เราเคยสงสัยกันไหมครับว่า เพื่อนสองคนโตมาด้วยกัน เรียนมหาลัยก็นั่งข้างๆ กัน จนกระทั่งแม้จะทำงานแล้ว ก็ยังทำงานที่เดียวกันอีก แต่พอมาถึง
“เรื่องการเงิน” กลับแตกต่างกันลิบลับเลย เพื่อนคนที่หนึ่งมีหนี้สิน ไม่มีเงินเก็บ ส่วนเพื่อนคนที่สอง ก็ร่ำรวยขึ้นจากหน้าที่การงาน มีเงินเก็บ จนสุดท้ายคนที่เป็นหนี้เดินไปถามเพื่อนที่มีเงินเก็บว่า
“ทำไมนายถึงไม่มีหนี้ แถมจัดการเงินได้อย่างดี”
วันนี้ K-Expert จะขอตอบแทนเพื่อนคนนั้น โดยสรุปมาได้เป็น 6 ประเด็นที่สำคัญครับ
1. หมั่นตรวจสอบเงินในบัญชีอยู่เสมอ
เพื่อนคนที่ปลอดหนี้
“ไม่ละเลย” ที่จะเช็กว่า เงินตัวเองไหลไปที่ไหนบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจสอบว่า วันๆ หนึ่งได้ใช้เงินไปกับอะไรเป็นหลัก เพราะเขาคิดในใจเสมอว่า
“การหาเงินมาได้แต่ละบาท มันยากนะ” ถ้าเพื่อนคนที่สองทำตาม ก็น่าจะดีขึ้น เพราะรู้ว่าใช้เงินไปกับอะไรและจะเริ่มอุดเงินที่รั่วไหลนั้นได้อย่างไร
2. ไม่ละเลยที่จะออมเงินก่อนใช้
เพื่อนที่ติดนิสัยชอบเป็นหนี้ มักจะไม่แบ่งเงินเป็นส่วนๆ ทำให้การจัดการเงินเดือนในแต่ละเดือนนั้นยากมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ท้ายที่สุด การที่ไม่วางแผนใดๆ เลย ทำให้เราใช้จ่ายแบบจัดเต็ม แถมสร้างหนี้ไปเรื่อยๆ ด้วย เงินก็ไม่ได้เก็บซักบาท
ซึ่งกรณีนี้เพื่อนผู้ปลอดหนี้ของเราจึงขอแนะนำว่า เราควรจะ
“แบ่งเงิน เหมือนแบ่งเค้กสิ” แบ่งมาซัก 1 ใน 10 ส่วน โดยนำมาออมให้ตัวเองก่อน แล้วก็วางแผนค่าใช้จ่ายให้เป็นระบบ เพียงแค่นี้ก็จะได้เริ่มต้นเก็บเงินกันซักที
3. เลี่ยงการเป็นหนี้บัตรเครดิต
เพื่อนที่มีนิสัยปลอดหนี้สุดรักของเราแนะนำว่า การซื้อของที่จำเป็นสามารถทำได้ แต่ว่าการซื้อด้วยการผ่อนผ่านบัตรเครดิตเยอะเกินไป จากแรงดึงดูดของแคมเปญลดราคาสินค้าต่างๆ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะทางการเงิน ที่เกิดจากดอกเบี้ยบัตรเครดิตเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ เพื่อนที่มีนิสัยปลอดหนี้ ไม่ได้เพียงแค่แนะนำให้ ซื้อแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น แต่ แนะนำเพิ่มเติมให้ เรามองลึกลงไปว่า
“ดอกเบี้ยบัตรเครดิต” คือความเสี่ยงที่ส่งผลต่อเงินในกระเป๋าของเรา ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ดังนั้น หากสามารถเลี่ยงอะไรก็ตามที่ทำให้แผนการเงินเราพัง เราก็จะแฮปปี้ได้ในระยะยาว
4. หลุดจากการเป็นเป้าหมาย ของ “ชอปปิงแคมเปญ”
คำแนะนำจากเพื่อนผู้ปลอดหนี้สิน ก็คือ เราควรเปลี่ยนนิสัยที่เสพติดการชอปปิง ไปเป็น
“ติดนิสัยการออม” ซึ่งการชอปปิงถี่ๆ อาจเกิดจาก “ความอยากได้” เป็นหลักมากกว่าความจำเป็น ทั้งที่จริงๆ แล้ว หากเราสามารถตัดวงจรนี้ไปได้
“แทนที่” ด้วยการออมก็จะช่วยได้มาก คล้ายกับการที่เราควบคุมเงินให้สามารถงอกเงยอย่างต่อเนื่อง แทนที่ความอยากอย่างเดียว ซึ่งดันกลับมาทำให้หนี้สินเรางอกเงยแทน
5. ความรู้ทางการเงินสำคัญ จะช่วยให้เราไม่เป็นหนี้
ความเข้าใจในเรื่องการเงินจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยให้เรา
“ไม่เป็นหนี้“ เพราะว่า ต้องเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า “ดอกเบี้ยทบต้น” หรือ แม้กระทั่ง “การตั้งเป้าหมายทางการเงิน” เพื่อที่จะทำให้รู้ว่า จะตัดภาระจากอะไร และจะสร้างเงินจากอะไรได้บ้าง
