กระทู้นี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของเรานะคะ หลังจากตามอ่านของคนอื่นมาบ้าง
พอไปเที่ยวเองแล้ว นึกสนุกอยากแบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆพันทิป ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ล่วงหน้าค่า ^^
ปล.อาจจะไม่ได้เน้นภาพมากนะคะ ถ่ายมาได้ไม่เยอะ เพราะสภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ
เราใช้กล้องไอโฟน 7 plus กับแอพแต่งแสงนิดหน่อยค่ะ ส่วนการเดินทาง ใช้รถสาธารณะเป็นหลัก
ทริปนี้ เริ่มต้นจากการไปงานแต่งงานของเพื่อนสนิทค่ะ มีเวลาแพลน 1 อาทิตย์ล่วงหน้าเท่านั้น 55555555
เราลางานพฤหัส-ศุกร์สองวัน นั่งเครื่องบินจากสุวรรณภูมิไปลงสนามบินเชียงใหม่ คืนวันพุธ นอนค้างที่พักที่เรามีอยู่แล้วที่เชียงใหม่ (เราเป็นคนเชียงใหม่ แต่มาทำงานกทม.) แล้วนั่งรถตอนเช้าไปลำปางเพื่อไปงานแต่งงาน และกลับมาเชียงใหม่อีกทีตอนเย็นค่ะ
เริ่มต้นเช้าวันศุกร์ เพราะเหนื่อยจากการเดินทางไปๆมาๆ เราเลยตื่นสายหน่อย มื้อเช้าจัดหนักมาก
ชื่อร้านอาหาร : ฮ้านถึงเจียงใหม่ อยู่ซอยวัดอุโมงค์ หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นร้านประจำเลยค่ะ
รสชาติดี คงความเป็นอาหารพื้นเมืองไว้ค่อนข้างมาก และราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับร้านในย่านนิมมานนะ
หลังจากอิ่มหนำสำราญจนพุงกางแล้ว เราก็เดินทางต่อไปสถานีขนส่งช้างเผือก ซึ่งเป็นจุดขึ้นรถไปยังอำเภอเชียงดาว และอำเภอต่างๆในเชียงใหม่ โดยเรียก Grab ค่ะ ให้โหลดแอพมาใช้ได้เลย เรียกได้ทุกพื้นที่ที่มีบริการ เพราะสะดวก ไม่อันตราย และราคาสมเหตุสมผล แนะนำให้ใช้โค้ดส่วนลดด้วยจะคุ้มมากกกกก หลังจากใช้โค้ดลดแล้ว จ่ายแค่สิบกว่าบาทเอง
พอไปถึงสถานีขนส่งช้างเผือกแล้ว ให้ไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วของบริษัทยานยนต์นครเชียงใหม่ จะเขียนติดไว้เลยว่าไปเชียงดาว ไชยปราการ ฝาง ฯลฯ บอกเจ้าหน้าที่ขายตั๋วว่าไปลงโลตัสเชียงดาว เป็นรถเมล์หวานเย็นสีส้มแบบนี้นะคะ หรืออยากนั่งสบายๆหน่อย ก็มีรถตู้ กับรถเมล์แบบปรับอากาศด้วย ตารางเวลาเดินรถ เช็คได้จากลิงก์นี้เลยจ้า
http://www.yanyonnakornchiangmai.com/index.php?p=timetable
ราคาค่าโดยสารต่อคนสำหรับรถหวานเย็นอยู่ที่ 40 บาทค่ะ เอาจริงๆ เราว่าไม่ร้อนนะคะ นั่งรถพัดลม ช่วงนี้อากาศกำลังดีเลย ลมพัดหลับสบาย 555555 ส่วนการเดินทางใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงไม่เกินนี้
