ณ โรงเรียนประจำหมู่บ้านแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีชั้นเรียนระดับ อนุบาลถึงแค่ ป.6 จำนวนนักเรียนและครูก็เลยมีไม่เยอะ ประมาณ 100กว่าคน ทุกๆปีจะมีการแข่งขันเล่นดนตรีไทยแข่งกับโรงเรียนอื่นๆ และโรงเรียนนี้ ชนะเลิศมา 3 ปีติดต่อกัน ดังนั้นเพื่อป้องกันแชมป์ต่อไป นักเรียนที่ลงแข่งจะต้องมีการฝึกซ้อมทุกวันหลังเลิกเรียน
เครื่องดนตรีไทยโดยความเชื่อแล้วจะมีครู หรือ วิญญาณบรรพบุรุษสิงสถิตอยู่ ทุกครั้งที่จะเล่นเครื่องเล่นดนตรีไทย จะต้องไหว้บอกกล่าวเสียก่อน และต้องเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี และความเชื่อเหล่านี้อาจจะเป็นสิ่งท้าทายสำหรับกลุ่มเด็กรุ่นใหม่
เย็นวันหนึ่งมีกลุ่มเด็กนักเรียนทั้งหมด 4 คน เป็นเด็กชายทั้งหมดและไม่ได้เป็นนักดนตรีไทย นึกอยากลองของเกี่ยวกับความเชื่อเหล่านี้ จึงนัดกันไปเล่นดนตรีไทยช่วงที่นักดนตรีไทยเหล่านั้นเลิกเล่นและกลับบ้านไปหมดแล้ว ณ เวลานั้นเป็นเวลา 2 ทุ่มกว่ากลุ่มเด็กชาย 4 คนแอบปีนเข้าห้องดนตรีไทยทางหน้าต่างที่มี 1 ใน 4 คนนี้แอบปลดล๊อคไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว
พอเข้าไปได้แล้วก็หยิบเครื่องดนตรีที่ตนเองอยากเล่นมาคนละอย่าง ส่วนใหญ่หยิบซออู้กัน มี 1 คน หยิบขลุ่ย มีเด็กคนนึงพูดว่า “พวก เรามาเล่นเพลงแดนซ์ new melody กันดีกว่า
พอพูดเสร็จทุกคนก็ตกลงกันเล่นเพลงแดนซ์ new melody ที่ว่า พร้อมกับเต้นแร้งเต้นกา ท่าเต้นแต่ละคนอุบาทมาก พอเล่นไปสักพักก็เริ่มเหนื่อย จึงชวนกันกลับบ้านโดยโยนเครื่องเล่นทิ้งไว้ที่พื้น ไม่ยอมเก็บเข้าที่ พอออกจากห้องไปเด็กคนสุดท้ายที่ปิดหน้าต่างเดินตามเพื่อนไปได้ประมาณ 10 ก้าว ก็ได้ยินเสียงซออู้ดังขึ้น เป็นเสียงเพลงทำนองเศร้าๆเหมือนงานศพ เด็กชายคนนั้นจึงหยุดแล้วหันไปมองที่มาของเสียง
บนหลังคาของห้องดนตรีไทย มีชุดนางรำไทยแขวนอยู่ พร้อมกับสะบัดไปตามแรงลม เด็กชายคนนี้ตกใจตะโกนเรียกเพื่อนพร้อมกับวิ่งตามเพื่อนไป เพื่อนในกลุ่มถาม “เป็นไรๆ” เด็กชายตะโกนบอก “ผี กูเจอผีนางรำโว๊ยยยย”
