ต้องเกริ่นสั้นๆนิดหน่อยนะครับ ส่วนตัวผมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ และช่างกล้องมืออาชีพอะไรนักนะครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาเดินดินที่ชอบเที่ยว และเวลาเห็นบรรยากาศ หรือภาพสวยๆก็จะพยายามจะถ่ายภาพเหล่านั้นให้ได้เหมือนที่ตาผมเห็นและนำมาถ่ายทอดต่อครับ เพราะฉะนั้นสำนวนการใช้คำ และภาพในรีวิวนี้อาจไม่ได้ขั้นเทพเยี่ยงยอดมนุษย์ใดๆนะครับ
หลายท่านอาจทราบอยู่แล้วครับว่าช่วงต้นเดือนกันยายน 2018 ที่ผ่านมาได้มีพายุใต้ฝุ่นขั้นรุนแรงพัดผ่านญี่ปุ่น ในตอนแรกผมคิดไว้ว่ามารอบนี้บ้านเมืองอาจมีปัญหาเยอะแน่ๆเลย ( พายุเข้าวันที่ 4 ผมไปวันที่ 7 ครับ ) ไม่สวยเหมือนที่เคยมาครั้งก่อนแต่ผมก็ให้ความมั่นใจกับคนญี่ปุ่นนะครับ ว่าเขาจะแก้ไขเก็บกวาดเมืองได้อย่างรวดเร็วเหมือนที่เคยเห็นๆมาก่อนหน้านี้ แต่สิ่งเกิดขึ้นคือ ....
Day 1st Hi!! Nagoya
พอเครื่องบินแตะพื้นญี่ปุ่นระหว่างที่เดินลงจากเครื่องบินก็พยายามมองไปข้างนอกปล่องทางเดิน “ เอ๊ะ!มันก็ปกติดีนี่หว่าไม่เห็นเหมือนในภาพข่าวที่ แชร์ๆกันมาเลย หรือว่าเพราะตรงนาโกยานี่ไม่ใช่ใจกลางพายุก็เป็นได้ ” ก็มีความใจชื้นเล็กๆครับว่าพายุคงไม่ได้ทำความเสียหายอะไรมากนัก จากนั้นก็เข้า ตม. รับกระเป๋าเรียบร้อยก็รีบดิ่งตรงไปที่สถานีรถไฟครับ เพราะรถไฟจะหมดแล้ว!!! ( ใครที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกนะครับ พยายามทำอะไรในสนามบินให้เสร็จโดยเร็วนะครับห้ามโอ้เอ้ เพราะถ้าไม่ทันรถไฟเที่ยวประมาณ 5 ทุ่มเศษๆซึ่งเป็นรอบสุดท้ายล่ะก็ ต้องวุ่นวายหา Bus เข้าเมืองอีกและเรื่อง Taxi เลิกคิดไปได้เลยครับแพงมหาโหดคิดเป็นเงินไทยออกมาก็ประมาณ 5,000 บาทอ่ะครับคือราคาจากสนามบินเข้าเมือง และเป็นแบบนี้ทุกสนามบินครับ )
ผมเลือกใช้รถไฟสาย Meitetsu-Kuko Line (สังเกตสายสีแดง) สถานีปลายทาง Nagoya Station ราคาคนละ 870 เยน นั่งประมาณ 40 นาทีก็ถึงใจกลางเมืองนาโกยา
จากนั้นก็ต่อแท็กซี่ จุดขึ้นแท็กซี่จะอยู่ตรงทางออกสถานีเลย พอเดินขึ้นมาจะเจอโรงแรม Marriott Nagoya แสดงว่าถูกต้องครับ ครั้งนี้ผมจำเป็นต้องพักในนาโกยา 1 คืนผมเลือกพักโรงแรม Smile Hotel Nagoya Sakae ตกคืนละ 2,219 บาทจองผ่าน Agoda ครับราคานี้รวมทุกอย่างแล้วนะครับ ห้องดี สะอาด อยู่ในทำเลที่โอเคครับ แต่ห้องจะแอบเล็กไปสักนิดครับ