พอไปถึงโลตัสเชียงดาว แนะนำให้ซื้อขนมนมเนย เหล้าเบียร์ไปตุนด้วยนะคะ จริงๆข้างบนตรงที่พักก็มีขาย แต่ราคาจะแรงหน่อย
หรือถ้าหิวๆ จะแวะร้านข้าวขาหมูก็ได้ เค้าร่ำลือกันว่าอร่อย แต่เรายัดไม่ไหวแล้ว เลยไม่ได้ลอง ต้องเอาไว้รอบหน้าละค่ะ
ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมของใช้ส่วนตัว และผ้าเช็ดตัวไปด้วย เพราะที่พักไม่ได้มีให้นะคะ เป็นห้องน้ำรวม ที่มีทั้งฝักบัว และขันตักอาบ
ปล. ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเด้ออ ใครคิดจะไปตอนหนาวจัดๆ อยากดูหมอกหนาๆฟินๆ เจอน้ำเย็น(แบบน้ำแข็ง)ไป อาจจะป่วยได้ค่ะ
พอซื้อของเรียบร้อยเสร็จสรรพ ให้เดินตรงไปจากจุดที่เราลงรถ ประมาณ 20 เมตร จะเจอสี่แยก ให้มองทางขวามือ ป้ายซอย 12
เห็นป้ายแล้วเลี้ยวขวาตรงแยกเลย แล้วจะเห็นรถสองแถวจอดอยู่ทางขวามือค่ะ ลักษณะเป็นรถกระบะมีหลังคา ไว้บรรทุกคน อะไรทำนองนั้น เราไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ถ้าสังเกตที่ล้อรถเปื้อนโคลนหน่อยๆ นั่นใช่เลยค่ะ 5555555 หรือจะโทรหาคนขับรถไว้ก่อนที่จะขึ้นรถที่สถานีขนส่งช้างเผือกก็ได้ เพื่อความอุ่นใจว่ามีรถขึ้นไปที่พักแน่นอน ชื่อลุงอ้าย 097-946-7318 เบอร์สำรอง 083-318-3062 หรือมีอีกคนชื่อป้าผ่อง แต่เราไม่ได้ขอเบอร์ไว้
รถอาจจะไม่ได้ออกทันทีนะคะ ต้องรอคนเต็ม หรือถึงเวลาของคนขับรถเค้าที่จะต้องขึ้นไป ซึ่งเวลาไม่แน่นอนในแต่ละวัน
ของเราไปเจอคนขับเป็นลูกชายป้าผ่อง แกบอกว่าขอไปรับป้าผ่องที่โรงพยาบาลก่อน แล้วยังแวะตลาด แวะรับของอีก คงเป็นชาวบ้านข้างบนเค้าฝากๆมา กว่าจะไปถึงข้างบนก็เกือบๆห้าโมงเย็นแล้ว
ระหว่างทางขึ้นไป ไม่ได้จับกล้องเลยค่ะ เพราะต้องจับตัวรถไว้ตลอดทาง ทรงตัวไม่อยู่เลย 555555555
โค้งแล้วโค้งอีก และทางก็ชันมาก ถ้าขับรถไม่ชำนาญ ไม่แนะนำให้เอารถส่วนตัวไปนะคะ ค่อนข้างอันตราย บางช่วงไม่มีราวกั้นไหล่ทาง และทำถนนอีกต่างหาก
ลืมบอกอีกอย่าง ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานคนละ 20 บาทนะคะ หลังจากเข้าเขตพื้นที่อุทยานแล้ว เราก็ไม่เจอสัญญาณโทรศัพท์อีกเลยยยย
ของเราใช้ทรู ส่วนของแฟนเราใช้เอไอเอส ซึ่งพอมีสัญญาณอยู่บ้างค่ะ แต่ไม่แรง แค่พอเล่นเฟสบุคได้
พอไปถึงที่พักแล้ว ก่อนลงรถ อย่าลืมจ่ายค่าเดินทางอีกคนละ 80 บาทนะคะ
ที่พักของเรา ลีซู โฮมสเตย์จะอยู่ด้านล่างอีก เดินลงเนินไปหน่อยนึง ตามทางจะมีป้ายบอก ก็จะเจอคุณน้าผู้ชายใส่ชุดพื้นเมือง ลืมถามชื่อมา 5555555 แกจะถือสมุดจดกับปากกาไว้ในมือ เดินไปมา ให้ไปแจ้งยืนยันการเข้าพักกับคุณน้าได้เลย
