฐจะคิดว่า ไว้ให้เงินสดส่วนตัวก็เพียงพอ แต่ไม่สามารถเอาชื่อลูก เมียนอกสมรส มาปรากฏในพินัยกรรมได้ อันนี้ก็ยังไม่แน่ใจ ติดไว้ก่อน)
โดยสรุปมาจนถึงตอนที่9 ผมชอบบทตัวละครตัวนี้จริงๆ เขาไม่ใช่แค่ประธานบริษัท งกๆ แบนๆ โผล่มายิ้มๆแล้วก็ตายไป แต่มีมิติ มีดีเทลซ่อนไว้ในบทอยู่เยอะมาก การเป็นตั่วเฮียนั้น ถึงจะได้กินมากกว่า แต่ก็ถูกคาดหวังจากพ่อแม่มากกว่าไม่แพ้กัน
แล้วท่านคิดว่ายังไงกันบ้างครับ?