กลุ้มใจ น้องสาวจะให้ทำเรื่องกู้ร่วมซื้อบ้าน แต่ตัวผมอีก 4 ปีก็เกษียณแล้ว

คือ น้องสาวกับผมอายุห่างกันมากเพราะคนละแม่ ทีนี้น้องสาวก็จะขอให้ทำเรื่องกู้ร่วมซื้อบ้าน แต่ตัวผมอีก 4 ปีก็เกษียณแล้ว มันไม่แน่นอนเลยเพราะตอนนี้น้องสาวก็ผ่อนรถอยู่ เช่าบ้านอยู่ ลำพังรายได้ก็ไม่น่าจะสูงมากนัก แล้วถ้าเกิดตกงานขึ้นมาจะทำยังไง
ครอบครัวมีบ้านของตัวเองเป็นอาคารเคหะ 2 ยูนิตครับ ผ่อนหมดไปนานแล้ว คิดว่าปีหน้าก็คงจะย้ายเข้าไปอยู่ ตอนนี้พักบ้านสวัสดิการทหาร
พ่อก็เกษียณอายุราชการแล้ว น้า(เจ้าของบ้านปัจจุบัน) ก็เกษียณแล้ว แม่ก็ไม่ได้ทำงานอะไร
เรื่องนี้ก็กลุ้มใจมาก ปฏิเสธไปก็เหมือนเราใจแคบ
คือก่อนหน้านี้เคยทำเรื่องกู้ร่วมมาแต่ไม่ผ่าน เข้าใจว่าน่าจะติดเรื่องอายุงานของผม หลังจากนั้น น้องสาวก็จะขอให้ทำเรื่องกู้ร่วมผ่อนรถ(แทนคันเก่าที่เสีย) แต่ผมก็ไม่ได้ดำเนินการอะไร น้องสาวคงใช้วิธีอื่นเพราะตอนนี้ได้รถมาแทนแล้ว
คือไม่อยากเป็นหนี้ ไม่อยากแบกรับภาระหนี้ตอนแก่ครับ ใจอยากช่วยให้เค้ามีบ้าน แต่กลัวว่าตัวเองอาจต้องไปนอนข้างถนนเอาเพราะธนาคารยึดบ้านเคหะที่ผ่อนมาจนหมด (กรรมสิทธิในบ้านเคหะก็ไม่รู้เป็นชื่อใครเพราะไม่อยากถามพ่อกับแม่เลี้ยง แต่อาจจะไม่ใช่ชื่อของผมด้วยทั้งที่ก็ช่วยผ่อนมาตลอด)
กลัวเขาเอาบ้านเคหะไปขายเอาเงินไปโปะ หรือถ้ามีปัญหาอะไร อาจต้องเสียบ้านไป
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 37
1. อย่าเซ็นต์ชื่อกู้ร่วมเด็ดขาดค่ะ บอกเหตุผลไปตามตรงว่าอีก 4 ปีคุณจะเกษียณแล้ว ( อ้างไปค่ะว่า ทางต้นสังกัดหรือที่ทำงานคุณไม่ยินยอม เพราะมันจะมีผลต่อบำนาญตลอดอายุขัยของคุณ)
2. ถ้าคุณไม่ลำบากจนเกินไป เสนอเงินให้สักก้อน ช่วยเป็นค่าจดจำนองหรือค่าซื้อของเข้าบ้านโดยเป็นการให้โดยที่คุณไม่เอาคืน (ห้าพันหมื่นนึงหรือสองหมื่นตามกำลังของคุณค่ะ)
3. บ้านเคหะที่ว่าคุณช่วยผ่อนและผ่อนหมดแล้วนั้น ให้ขอสำเนาโฉนดหน้าหลังจากคุณพ่อของคุณมา 1 ชุด ถ้ามีชื่อคุณอยู่ด้านหลังโฉนดคนเดียว เท่ากับคุณมีที่อยู่แน่นอนจนกว่าคุณจะสิ้นอายุขัย ถ้ามีแต่ชื่อคุณพ่อคุณ หรือคุณพ่อคุณ+แม่เลี้ยง ขอให้ระวังเรื่องที่อยู่อาศัยในอนาคตหลังเกษียณ) ***รายละเอียดตรงนี้มีเยอะ ขอเขียนสั้นๆเพียงแค่นี้นะคะ (ตอนขอสำเนาโฉนดหน้าหลังให้ระวังคำพูดนะคะ อาจจะอ้างว่าทางต้นสังกัดให้แจ้ง + ส่งมอบสำเนารายการทรัพย์สินที่อยู่ในชื่อคุณเป็นต้น) *** ถ้าคุณไม่มีชื่อในโฉนด เงินบำนาญที่คุณจะได้ ให้เผื่อค่าใช้จ่ายเรื่องค่าเช่าบ้านไว้ด้วยนะคะ