หลังจากนั้นแกจะพาเราไปเตนท์ที่เราจะนอน ของเราได้เตนท์ที่แยกออกมาต่างหากจากกลุ่มอื่นๆ จะอยู่ตรงทางเดินไปเตนท์ด้านล่างพอดี
พอเอาของไปเก็บแล้ว เราขึ้นมาลานส่วนกลาง แล้วก็ตะลึงกับวิวที่เห็น มันสวยมากกกกก คุ้มกับการเดินทางเกือบครึ่งวันจริงๆ
ภูเขาสูงตระหง่าน อยู่ไม่ไกลเราเลย ต้นไม้สีเขียวตัดกับท้องฟ้าสดใสมากกกก
เราถ่ายรูปมาได้ไม่เยอะ เพราะไปถึงค่อนข้างจะเย็นมากแล้ว แสงไม่ค่อยจะมี และตากล้องจำเป็นของเราหิวข้าวค่ะ งอแงไม่ยอมถ่ายรูปให้เราเท่าไหร่ 555555555555
ตรงลานส่วนกลางจะมีที่นั่งห้อยขา หันหน้าไปทางดอยหลวงแบบนี้ อันนี้รูปถ่ายจากด้านข้างค่ะ
ถ่ายรูปเล่นกันไปซักพัก อาหารเย็นก็ทยอยมาเสิร์ฟตอนห้าโมงกว่าๆ ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะทานหน้าเตนท์ที่พักหรือจะทานตรงส่วนกลางแบบนี้
ปล. ต้องนั่งตรงนี้ตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ ไม่งั้นไม่ได้มุมนี้แน่นอน มุมมหาชน
แล้วก็อาหารทั้งหมดเติมได้ไม่อั้นเลย เมนูมีไข่เจียว ผัดผัก ต้มจืด และที่ขาดไม่ได้น้ำพริกลีซู อร่อยมากกกกกก หรืออยากกินหมูกะทะก็สั่งได้เลยค่ะ ชุดละ 500 บาท ชุดเล็ก 300 หรือ 400 บาทเนี่ยแหละค่ะ เห็นป้ายราคาไม่ชัด เราไม่ได้สั่งมา เพราะแค่กับข้าวที่มาเสิร์ฟก็ทานไม่หมดแล้วค่ะ
ทานไปได้ซักพัก อากาศชักจะเริ่มเย็น และมืดลงเรื่อยๆ ตอนนั้นน่าจะประมาณเกือบๆหนึ่งทุ่ม เราเลยเข้าไปนอนเล่นในเตนท์ค่ะ วันที่เราไปไม่ค่อยมียุงนะ แต่ฝนทำท่าจะตกตลอดเวลา ให้พกยาฉีดกันยุง ซอฟเฟล หรือยาหม่องไปเผื่อก็ได้ค่ะ
เรากะว่าอาบน้ำเสร็จจะมานอนดูดาว นั่งเล่นที่ลานส่วนกลาง กินขนมเล่นกันกับแฟน แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจค่ะ เทกระหน่ำลงมา ฟ้าปิด เลยไม่ได้รูปดาวสวยๆมาเลย พอไม่มีอะไรทำ สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีอีก เลยนอนมันตั้งแต่หัวค่ำซะเลย อากาศเย็นด้วยค่ะ กำลังหลับสบาย
แนะนำว่าให้พกพาวเวอร์แบงค์ไปด้วยนะคะ ปลั๊กไฟมีให้ใช้เฉพาะส่วนกลางเท่านั้น และวันที่เราไป ไฟไม่พอด้วยค่ะ เห็นว่าใช้โซล่าร์เซลล์
เช้าอีกวันนึงเราตื่นมาตอนหกโมงเช้า ตื่นเองแบบไม่มีอะไรปลุก เพราะเคยชินเวลาตื่นไปทำงาน 5555555555
หมอกลงเต็มไปหมด บังวิวเขาสวยๆ แต่อากาศดีมากกกกก ประมาณเจ็ดโมงเช้า ทางที่พักจะเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงที่เตนท์เลย ฟินมากกกกกก กอไก่ล้านตัว ข้าวต้มอร่อยมากค่ะ เราเติมหม้อที่สองด้วย