เมื่อเก็บของสัมภาระเสร็จก็เหนื่อยล้าจากการเดินทางมากพอสมควรครับ จะอะไรได้ล่ะครับ ออกไปเที่ยวโลด!!!!! เราจะไม่ยอมพักให้เสียเวลาเด็ดขาด ทุกวินาทีของเราที่นี่ต้องคุ้มค่า ฮ่าๆๆๆ อย่างที่บอกไปแล้วว่าทริปนี้ของเราคือทริปกินครับ เรามาเริ่มร้านแรกเลยครับ เป็นร้านกินดื่มสไตล์คลาสสิคของคนญี่ปุ่นครับชื่อร้านว่า おおひら โอฮิระ หน้าร้านคลาสสิคสุดๆไปเลยครับ
พิกัดร้าน : 35.167861, 136.911757
อาหารอร่อยดีครับเป็นอาหารเมนูง่ายๆไว้ทานกับเบียร์ครับ ในร้านนี้เข้าไปไม่มีนักท่องเที่ยวสักคนครับ เจอแต่คนญี่ปุ่นนั่งก๊งกันอยู่แบบนี้ล่ะได้ฟิลล์ดี สั่งอาหารไป 4 อย่างครับเบียร์อีก 2 แก้วใหญ่ๆ ราคาอาหารและเครื่องดื่มที่นี่ผมว่าก็กลางๆนะครับ 4040 เยน ไม่ถูกไม่แพงเมื่อเทียบกับรสชาติและคุณภาพวัตถุดิบที่สดมากๆ อย่างปลานี่จับกันจากตู้เลี้ยงปลาในร้านมาทำให้กินเลยจะไม่สดได้อย่างไร
จากนั้นก็เดินเล่นถ่ายรูปกันต่ออีกนิดๆหน่อยๆก็กลับโรงแรมครับ เพราะว่าต้องตื่นแต่เช้า ..... ราตรีสวัสดิ์คืนแรก .....
[CR] ทริปพุงแตกญี่ปุ่น นาโกย่า เกียวโต นารา โอซาก้า โกเบ อิงะ สายแ_กห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง (มือใหม่หัดรีวิว)
ต้องเกริ่นสั้นๆนิดหน่อยนะครับ ส่วนตัวผมไม่ใช่นักเขียนมืออาชีพ และช่างกล้องมืออาชีพอะไรนักนะครับ ผมเป็นแค่คนธรรมดาเดินดินที่ชอบเที่ยว และเวลาเห็นบรรยากาศ หรือภาพสวยๆก็จะพยายามจะถ่ายภาพเหล่านั้นให้ได้เหมือนที่ตาผมเห็นและนำมาถ่ายทอดต่อครับ เพราะฉะนั้นสำนวนการใช้คำ และภาพในรีวิวนี้อาจไม่ได้ขั้นเทพเยี่ยงยอดมนุษย์ใดๆนะครับ
หลายท่านอาจทราบอยู่แล้วครับว่าช่วงต้นเดือนกันยายน 2018 ที่ผ่านมาได้มีพายุใต้ฝุ่นขั้นรุนแรงพัดผ่านญี่ปุ่น ในตอนแรกผมคิดไว้ว่ามารอบนี้บ้านเมืองอาจมีปัญหาเยอะแน่ๆเลย ( พายุเข้าวันที่ 4 ผมไปวันที่ 7 ครับ ) ไม่สวยเหมือนที่เคยมาครั้งก่อนแต่ผมก็ให้ความมั่นใจกับคนญี่ปุ่นนะครับ ว่าเขาจะแก้ไขเก็บกวาดเมืองได้อย่างรวดเร็วเหมือนที่เคยเห็นๆมาก่อนหน้านี้ แต่สิ่งเกิดขึ้นคือ ....