ด้วยความเคารพค่ะ
ความคิดเห็นที่ 21
ไม่ยอมกู้ร่วม อย่างมากเสียแค่ญาติ
ยอมกู้ร่วม จะเสียทั้งญาติเสียทั้งบ้าน
ความคิดเห็นที่ 53
ทำไมน้อง จขกท. เหมือนน้องของภรรยาผมเลย

ไอ้ที่ว่าเซ็นซื่อเฉยๆ นี่แหละภรรยาผมจึงได้หนี้ก้อนโตมา 2 ล้านกว่าบาท
แม่ก็บอก น้องก็บอก บอกว่าจะไม่ให้เดือดร้อนอะไร แค่เซ็นเฉยๆ
คนเป็นพี่ (ภรรยาผม) ก็เห็นใจน้อง เห็นใจแม่ สุดท้ายก็ไปเซ็นให้
แต่สิ่งที่ได้กลับมาก็เหมือน จขกท. คิดเอาไว้นั่นแหละ

กว่าผมจะรู้เจ้าหนี้เขาก็เตรียมจะยึดแล้วครับ (รวมทั้งที่ที่ผมอยู่ด้วย เพราะเป็นชื่อแม่ยาย)
สุดท้ายก็ต้องไปใช้หนี้แทนเขา ใช้อยู่ 6 ปีกว่าๆ จึงหมดหนี้ กว่าจะหมดได้แทบแย่ครับ
ตอนนี้มองหน้ากันไม่ติดสักคน
ส่วนเจ้าตัวไม่ต้องสืบ กินอยู่อย่างสบายใจ โพสต์ลงโซเชี่ยลแทบทุกวัน

สำหรับคำตอบ....ถ้าไม่อยากเหมือนครอบครัวผม ขออย่าใจอ่อนครับ
ความคิดเห็นที่ 26
อย่าใจอ่อนเด็ดขาดเลยค่ะ
ถ้าน้องสาว จขกท ผ่อนไม่ไหวขึ้นมา แย่แน่ๆ

เรื่องนี้เกิดกับที่บ้านเราเนี่ยแหละ
น้าเราเปิดร้านตัดเสื้อ ส่วนน้าเขยทำบริษัทเอกชน
มาขอร้องให้พ่อเราไปกู้บ้านให้ เพราะเป็น ขรก
ตอนนั้นก็สงสารหลานๆ ยังเด็ก แล้วความสัมพันธ์บ้านเรากับบ้านน้า ก็ดี
แม่กับพ่อเรา เรียกว่าเลี้ยงน้าเรามาตั้งแต่เด็กๆเลย พอเราเกิด น้าก็เลี้ยงเราอีกทีค่ะ

อ่ะ พ่อเราก็เซ็นกู้ไป 10ปีผ่านไป เงินต้นนอกจากจะไม่ลดแล้ว ดอกยังเพิ่มจะสองเท่าแล้วอ่ะ
พ่อเราไม่เคยรู้เลยว่าน้ากับน้าเขย ส่งงวดบ้างไม่ส่งบ้าง
จนกระทั่ง จม. จากธนาคาร จะฟ้องแล้วอ่ะค่ะ
โอ้โห.. อย่าให้เล่าว่าหลังจากนั้นจะเป็นยังไง บ้านแตกค่ะ
สุดท้ายก็คุยกับ ธ. เค้าลดดอกให้ รวมๆจาก สองล้านสามเหลือ สองล้านถ้วน
พ่อเรากับน้าเขย เกษียณพอดี ได้เงินก้อนมา คนละล้าน ก็เอาไปโปะจนหมด
ดีนะยังมีเงิน ถ้าไม่มีนี่พ่อเราซวยแน่ๆค่ะ เกษียณแล้ว จะต้องมาวิ่งขึ้นโรงขึ้นศาล เผลอๆ ติดคุกติดตารางไปอีก
พ่อเราโกรธมาก ไม่เผาผีกันแล้วกับน้า

จขกททคิดให้ดีๆนะคะ ต่อให้เป็นญาติสนิทขนาดไหน
แต่เรื่องเงินนี่มันไม่เข้าใครออกใครเลยจริงๆ
ช่วยเขา จนสบาย แต่คนที่จะตายคือเรา นี่ก็ไม่ไหวนะคะ
ความคิดเห็นที่ 2
พี่มีครอบครัวรึยังครับ

ถ้ามีแล้ว ก็ อ้างญาติภรรยาพี่ หรือ

ต้องช่วยลูกพี่ กู้เงิน อะไรก็ว่าไปครับ

อายุพี่เยอะแล้ว เก็บบ้าน เก็บเงิน

บำเหน็จบำนาญไว้เพื่อตัวเองดีกว่าครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่