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็นั่งกินขนมที่ซื้อขึ้นมาไปพลางๆ กินลมชมวิว คุยเล่นกับคนโน้นทีคนนี้ที คุณน้าที่ดูแลที่พักอัธยาศัยดีมากกก บริการดีมากๆค่ะ แนะนำว่าให้รีบอาบน้ำหน่อยนะคะ เพราะถ้ามีแขกพักเยอะ น้ำที่ใช้อาบจะมีไม่พอจ้าาา แฟนเราเกือบไม่ได้อาบ มัวแต่เอ้อระเหยลอยชาย
วิวตอนสายๆ ก็เป็นแบบนี้ มีแต่หมอกเต็มไปหมด เมฆก็เยอะค่ะ ไม่เห็นอะไรเลยยยย
ขากลับ เราลงไปในตัวอำเภอเชียงดาวกับรถลุงอ้ายค่ะ แกจะรับส่งคนเรื่อยๆ และมาเรียกถึงที่พักเลย รถรอบเช้าสุดอยู่ที่ประมาณแปดโมงเช้า ถัดไปประมาณสิบโมงนิดๆ และอีกทีก็ช่วงบ่ายเลย นอกจากรถลุงอ้าย ยังมีรถป้าผ่องนะคะ สอบถามคุณน้าที่ดูแลที่พักได้เลย เค้าให้คำแนะนำได้จ้าาา ค่ารถ 80 บาทต่อคนเหมือนเดิม
รถลุงอ้ายจะไปจอดที่สถานีขนส่งเชียงดาว หรือท่ารถเชียงดาว หรือบขส.เชียงดาว คือที่เดียวกันแล้วแต่จะสะดวกเรียกแบบไหน 55555555
ซื้อตั๋วได้บนรถเมื่อรถมาจอดนะคะ มีทั้งรถพัดลม ปรับอากาศ และรถตู้เหมือนเดิม ส่วนเรานั่งรถพัดลม 40 บาทเหมือนขามา เพราะรถมาจอดพอดี ไม่อยากเสียเวลาเที่ยวในเมืองต่อ เลยขึ้นรถเลยจ้าาา
สรุปค่าเสียหายเฉพาะทริปลีซู โฮมสเตย์ แบบไม่มีรถส่วนตัว
1. ค่าเดินทางไปสถานีขนส่งช้างเผือก ถ้าเรียก Grab ไม่เกิน 50 บาท ถ้ารถแดงคนละ 50 บาท ถ้าขึ้นรถเมล์ประจำทาง 20 บาทตลอดสาย ทุกแบบขึ้นอยู่ว่าจะขึ้นรถจากจุดไหนนะคะ ยกเว้นรถเมล์
2. ค่าเดินทางจากสถานีขนส่งช้างเผือกไปโลตัสเชียงดาว ไปกลับ 80 บาท หรือ 40 บาทต่อเที่ยว (หรือมากกว่านี้หากเป็นรถปรับอากาศหรือรถตู้)
3. ค่าเดินทางจากโลตัสเชียงดาวไปที่พัก ไปกลับ คนละ 160 บาท (80 บาทต่อเที่ยว)
4. ค่าที่พัก เป็นเตนท์ คนละ 600 บาท ราคารวมอาหารเย็นและอาหารเช้าแล้ว
5. ค่าขนมจุกจิก ถ้าซื้อเหล้าเบียร์ก็บวกๆกันไป 200-500 บาท
สำหรับคนที่อยู่เชียงใหม่ จะเสียประมาณ 1000 - 1100 บาท หรืออาจจะไม่ถึง 1000 บาท ถ้าเซฟค่าเหล้าเบียร์ได้ 555555
สำหรับคนที่มาจากต่างจังหวัด ก็บวกเพิ่มค่าที่พักในเมือง ค่าตั๋วเครื่องบินกันเอาเองนะจ๊ะ
**ขอย้ำในกระทู้นี้เลยนะคะว่า การจองที่พักที่ ลีซู โฮมสเตย์ สามารถจองได้เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น คือทางโทรศัพท์ตามเบอร์โทรในเพจ ถ้าพี่ๆเค้าแจ้งว่าไม่ควรโทรเบอร์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือทักแชท ทักไลน์ไป ก็รับจองไม่ได้นะคะ ไม่ต้องไปโมโหกันในเพจเด้อออ เราเห็นใจพี่ๆที่รับจอง เพราะข้างบนสัญญาณไม่มีจริงๆค่าา**
แปะลิงก์เพจตามนี้นะคะ
https://www.facebook.com/BannLisuHomestay/
ต้องอาศัยแต้มบุญเท่านั้นค่ะ 5555555555
