สิ่งที่พิเศษอย่างแรก คือ คาแรกเตอร์ของความอินเตอร์ ตั้งแต่การรวมตัวของเมนเทอร์หัวนอก ลูกเกด-โตและเรียนอเมริกา, หมู-ลูกครึ่งญี่ปุ่น เรียนและทำงานแฟชั่นที่อเมริกา, ซอนย่า-ลูกครึ่งอังกฤษ โตและเรียนที่อังกฤษ ดารานางแบบอินเตอร์, โทนี่-ไทยฝรั่งเศสเวียดนาม โต เรียนและตัดผมที่ออสเตรเลีย หรือแม้แต่อองตวน ก็ฝรั่งเศสและเป็นนักมวยไทยระดับอินเตอร์ มันดูสอดคล้องจนน่าจะบอกได้ว่าเหมือนกับว่าทางรายการตั้งใจจะเซ็ตตัวเองให้มีคาแรกเตอร์อินเตอร์
รวมถึงผู้สมัครก็แสดงให้เห็นการทำลายกรอบทางพื้นที่ และเชื้อชาติ กับการทะลักของลูกครึ่งและต่างชาติ และกลายเป็นรายการอินเตอร์ ชนิดที่เป็นรายการทีมีทั้งภาษาไทยและอังกฤษพอๆ กัน นี่โลกการทำงานในยุคต่อไปจะเริ่มต้นแล้วใช่มั้ย? พรมแดนจะถูกลบ คนที่พร้อมและได้ภาษาจะคว้าโอกาสไปก่อน
นอกจากนี้ยังมีการขยับไดนามิคกันใหม่ ส่วนใหญ่แล้วเดอะเฟสจะมาทรงมี 3 ทีม จะมีทีมตัวเก๋า ทีมนางร้าย และทีมนางเอก แล้วจะมีไดนามิคที่ใช้กันมาตลอด แต่น่าสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเกิดตำแหน่งใหม่คือ มาสเตอร์เมนเทอร์ที่มีอำนาจเหนือเมนเทอร์
แค่ตอนแรกก็เริ่มมีไดนามิคที่เปลี่ยนไป และตำแหน่งนี้ก็เป็นของอาวุธสำคัญของรายการ คือ ลูกเกด ที่เป็นมนุษย์พิเศษ คนที่รู้ว่าจะต้องทำอะไรในรายการทีวีบ้าง และต้องติดตามว่าเค้าจะทำอะไรกับตำแหน่งนี้บ้าง
การคัดเรื่องมีการปรับเปลี่ยนไปเริ่มจากการคัดออกแบบ first impression ข้อดีคือคนไหนอยู่ข้างผู้ชายด้วยกันแล้วดร็อปก็เอาออก อันนี้ทำให้การคัดผ่านไปไวดี แต่มันก็หลายขยักไป ถ้าคัดออกก็ออกเลยก็ดูโหดดี
และต่อมาคือการรวบรอบกรุ๊ปช็อตกับปิดหนัาเดินแบบ คิดว่าในแง่ของการคัดคนมันก็มีข้อดีตรงที่ บางทีการวัดคนคนหนึ่งไม่ใช่การแยกส่วน แต่เป็นการดูด้วยภาพรวม การเดินแบบของผู้ชายก็ไม่ได้ต้องมีอะไรเยอะ รวมถึงการเดินจริงๆ อินเนอร์บนใบหน้าก็สำคัญ ปิดหน้าแล้วก็ไม่ได้เห็นกัน
และในแง่ของการเล่าเรื่องของรายการมันก็ง่ายตรงที่ คนดูได้เห็นผู้เข้าแข่งขันครั้งนึงทั้งรูปร่างหน้าตาการถ่ายแบบ การเดิน และบุคลิกระหว่างการสัมภาษณ์กับเมนเทอร์ ครบจบในรอบเดียว
ส่วนการเลือกเข้าทีมได้มีการเพิ่มให้มาสเตอร์เมนเทอร์ทำตัวเป็นหมวกคัดสรรด้วย ก็เพิ่มความซับซ้อนไป ว่าถึงประโยชน์ที่ได้คือมันเป็นมากกว่าเลือกเด็กเพื่อมาฟาดฟันเอาชนะกัน เพราะเน้นเรื่องการส่งเด็กให้อยู่ถูกทีม ผลักดันตามความถนัด และมันเห็นคาแรกเตอร์ทีมที่ชัดเจนขึ้น
และบรรยากาศในรายการก็ดีขึ้นมาก ไม่มีการที่เด็กไม่เลือกแล้วต้องโกรธ อาฆาตกัน หรือต้องขู่เด็กว่าจะตัดออก อาจจะเสียดายกัน แต่ก็ยินดีที่เด็กได้ทีมที่เหมาะสม และยินดีกับเมนเทอร์ด้วยกัน ดูมีความเป็นครูและความอยากจะปั้นเด็ก
รีวิว The Face Men Thailand (& Inter) และวิเคราะห์ผู้เข้า... ใครน่าจะเป็นไงในทีม