Day 1st Hi!! Nagoya
พอเครื่องบินแตะพื้นญี่ปุ่นระหว่างที่เดินลงจากเครื่องบินก็พยายามมองไปข้างนอกปล่องทางเดิน “ เอ๊ะ!มันก็ปกติดีนี่หว่าไม่เห็นเหมือนในภาพข่าวที่ แชร์ๆกันมาเลย หรือว่าเพราะตรงนาโกยานี่ไม่ใช่ใจกลางพายุก็เป็นได้ ” ก็มีความใจชื้นเล็กๆครับว่าพายุคงไม่ได้ทำความเสียหายอะไรมากนัก จากนั้นก็เข้า ตม. รับกระเป๋าเรียบร้อยก็รีบดิ่งตรงไปที่สถานีรถไฟครับ เพราะรถไฟจะหมดแล้ว!!! ( ใครที่มาญี่ปุ่นครั้งแรกนะครับ พยายามทำอะไรในสนามบินให้เสร็จโดยเร็วนะครับห้ามโอ้เอ้ เพราะถ้าไม่ทันรถไฟเที่ยวประมาณ 5 ทุ่มเศษๆซึ่งเป็นรอบสุดท้ายล่ะก็ ต้องวุ่นวายหา Bus เข้าเมืองอีกและเรื่อง Taxi เลิกคิดไปได้เลยครับแพงมหาโหดคิดเป็นเงินไทยออกมาก็ประมาณ 5,000 บาทอ่ะครับคือราคาจากสนามบินเข้าเมือง และเป็นแบบนี้ทุกสนามบินครับ )
ผมเลือกใช้รถไฟสาย Meitetsu-Kuko Line (สังเกตสายสีแดง) สถานีปลายทาง Nagoya Station ราคาคนละ 870 เยน นั่งประมาณ 40 นาทีก็ถึงใจกลางเมืองนาโกยา
จากนั้นก็ต่อแท็กซี่ จุดขึ้นแท็กซี่จะอยู่ตรงทางออกสถานีเลย พอเดินขึ้นมาจะเจอโรงแรม Marriott Nagoya แสดงว่าถูกต้องครับ ครั้งนี้ผมจำเป็นต้องพักในนาโกยา 1 คืนผมเลือกพักโรงแรม Smile Hotel Nagoya Sakae ตกคืนละ 2,219 บาทจองผ่าน Agoda ครับราคานี้รวมทุกอย่างแล้วนะครับ ห้องดี สะอาด อยู่ในทำเลที่โอเคครับ แต่ห้องจะแอบเล็กไปสักนิดครับ
เมื่อเก็บของสัมภาระเสร็จก็เหนื่อยล้าจากการเดินทางมากพอสมควรครับ จะอะไรได้ล่ะครับ ออกไปเที่ยวโลด!!!!! เราจะไม่ยอมพักให้เสียเวลาเด็ดขาด ทุกวินาทีของเราที่นี่ต้องคุ้มค่า ฮ่าๆๆๆ อย่างที่บอกไปแล้วว่าทริปนี้ของเราคือทริปกินครับ เรามาเริ่มร้านแรกเลยครับ เป็นร้านกินดื่มสไตล์คลาสสิคของคนญี่ปุ่นครับชื่อร้านว่า おおひら โอฮิระ หน้าร้านคลาสสิคสุดๆไปเลยครับ
พิกัดร้าน : 35.167861, 136.911757
อาหารอร่อยดีครับเป็นอาหารเมนูง่ายๆไว้ทานกับเบียร์ครับ ในร้านนี้เข้าไปไม่มีนักท่องเที่ยวสักคนครับ เจอแต่คนญี่ปุ่นนั่งก๊งกันอยู่แบบนี้ล่ะได้ฟิลล์ดี สั่งอาหารไป 4 อย่างครับเบียร์อีก 2 แก้วใหญ่ๆ ราคาอาหารและเครื่องดื่มที่นี่ผมว่าก็กลางๆนะครับ 4040 เยน ไม่ถูกไม่แพงเมื่อเทียบกับรสชาติและคุณภาพวัตถุดิบที่สดมากๆ อย่างปลานี่จับกันจากตู้เลี้ยงปลาในร้านมาทำให้กินเลยจะไม่สดได้อย่างไร
จากนั้นก็เดินเล่นถ่ายรูปกันต่ออีกนิดๆหน่อยๆก็กลับโรงแรมครับ เพราะว่าต้องตื่นแต่เช้า ..... ราตรีสวัสดิ์คืนแรก .....
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้