กว่าเราจะโทรติด ก็พยายามมากกกกเหมือนกัน แต่ถ้าทำตามที่เค้าแจ้งทุกอย่าง ยังไงเราก็ได้เข้าพักตามวันที่เราจองไว้ ไม่มีตกหล่นแน่นอนค่ะ
ขอให้ทุกคนโชคดีในการจองนะคะ และขอให้เที่ยวอย่างสนุกสนาน ปลอดภัยค่ะ
[CR] ปลายฝน... ต้นหนาว พักกายใจ ที่ "ลีซู โฮมสเตย์" เชียงใหม่
กระทู้นี้เป็นการรีวิวครั้งแรกของเรานะคะ หลังจากตามอ่านของคนอื่นมาบ้าง
พอไปเที่ยวเองแล้ว นึกสนุกอยากแบ่งปันข้อมูลกับเพื่อนๆพันทิป ผิดพลาดประการใด ขออภัยมา ณ ที่นี้ล่วงหน้าค่า ^^
ปล.อาจจะไม่ได้เน้นภาพมากนะคะ ถ่ายมาได้ไม่เยอะ เพราะสภาพอากาศไม่ค่อยเป็นใจ
เราใช้กล้องไอโฟน 7 plus กับแอพแต่งแสงนิดหน่อยค่ะ ส่วนการเดินทาง ใช้รถสาธารณะเป็นหลัก
ทริปนี้ เริ่มต้นจากการไปงานแต่งงานของเพื่อนสนิทค่ะ มีเวลาแพลน 1 อาทิตย์ล่วงหน้าเท่านั้น 55555555
เราลางานพฤหัส-ศุกร์สองวัน นั่งเครื่องบินจากสุวรรณภูมิไปลงสนามบินเชียงใหม่ คืนวันพุธ นอนค้างที่พักที่เรามีอยู่แล้วที่เชียงใหม่ (เราเป็นคนเชียงใหม่ แต่มาทำงานกทม.) แล้วนั่งรถตอนเช้าไปลำปางเพื่อไปงานแต่งงาน และกลับมาเชียงใหม่อีกทีตอนเย็นค่ะ
เริ่มต้นเช้าวันศุกร์ เพราะเหนื่อยจากการเดินทางไปๆมาๆ เราเลยตื่นสายหน่อย มื้อเช้าจัดหนักมาก
ชื่อร้านอาหาร : ฮ้านถึงเจียงใหม่ อยู่ซอยวัดอุโมงค์ หลังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นร้านประจำเลยค่ะ
รสชาติดี คงความเป็นอาหารพื้นเมืองไว้ค่อนข้างมาก และราคาไม่แพง ถ้าเทียบกับร้านในย่านนิมมานนะ
หลังจากอิ่มหนำสำราญจนพุงกางแล้ว เราก็เดินทางต่อไปสถานีขนส่งช้างเผือก ซึ่งเป็นจุดขึ้นรถไปยังอำเภอเชียงดาว และอำเภอต่างๆในเชียงใหม่ โดยเรียก Grab ค่ะ ให้โหลดแอพมาใช้ได้เลย เรียกได้ทุกพื้นที่ที่มีบริการ เพราะสะดวก ไม่อันตราย และราคาสมเหตุสมผล แนะนำให้ใช้โค้ดส่วนลดด้วยจะคุ้มมากกกกก หลังจากใช้โค้ดลดแล้ว จ่ายแค่สิบกว่าบาทเอง
พอไปถึงสถานีขนส่งช้างเผือกแล้ว ให้ไปที่ช่องจำหน่ายตั๋วของบริษัทยานยนต์นครเชียงใหม่ จะเขียนติดไว้เลยว่าไปเชียงดาว ไชยปราการ ฝาง ฯลฯ บอกเจ้าหน้าที่ขายตั๋วว่าไปลงโลตัสเชียงดาว เป็นรถเมล์หวานเย็นสีส้มแบบนี้นะคะ หรืออยากนั่งสบายๆหน่อย ก็มีรถตู้ กับรถเมล์แบบปรับอากาศด้วย ตารางเวลาเดินรถ เช็คได้จากลิงก์นี้เลยจ้า
http://www.yanyonnakornchiangmai.com/index.php?p=timetable
ราคาค่าโดยสารต่อคนสำหรับรถหวานเย็นอยู่ที่ 40 บาทค่ะ เอาจริงๆ เราว่าไม่ร้อนนะคะ นั่งรถพัดลม ช่วงนี้อากาศกำลังดีเลย ลมพัดหลับสบาย 555555 ส่วนการเดินทางใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมงไม่เกินนี้