แล้วก็วิ่งนำหน้าไป เพื่อนที่เหลือพากันตกใจหันไปมองที่ห้องดนตรีไทย เจอนางรำยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมกระทืบเท้าเสียงดัง “ตึงๆ” เด็กทุกคนต่างพากันแหกปากวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง
พอวิ่งไปถึงบ้านเด็กคนนึงวิ่งเข้าหาพ่อแม่ทันที พ่อแม่เด็กก็ตกใจว่าขึ้นอะไรขึ้น เด็กก็เล่าให้ฟัง พ่อกับแม่ฟังเด็กเล่าแล้วถึงกับหน้าถอดสี กังวลใจหนักมาก เลยบอกเด็กว่าพรุ่งนี้ไปวัดทำบุญกันก่อนเลย ตอนนี้ไปกินข้าว อาบน้ำนอนก่อนละกัน พอตกดึกเด็กชายนอนไม่หลับด้วยความกลัวยังไม่หาย จึงไปขอนอนกับพ่อแม่ ช่วงเวลาผ่านไปจนถึง ตี 1 เด็กชายสะดุ้งตื่นเพราะได้ยินเสียงเคาะผนังบ้าน แต่พ่อแม่ยังหลับอยู่เหมือนเดิม เด็กชายเอียงหูฟังว่าใครมาเคาะผนังบ้านตอนดึกๆ
สักพักได้ยินเสียงซออู้ “อออออ อิ อ๊อออออ” เล่นเป็นบทเพลงในงานศพดังขึ้นมา เด็กชายถึงกับขนลุกแล้วมองลอดช่องว่างหน้าต่างไปดู เจอผีนางรำคนเดิม ยืนบิดตัว บิดหัว บิดแข้งขา ไปมาๆ เด็กชายเริ่มร้องไห้ แต่ไม่มีเสียง สักพักไม่รู้สึกตัวเดินออกนอกห้องนอนลงไปข้างบ้าน พ่อแม่ก็ตื่นเพราะได้ยินเสียงคนเปิดประตู มองดูไม่เจอลูกชายนอนอยู่จึงเดินออกไปดู
เจอลูกชายนั่งพนมมือ คุกเข่าร้องไห้อยู่ข้างบ้าน พ่อกับแม่จึงรีบวิ่งเข้าไปเขย่าตัวเด็กชาย สักพักเด็กชายก็ได้สติกลับมา ร้องไห้โผกอดแม่บอก “กลัวแล้ว จะไม่ทำอีกแล้ว ฮือออออออออ” จากนั้นทั้งคืนไม่มีใครได้นอน พากันนั่งคุยกันจนเช้า พ่อกับแม่ก็พาเด็กชายไปทำบุญที่วัด
หลวงพ่อที่วัดบอกกับพ่อแม่ว่า ทำบุญเสร็จให้ลูกชายกับเพื่อนๆไปเก็บเครื่องดนตรีไทยเข้าที่ แล้วทำความสะอาดทั้งห้องให้ด้วย ผีนางรำบอกว่าแค่สั่งสอนเฉยๆ ไม่ได้จะเอาถึงชีวิต แต่ถ้าทำอีกครั้งจะเอาถึงตายแน่ หลวงพ่อพูดผ่านไปแค่ 5 นาที เด็กชายอีก 3 คนพร้อมพ่อแม่ต่างก็มาทำบุญเช่นกันเพราะเมื่อคืนก็โดนเหมือนกันหมดเลย จากนั้นทุกคนก็พากันไปทำความสะอาดห้องดนตรีไทยพร้อมขอขมา.
บางทีความไม่รู้ก็ใช่ว่าจะไม่ผิดเสมอไปนะครับ ต้องดูเหตุและผลของความไม่รู้ที่ว่านั้นด้วย สวัสดีครับ.
ของมีครู
แล้วก็วิ่งนำหน้าไป เพื่อนที่เหลือพากันตกใจหันไปมองที่ห้องดนตรีไทย เจอนางรำยืนอยู่หน้าห้อง พร้อมกระทืบเท้าเสียงดัง “ตึงๆ” เด็กทุกคนต่างพากันแหกปากวิ่งหนีกันไปคนละทิศละทาง