น่าคิดนะกับการช่วยเหลือคน !!! เพื่อนๆ อ่านแล้วเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะคะ
ข่าวจากนสพ.ฉบับหนึ่ง พาดหัวข่าวว่า
“ ผู้จัดการธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งในอิตาลี ได้กระทำการยักยอกเงินฝากของลูกค้าเพื่อนำไปช่วยคนจน ”
การกระทำของนายธนาคารผู้นี้
แม้จะยืนอยู่บนพื้นฐานของความเมตตา มีจิตใจที่ดี มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนจน
แต่วิธีการต่างหาก คือสิ่งสำคัญ ที่เราควรพิจารณาใคร่ครวญอย่างรอบคอบ !!
นี่ต่างหากคือสิ่งที่เราควรตั้งคำถามเพื่อถามตัวเอง
ลองมาฟังเรื่องนี้
ครอบครัวหนึ่ง สมาชิกในบ้านมีด้วยกัน 4 คน ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก 2 คน ...ครอบครัวนี้มีฐานะยากจนมาก พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนลูกทั้งสองไม่ได้เรียนหนังสือตามเกณฑ์ เพราะต้องช่วยกันหาเงินมาจุนเจือครอบครัว
หากเราต้องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ เราจะมีวิธีแบบไหน ?
‘ ให้เงินอย่างเดียว ‘
หรือ
‘ ให้ความรู้ และโอกาสเพื่อให้เขานำความรู้นั้นไปใช้ประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้‘
เมื่อคุณให้เงินเพียงอย่างเดียวก็เหมือนเป็นการบ่มเพาะนิสัย
“ผู้รับ” รอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่นตลอด โดยไม่คิดต่อสู้ หรือพยายามพึ่งพาตนเอง
เมื่อคุณให้ความรู้ และโอกาสแก่พวกเขา เขายังสามารถหาเวลาเรียนภาคพิเศษ (กศน.)ไปพร้อมๆกับการทำงานหาเงินได้ในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าอาจเหนื่อยมากกว่าใครอีหลายคน แต่ถ้าใจไม่ท้อแล้ว ยังไงก็ต้องผ่านไปได้ ที่สำคัญยังเป็นการสอนให้พวกเขาอดทน และยืนด้วยลำแข้งของตัวเองมากกว่าการรอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่น
เขาจะรับรู้ถึงการเป็น
“ผู้รับ”
ความช่วยเหลือที่คุณหยิบยื่นไปให้พวกเขา สิ่งดีๆเหล่านี้อาจกลายเป็นความทรงจำที่งดงาม วันหนึ่งพวกเขาอาจอยู่ในฐานะ “ผู้ให้” สิ่งดีๆกับคนอื่นๆ เหมือนที่เขาเคยได้รับจากเราก็เป็นได้
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคิดให้ดีๆ
ความประพฤติ, ซื่อสัตย์, ซื่อตรง, ขยัน, กตัญญู
ตายเพราะความขี้สงสารของตัวเอง !!
ก่อนจะให้ความช่วยเหลือใคร ลองตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า
‘ จะมีวิธีการใดที่เราจะสามารถให้การช่วยเหลือคนจนเหล่านั้น ในขอบเขตที่เราสามารถจะกระทำได้ โดยไม่ผิดศีล ไม่ผิดธรรม และต้องไม่นำความเดือดร้อนมาสู่ตัวเอง ? ‘
ขอบคุณบทความดีๆ จาก
https://usaradiary.blogspot.com/2018/10/blog-post_6.html
เจตนาดี แต่วิธีการไม่ถูก ก็ไม่ควรสรรเสริญ !!
ข่าวจากนสพ.ฉบับหนึ่ง พาดหัวข่าวว่า
“ ผู้จัดการธนาคารชื่อดังแห่งหนึ่งในอิตาลี ได้กระทำการยักยอกเงินฝากของลูกค้าเพื่อนำไปช่วยคนจน ”
การกระทำของนายธนาคารผู้นี้ แม้จะยืนอยู่บนพื้นฐานของความเมตตา มีจิตใจที่ดี มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือคนจน
แต่วิธีการต่างหาก คือสิ่งสำคัญ ที่เราควรพิจารณาใคร่ครวญอย่างรอบคอบ !!
นี่ต่างหากคือสิ่งที่เราควรตั้งคำถามเพื่อถามตัวเอง
ลองมาฟังเรื่องนี้
ครอบครัวหนึ่ง สมาชิกในบ้านมีด้วยกัน 4 คน ประกอบด้วย พ่อ แม่ ลูก 2 คน ...ครอบครัวนี้มีฐานะยากจนมาก พ่อแม่มีอาชีพรับจ้างทั่วไป ส่วนลูกทั้งสองไม่ได้เรียนหนังสือตามเกณฑ์ เพราะต้องช่วยกันหาเงินมาจุนเจือครอบครัว
หากเราต้องการให้ความช่วยเหลือครอบครัวนี้ เราจะมีวิธีแบบไหน ?
‘ ให้เงินอย่างเดียว ‘
หรือ
‘ ให้ความรู้ และโอกาสเพื่อให้เขานำความรู้นั้นไปใช้ประกอบอาชีพหาเลี้ยงตัวเองได้‘
เมื่อคุณให้เงินเพียงอย่างเดียวก็เหมือนเป็นการบ่มเพาะนิสัย “ผู้รับ” รอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่นตลอด โดยไม่คิดต่อสู้ หรือพยายามพึ่งพาตนเอง
เมื่อคุณให้ความรู้ และโอกาสแก่พวกเขา เขายังสามารถหาเวลาเรียนภาคพิเศษ (กศน.)ไปพร้อมๆกับการทำงานหาเงินได้ในเวลาเดียวกัน แน่นอนว่าอาจเหนื่อยมากกว่าใครอีหลายคน แต่ถ้าใจไม่ท้อแล้ว ยังไงก็ต้องผ่านไปได้ ที่สำคัญยังเป็นการสอนให้พวกเขาอดทน และยืนด้วยลำแข้งของตัวเองมากกว่าการรอคอยความช่วยเหลือจากคนอื่น
เขาจะรับรู้ถึงการเป็น “ผู้รับ”
ความช่วยเหลือที่คุณหยิบยื่นไปให้พวกเขา สิ่งดีๆเหล่านี้อาจกลายเป็นความทรงจำที่งดงาม วันหนึ่งพวกเขาอาจอยู่ในฐานะ “ผู้ให้” สิ่งดีๆกับคนอื่นๆ เหมือนที่เขาเคยได้รับจากเราก็เป็นได้
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องคิดให้ดีๆ
ความประพฤติ, ซื่อสัตย์, ซื่อตรง, ขยัน, กตัญญู
ตายเพราะความขี้สงสารของตัวเอง !!
ก่อนจะให้ความช่วยเหลือใคร ลองตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่า
ขอบคุณบทความดีๆ จาก https://usaradiary.blogspot.com/2018/10/blog-post_6.html