พอไปถึงโลตัสเชียงดาว แนะนำให้ซื้อขนมนมเนย เหล้าเบียร์ไปตุนด้วยนะคะ จริงๆข้างบนตรงที่พักก็มีขาย แต่ราคาจะแรงหน่อย
หรือถ้าหิวๆ จะแวะร้านข้าวขาหมูก็ได้ เค้าร่ำลือกันว่าอร่อย แต่เรายัดไม่ไหวแล้ว เลยไม่ได้ลอง ต้องเอาไว้รอบหน้าละค่ะ
ที่สำคัญ อย่าลืมเตรียมของใช้ส่วนตัว และผ้าเช็ดตัวไปด้วย เพราะที่พักไม่ได้มีให้นะคะ เป็นห้องน้ำรวม ที่มีทั้งฝักบัว และขันตักอาบ
ปล. ไม่มีเครื่องทำน้ำอุ่นเด้ออ ใครคิดจะไปตอนหนาวจัดๆ อยากดูหมอกหนาๆฟินๆ เจอน้ำเย็น(แบบน้ำแข็ง)ไป อาจจะป่วยได้ค่ะ
พอซื้อของเรียบร้อยเสร็จสรรพ ให้เดินตรงไปจากจุดที่เราลงรถ ประมาณ 20 เมตร จะเจอสี่แยก ให้มองทางขวามือ ป้ายซอย 12
เห็นป้ายแล้วเลี้ยวขวาตรงแยกเลย แล้วจะเห็นรถสองแถวจอดอยู่ทางขวามือค่ะ ลักษณะเป็นรถกระบะมีหลังคา ไว้บรรทุกคน อะไรทำนองนั้น เราไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ถ้าสังเกตที่ล้อรถเปื้อนโคลนหน่อยๆ นั่นใช่เลยค่ะ 5555555 หรือจะโทรหาคนขับรถไว้ก่อนที่จะขึ้นรถที่สถานีขนส่งช้างเผือกก็ได้ เพื่อความอุ่นใจว่ามีรถขึ้นไปที่พักแน่นอน ชื่อลุงอ้าย 097-946-7318 เบอร์สำรอง 083-318-3062 หรือมีอีกคนชื่อป้าผ่อง แต่เราไม่ได้ขอเบอร์ไว้
รถอาจจะไม่ได้ออกทันทีนะคะ ต้องรอคนเต็ม หรือถึงเวลาของคนขับรถเค้าที่จะต้องขึ้นไป ซึ่งเวลาไม่แน่นอนในแต่ละวัน
ของเราไปเจอคนขับเป็นลูกชายป้าผ่อง แกบอกว่าขอไปรับป้าผ่องที่โรงพยาบาลก่อน แล้วยังแวะตลาด แวะรับของอีก คงเป็นชาวบ้านข้างบนเค้าฝากๆมา กว่าจะไปถึงข้างบนก็เกือบๆห้าโมงเย็นแล้ว
ระหว่างทางขึ้นไป ไม่ได้จับกล้องเลยค่ะ เพราะต้องจับตัวรถไว้ตลอดทาง ทรงตัวไม่อยู่เลย 555555555
โค้งแล้วโค้งอีก และทางก็ชันมาก ถ้าขับรถไม่ชำนาญ ไม่แนะนำให้เอารถส่วนตัวไปนะคะ ค่อนข้างอันตราย บางช่วงไม่มีราวกั้นไหล่ทาง และทำถนนอีกต่างหาก
ลืมบอกอีกอย่าง ต้องเสียค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานคนละ 20 บาทนะคะ หลังจากเข้าเขตพื้นที่อุทยานแล้ว เราก็ไม่เจอสัญญาณโทรศัพท์อีกเลยยยย ของเราใช้ทรู ส่วนของแฟนเราใช้เอไอเอส ซึ่งพอมีสัญญาณอยู่บ้างค่ะ แต่ไม่แรง แค่พอเล่นเฟสบุคได้
พอไปถึงที่พักแล้ว ก่อนลงรถ อย่าลืมจ่ายค่าเดินทางอีกคนละ 80 บาทนะคะ
ที่พักของเรา ลีซู โฮมสเตย์จะอยู่ด้านล่างอีก เดินลงเนินไปหน่อยนึง ตามทางจะมีป้ายบอก ก็จะเจอคุณน้าผู้ชายใส่ชุดพื้นเมือง ลืมถามชื่อมา 5555555 แกจะถือสมุดจดกับปากกาไว้ในมือ เดินไปมา ให้ไปแจ้งยืนยันการเข้าพักกับคุณน้าได้เลย