6. ไม่มองข้ามโอกาสในการทำเงิน
“การที่ไม่มีหนี้….ไม่ได้มาจากความบังเอิญ หรือ โชคช่วย” เป็นประโยคที่เพื่อนผู้ปลอดหนี้ของเราแนะนำปิดท้าย เพราะว่าการที่เรามีวินัย และความขยันในด้านต่างๆ เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเราในการปรับปรุงคุณภาพชีวิต และสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยเราสามารถที่จะ “ขยัน” ในด้านต่างๆ นั่นก็คือ
-
ขยันในการสร้างรายได้ ให้ได้มากขึ้น ไม่ว่าจากการทำงานพิเศษ เสริมรายได้ จากงานประจำ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเก็บเงิน เพื่อไปต่อยอดการลงทุนต่อไปได้
-
ขยันในการจดบันทึก เพราะสมการที่ง่ายที่สุดก็คือ รายได้ - รายจ่าย ซึ่งการจดบันทึกที่ดี จะทำให้เพื่อนๆ สามารถสร้างภาพในหัวในการเก็บออมเงิน ที่สำคัญ ยังจะช่วยไม่ให้เราหลงทาง หรือก่อหนี้ระหว่างทางอีกด้วย
สุดท้ายนี้ K-Expert ขอโอกาสเป็นเพื่อนที่ทำให้ทุกคนไม่มีหนี้ และประสบความสำเร็จทางการเงินนะครับ อย่างไรก็ตามหากเพื่อนๆ สนใจวิธีการต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการทางด้านการเงินในทุกมุมมองของชีวิต ก็สามารถเข้าไปติดตามอ่าน บทความเพิ่มเติมได้เลยครับ
- ตัวช่วยในการปลดหนี้ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://k-expert.askkbank.com/KnowledgeResources/Articles/Pages/Home.aspx?Needbase=%u0E2D%u0E22%u0E32%u0E01%u0E1B%u0E25%u0E14%u0E2B%u0E19%u0E35%u0E49
- ตัวช่วยสำหรับการเก็บเงิน :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://k-expert.askkbank.com/KnowledgeResources/Articles/Pages/Home.aspx?Needbase=%u0E2D%u0E22%u0E32%u0E01%u0E21%u0E35%u0E40%u0E07%u0E34%u0E19%u0E40%u0E01%u0E47%u0E1A%u0E40%u0E21%u0E37%u0E48%u0E2D%u0E40%u0E23%u0E34%u0E48%u0E21%u0E17%u0E33%u0E07%u0E32%u0E19
- ตัวช่วยสำหรับการลงทุน :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://k-expert.askkbank.com/KnowledgeResources/Articles/Pages/Home.aspx?Needbase=%u0E2D%u0E22%u0E32%u0E01%u0E25%u0E07%u0E17%u0E38%u0E19
+++ 6 นิสัย เพื่อนผู้ปลอดหนี้ +++ กับ สิ่งที่เราน่าติดตาม [อ่าน 3 นาที]
เราเคยสงสัยกันไหมครับว่า เพื่อนสองคนโตมาด้วยกัน เรียนมหาลัยก็นั่งข้างๆ กัน จนกระทั่งแม้จะทำงานแล้ว ก็ยังทำงานที่เดียวกันอีก แต่พอมาถึง “เรื่องการเงิน” กลับแตกต่างกันลิบลับเลย เพื่อนคนที่หนึ่งมีหนี้สิน ไม่มีเงินเก็บ ส่วนเพื่อนคนที่สอง ก็ร่ำรวยขึ้นจากหน้าที่การงาน มีเงินเก็บ จนสุดท้ายคนที่เป็นหนี้เดินไปถามเพื่อนที่มีเงินเก็บว่า “ทำไมนายถึงไม่มีหนี้ แถมจัดการเงินได้อย่างดี”
วันนี้ K-Expert จะขอตอบแทนเพื่อนคนนั้น โดยสรุปมาได้เป็น 6 ประเด็นที่สำคัญครับ
เพื่อนคนที่ปลอดหนี้ “ไม่ละเลย” ที่จะเช็กว่า เงินตัวเองไหลไปที่ไหนบ้าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การตรวจสอบว่า วันๆ หนึ่งได้ใช้เงินไปกับอะไรเป็นหลัก เพราะเขาคิดในใจเสมอว่า “การหาเงินมาได้แต่ละบาท มันยากนะ” ถ้าเพื่อนคนที่สองทำตาม ก็น่าจะดีขึ้น เพราะรู้ว่าใช้เงินไปกับอะไรและจะเริ่มอุดเงินที่รั่วไหลนั้นได้อย่างไร