สิ่งที่พิเศษอย่างแรก คือ คาแรกเตอร์ของความอินเตอร์ ตั้งแต่การรวมตัวของเมนเทอร์หัวนอก ลูกเกด-โตและเรียนอเมริกา, หมู-ลูกครึ่งญี่ปุ่น เรียนและทำงานแฟชั่นที่อเมริกา, ซอนย่า-ลูกครึ่งอังกฤษ โตและเรียนที่อังกฤษ ดารานางแบบอินเตอร์, โทนี่-ไทยฝรั่งเศสเวียดนาม โต เรียนและตัดผมที่ออสเตรเลีย หรือแม้แต่อองตวน ก็ฝรั่งเศสและเป็นนักมวยไทยระดับอินเตอร์ มันดูสอดคล้องจนน่าจะบอกได้ว่าเหมือนกับว่าทางรายการตั้งใจจะเซ็ตตัวเองให้มีคาแรกเตอร์อินเตอร์
รวมถึงผู้สมัครก็แสดงให้เห็นการทำลายกรอบทางพื้นที่ และเชื้อชาติ กับการทะลักของลูกครึ่งและต่างชาติ และกลายเป็นรายการอินเตอร์ ชนิดที่เป็นรายการทีมีทั้งภาษาไทยและอังกฤษพอๆ กัน นี่โลกการทำงานในยุคต่อไปจะเริ่มต้นแล้วใช่มั้ย? พรมแดนจะถูกลบ คนที่พร้อมและได้ภาษาจะคว้าโอกาสไปก่อน
นอกจากนี้ยังมีการขยับไดนามิคกันใหม่ ส่วนใหญ่แล้วเดอะเฟสจะมาทรงมี 3 ทีม จะมีทีมตัวเก๋า ทีมนางร้าย และทีมนางเอก แล้วจะมีไดนามิคที่ใช้กันมาตลอด แต่น่าสนใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเกิดตำแหน่งใหม่คือ มาสเตอร์เมนเทอร์ที่มีอำนาจเหนือเมนเทอร์
แค่ตอนแรกก็เริ่มมีไดนามิคที่เปลี่ยนไป และตำแหน่งนี้ก็เป็นของอาวุธสำคัญของรายการ คือ ลูกเกด ที่เป็นมนุษย์พิเศษ คนที่รู้ว่าจะต้องทำอะไรในรายการทีวีบ้าง และต้องติดตามว่าเค้าจะทำอะไรกับตำแหน่งนี้บ้าง
การคัดเรื่องมีการปรับเปลี่ยนไปเริ่มจากการคัดออกแบบ first impression ข้อดีคือคนไหนอยู่ข้างผู้ชายด้วยกันแล้วดร็อปก็เอาออก อันนี้ทำให้การคัดผ่านไปไวดี แต่มันก็หลายขยักไป ถ้าคัดออกก็ออกเลยก็ดูโหดดี
และต่อมาคือการรวบรอบกรุ๊ปช็อตกับปิดหนัาเดินแบบ คิดว่าในแง่ของการคัดคนมันก็มีข้อดีตรงที่ บางทีการวัดคนคนหนึ่งไม่ใช่การแยกส่วน แต่เป็นการดูด้วยภาพรวม การเดินแบบของผู้ชายก็ไม่ได้ต้องมีอะไรเยอะ รวมถึงการเดินจริงๆ อินเนอร์บนใบหน้าก็สำคัญ ปิดหน้าแล้วก็ไม่ได้เห็นกัน
และในแง่ของการเล่าเรื่องของรายการมันก็ง่ายตรงที่ คนดูได้เห็นผู้เข้าแข่งขันครั้งนึงทั้งรูปร่างหน้าตาการถ่ายแบบ การเดิน และบุคลิกระหว่างการสัมภาษณ์กับเมนเทอร์ ครบจบในรอบเดียว
ส่วนการเลือกเข้าทีมได้มีการเพิ่มให้มาสเตอร์เมนเทอร์ทำตัวเป็นหมวกคัดสรรด้วย ก็เพิ่มความซับซ้อนไป ว่าถึงประโยชน์ที่ได้คือมันเป็นมากกว่าเลือกเด็กเพื่อมาฟาดฟันเอาชนะกัน เพราะเน้นเรื่องการส่งเด็กให้อยู่ถูกทีม ผลักดันตามความถนัด และมันเห็นคาแรกเตอร์ทีมที่ชัดเจนขึ้น
และบรรยากาศในรายการก็ดีขึ้นมาก ไม่มีการที่เด็กไม่เลือกแล้วต้องโกรธ อาฆาตกัน หรือต้องขู่เด็กว่าจะตัดออก อาจจะเสียดายกัน แต่ก็ยินดีที่เด็กได้ทีมที่เหมาะสม และยินดีกับเมนเทอร์ด้วยกัน ดูมีความเป็นครูและความอยากจะปั้นเด็ก