หลังจากนั้นแกจะพาเราไปเตนท์ที่เราจะนอน ของเราได้เตนท์ที่แยกออกมาต่างหากจากกลุ่มอื่นๆ จะอยู่ตรงทางเดินไปเตนท์ด้านล่างพอดี
พอเอาของไปเก็บแล้ว เราขึ้นมาลานส่วนกลาง แล้วก็ตะลึงกับวิวที่เห็น มันสวยมากกกกก คุ้มกับการเดินทางเกือบครึ่งวันจริงๆ
ภูเขาสูงตระหง่าน อยู่ไม่ไกลเราเลย ต้นไม้สีเขียวตัดกับท้องฟ้าสดใสมากกกก
เราถ่ายรูปมาได้ไม่เยอะ เพราะไปถึงค่อนข้างจะเย็นมากแล้ว แสงไม่ค่อยจะมี และตากล้องจำเป็นของเราหิวข้าวค่ะ งอแงไม่ยอมถ่ายรูปให้เราเท่าไหร่ 555555555555
ตรงลานส่วนกลางจะมีที่นั่งห้อยขา หันหน้าไปทางดอยหลวงแบบนี้ อันนี้รูปถ่ายจากด้านข้างค่ะ
ถ่ายรูปเล่นกันไปซักพัก อาหารเย็นก็ทยอยมาเสิร์ฟตอนห้าโมงกว่าๆ ซึ่งเราเลือกได้ว่าจะทานหน้าเตนท์ที่พักหรือจะทานตรงส่วนกลางแบบนี้
ปล. ต้องนั่งตรงนี้ตั้งแต่เนิ่นๆนะคะ ไม่งั้นไม่ได้มุมนี้แน่นอน มุมมหาชน
แล้วก็อาหารทั้งหมดเติมได้ไม่อั้นเลย เมนูมีไข่เจียว ผัดผัก ต้มจืด และที่ขาดไม่ได้น้ำพริกลีซู อร่อยมากกกกกก หรืออยากกินหมูกะทะก็สั่งได้เลยค่ะ ชุดละ 500 บาท ชุดเล็ก 300 หรือ 400 บาทเนี่ยแหละค่ะ เห็นป้ายราคาไม่ชัด เราไม่ได้สั่งมา เพราะแค่กับข้าวที่มาเสิร์ฟก็ทานไม่หมดแล้วค่ะ
ทานไปได้ซักพัก อากาศชักจะเริ่มเย็น และมืดลงเรื่อยๆ ตอนนั้นน่าจะประมาณเกือบๆหนึ่งทุ่ม เราเลยเข้าไปนอนเล่นในเตนท์ค่ะ วันที่เราไปไม่ค่อยมียุงนะ แต่ฝนทำท่าจะตกตลอดเวลา ให้พกยาฉีดกันยุง ซอฟเฟล หรือยาหม่องไปเผื่อก็ได้ค่ะ
เรากะว่าอาบน้ำเสร็จจะมานอนดูดาว นั่งเล่นที่ลานส่วนกลาง กินขนมเล่นกันกับแฟน แต่ฟ้าฝนไม่เป็นใจค่ะ เทกระหน่ำลงมา ฟ้าปิด เลยไม่ได้รูปดาวสวยๆมาเลย พอไม่มีอะไรทำ สัญญาณโทรศัพท์ไม่มีอีก เลยนอนมันตั้งแต่หัวค่ำซะเลย อากาศเย็นด้วยค่ะ กำลังหลับสบาย
แนะนำว่าให้พกพาวเวอร์แบงค์ไปด้วยนะคะ ปลั๊กไฟมีให้ใช้เฉพาะส่วนกลางเท่านั้น และวันที่เราไป ไฟไม่พอด้วยค่ะ เห็นว่าใช้โซล่าร์เซลล์
เช้าอีกวันนึงเราตื่นมาตอนหกโมงเช้า ตื่นเองแบบไม่มีอะไรปลุก เพราะเคยชินเวลาตื่นไปทำงาน 5555555555
หมอกลงเต็มไปหมด บังวิวเขาสวยๆ แต่อากาศดีมากกกกก ประมาณเจ็ดโมงเช้า ทางที่พักจะเอาอาหารเช้ามาเสิร์ฟให้ถึงที่เตนท์เลย ฟินมากกกกกก กอไก่ล้านตัว ข้าวต้มอร่อยมากค่ะ เราเติมหม้อที่สองด้วย
หลังจากที่ทานอาหารเช้าเสร็จ เราก็นั่งกินขนมที่ซื้อขึ้นมาไปพลางๆ กินลมชมวิว คุยเล่นกับคนโน้นทีคนนี้ที คุณน้าที่ดูแลที่พักอัธยาศัยดีมากกก บริการดีมากๆค่ะ แนะนำว่าให้รีบอาบน้ำหน่อยนะคะ เพราะถ้ามีแขกพักเยอะ น้ำที่ใช้อาบจะมีไม่พอจ้าาา แฟนเราเกือบไม่ได้อาบ มัวแต่เอ้อระเหยลอยชาย