เพื่อนที่ติดนิสัยชอบเป็นหนี้ มักจะไม่แบ่งเงินเป็นส่วนๆ ทำให้การจัดการเงินเดือนในแต่ละเดือนนั้นยากมากยิ่งขึ้น ดังนั้น ท้ายที่สุด การที่ไม่วางแผนใดๆ เลย ทำให้เราใช้จ่ายแบบจัดเต็ม แถมสร้างหนี้ไปเรื่อยๆ ด้วย เงินก็ไม่ได้เก็บซักบาท
ซึ่งกรณีนี้เพื่อนผู้ปลอดหนี้ของเราจึงขอแนะนำว่า เราควรจะ “แบ่งเงิน เหมือนแบ่งเค้กสิ” แบ่งมาซัก 1 ใน 10 ส่วน โดยนำมาออมให้ตัวเองก่อน แล้วก็วางแผนค่าใช้จ่ายให้เป็นระบบ เพียงแค่นี้ก็จะได้เริ่มต้นเก็บเงินกันซักที
เพื่อนที่มีนิสัยปลอดหนี้สุดรักของเราแนะนำว่า การซื้อของที่จำเป็นสามารถทำได้ แต่ว่าการซื้อด้วยการผ่อนผ่านบัตรเครดิตเยอะเกินไป จากแรงดึงดูดของแคมเปญลดราคาสินค้าต่างๆ ก็อาจเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะทางการเงิน ที่เกิดจากดอกเบี้ยบัตรเครดิตเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้ เพื่อนที่มีนิสัยปลอดหนี้ ไม่ได้เพียงแค่แนะนำให้ ซื้อแต่ของที่จำเป็นเท่านั้น แต่ แนะนำเพิ่มเติมให้ เรามองลึกลงไปว่า “ดอกเบี้ยบัตรเครดิต” คือความเสี่ยงที่ส่งผลต่อเงินในกระเป๋าของเรา ทั้งในปัจจุบัน และอนาคต ดังนั้น หากสามารถเลี่ยงอะไรก็ตามที่ทำให้แผนการเงินเราพัง เราก็จะแฮปปี้ได้ในระยะยาว
คำแนะนำจากเพื่อนผู้ปลอดหนี้สิน ก็คือ เราควรเปลี่ยนนิสัยที่เสพติดการชอปปิง ไปเป็น “ติดนิสัยการออม” ซึ่งการชอปปิงถี่ๆ อาจเกิดจาก “ความอยากได้” เป็นหลักมากกว่าความจำเป็น ทั้งที่จริงๆ แล้ว หากเราสามารถตัดวงจรนี้ไปได้ “แทนที่” ด้วยการออมก็จะช่วยได้มาก คล้ายกับการที่เราควบคุมเงินให้สามารถงอกเงยอย่างต่อเนื่อง แทนที่ความอยากอย่างเดียว ซึ่งดันกลับมาทำให้หนี้สินเรางอกเงยแทน
ความเข้าใจในเรื่องการเงินจะช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้กับเราได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยให้เรา “ไม่เป็นหนี้“ เพราะว่า ต้องเข้าใจสิ่งที่เรียกว่า “ดอกเบี้ยทบต้น” หรือ แม้กระทั่ง “การตั้งเป้าหมายทางการเงิน” เพื่อที่จะทำให้รู้ว่า จะตัดภาระจากอะไร และจะสร้างเงินจากอะไรได้บ้าง
“การที่ไม่มีหนี้….ไม่ได้มาจากความบังเอิญ หรือ โชคช่วย” เป็นประโยคที่เพื่อนผู้ปลอดหนี้ของเราแนะนำปิดท้าย เพราะว่าการที่เรามีวินัย และความขยันในด้านต่างๆ เป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของเราในการปรับปรุงคุณภาพชีวิต และสร้างรายได้ให้มากขึ้น โดยเราสามารถที่จะ “ขยัน” ในด้านต่างๆ นั่นก็คือ
- ขยันในการสร้างรายได้ ให้ได้มากขึ้น ไม่ว่าจากการทำงานพิเศษ เสริมรายได้ จากงานประจำ ซึ่งจะช่วยให้เราสามารถเก็บเงิน เพื่อไปต่อยอดการลงทุนต่อไปได้
- ขยันในการจดบันทึก เพราะสมการที่ง่ายที่สุดก็คือ รายได้ - รายจ่าย ซึ่งการจดบันทึกที่ดี จะทำให้เพื่อนๆ สามารถสร้างภาพในหัวในการเก็บออมเงิน ที่สำคัญ ยังจะช่วยไม่ให้เราหลงทาง หรือก่อหนี้ระหว่างทางอีกด้วย
สุดท้ายนี้ K-Expert ขอโอกาสเป็นเพื่อนที่ทำให้ทุกคนไม่มีหนี้ และประสบความสำเร็จทางการเงินนะครับ อย่างไรก็ตามหากเพื่อนๆ สนใจวิธีการต่างๆ เกี่ยวกับการจัดการทางด้านการเงินในทุกมุมมองของชีวิต ก็สามารถเข้าไปติดตามอ่าน บทความเพิ่มเติมได้เลยครับ
- ตัวช่วยในการปลดหนี้ :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ตัวช่วยสำหรับการเก็บเงิน :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
- ตัวช่วยสำหรับการลงทุน :
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้