วิวตอนสายๆ ก็เป็นแบบนี้ มีแต่หมอกเต็มไปหมด เมฆก็เยอะค่ะ ไม่เห็นอะไรเลยยยย
ขากลับ เราลงไปในตัวอำเภอเชียงดาวกับรถลุงอ้ายค่ะ แกจะรับส่งคนเรื่อยๆ และมาเรียกถึงที่พักเลย รถรอบเช้าสุดอยู่ที่ประมาณแปดโมงเช้า ถัดไปประมาณสิบโมงนิดๆ และอีกทีก็ช่วงบ่ายเลย นอกจากรถลุงอ้าย ยังมีรถป้าผ่องนะคะ สอบถามคุณน้าที่ดูแลที่พักได้เลย เค้าให้คำแนะนำได้จ้าาา ค่ารถ 80 บาทต่อคนเหมือนเดิม
รถลุงอ้ายจะไปจอดที่สถานีขนส่งเชียงดาว หรือท่ารถเชียงดาว หรือบขส.เชียงดาว คือที่เดียวกันแล้วแต่จะสะดวกเรียกแบบไหน 55555555
ซื้อตั๋วได้บนรถเมื่อรถมาจอดนะคะ มีทั้งรถพัดลม ปรับอากาศ และรถตู้เหมือนเดิม ส่วนเรานั่งรถพัดลม 40 บาทเหมือนขามา เพราะรถมาจอดพอดี ไม่อยากเสียเวลาเที่ยวในเมืองต่อ เลยขึ้นรถเลยจ้าาา
สรุปค่าเสียหายเฉพาะทริปลีซู โฮมสเตย์ แบบไม่มีรถส่วนตัว
1. ค่าเดินทางไปสถานีขนส่งช้างเผือก ถ้าเรียก Grab ไม่เกิน 50 บาท ถ้ารถแดงคนละ 50 บาท ถ้าขึ้นรถเมล์ประจำทาง 20 บาทตลอดสาย ทุกแบบขึ้นอยู่ว่าจะขึ้นรถจากจุดไหนนะคะ ยกเว้นรถเมล์
2. ค่าเดินทางจากสถานีขนส่งช้างเผือกไปโลตัสเชียงดาว ไปกลับ 80 บาท หรือ 40 บาทต่อเที่ยว (หรือมากกว่านี้หากเป็นรถปรับอากาศหรือรถตู้)
3. ค่าเดินทางจากโลตัสเชียงดาวไปที่พัก ไปกลับ คนละ 160 บาท (80 บาทต่อเที่ยว)
4. ค่าที่พัก เป็นเตนท์ คนละ 600 บาท ราคารวมอาหารเย็นและอาหารเช้าแล้ว
5. ค่าขนมจุกจิก ถ้าซื้อเหล้าเบียร์ก็บวกๆกันไป 200-500 บาท
สำหรับคนที่อยู่เชียงใหม่ จะเสียประมาณ 1000 - 1100 บาท หรืออาจจะไม่ถึง 1000 บาท ถ้าเซฟค่าเหล้าเบียร์ได้ 555555
สำหรับคนที่มาจากต่างจังหวัด ก็บวกเพิ่มค่าที่พักในเมือง ค่าตั๋วเครื่องบินกันเอาเองนะจ๊ะ
**ขอย้ำในกระทู้นี้เลยนะคะว่า การจองที่พักที่ ลีซู โฮมสเตย์ สามารถจองได้เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น คือทางโทรศัพท์ตามเบอร์โทรในเพจ ถ้าพี่ๆเค้าแจ้งว่าไม่ควรโทรเบอร์อื่นที่ไม่เกี่ยวข้อง หรือทักแชท ทักไลน์ไป ก็รับจองไม่ได้นะคะ ไม่ต้องไปโมโหกันในเพจเด้อออ เราเห็นใจพี่ๆที่รับจอง เพราะข้างบนสัญญาณไม่มีจริงๆค่าา**
แปะลิงก์เพจตามนี้นะคะ
https://www.facebook.com/BannLisuHomestay/
ต้องอาศัยแต้มบุญเท่านั้นค่ะ 5555555555
กว่าเราจะโทรติด ก็พยายามมากกกกเหมือนกัน แต่ถ้าทำตามที่เค้าแจ้งทุกอย่าง ยังไงเราก็ได้เข้าพักตามวันที่เราจองไว้ ไม่มีตกหล่นแน่นอนค่ะ
ขอให้ทุกคนโชคดีในการจองนะคะ และขอให้เที่ยวอย่างสนุกสนาน ปลอดภัยค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น