[สปอย] Overlord ขยายความ ss3 ตอนที่ 13 (จบ)





ตอนสุดท้าย ไม่มีอะไรจะเขียนแล้วครับ....

เอาเป็นว่าเรามาพูดคุยถึงภาพรวมของซีซั่นนี้ รวมไปถึงเนื้อเรื่องกันดีกว่า

ส่วนตัวมองว่างานภาพของซีซั่นนี้ไม่โอเคอย่างแรง

เข้าใจนะว่างบมีจำกัด...แต่ระดับแมดเฮ้า...แมดเฮ้าเชียวนะเฮ้ย ถึงงบจะมีจำกัดแต่ผมว่าถ้าจะทำจริง ๆ มันทำได้ดีกว่านี้ โดยเฉพาะตอนที่ 12 เอางบมาทุ่มตอนนี้เลยก็ได้

ฉากทหารเยอะ ๆ น่าจะใส่เงาดำให้มันรู้สึกว่ามีคนเยอะจริง ๆ นะ...แบบอนิเมะสมัยก่อนยังดีเสียกว่า

ฉากเปิดตัวดาร์กยังก็ไม่ต้องโชว์หรูอะไรมากก็ได้เอาเรียบ ๆ แต่ดำ ๆ ดาร์ก ๆ เห็นแค่ฟันกับหนวดนิดหน่อยก็พอ

ส่วนฉากไล่เหยียบขอหน้าชัด ๆ คนเดียวพอ แต่เอาแบบโหยหวนเลือดกระจายเน้น ๆ ขอแค่คนเดียวจริง ๆ นะ ส่วนที่เหลือเอาสีแดงดำละเลงให้ทั่ว ๆ หรือให้ดีของฉากกินด้วยสักสองวินาทีจะดีมาก




มันยังดีกว่าการเอาหุ่น 3d มาก๊อปปี้วางแบบนี้ มันเลยดู"มักง่าย"เกินไปหน่อย

หลายคนบอกว่าซีซั่น 1 ทำออกมาดี แต่ส่วนตัวมองว่าทั้งสามซีซั่นคุณภาพพอ ๆ กัน ด้วยข้อจำกัดเรื่องการแปลงจากนิยาย>อนิเมะ(นิยายนะ ไม่ใช่ LN) เรื่องงบประมาณ อีกทั้งภาพต้นฉบับของอาจารย์ so-bin ที่ทำออกมาเข้าท่ากว่าเวอร์ชั่นอนิเมะ(ภาพใน ed)

หักลบกลบหนี้แล้ว ในส่วนของงานภาพผมมองว่าเรื่องนี้ทำออกมาได้ค่อนข้าง"ดี" แต่ยังรู้สึกว่าทีมงานยังโชว์ของได้มากกว่านี้นะ



ส่วนในด้านเนื้อเรื่อง ถูกใจมากที่ลำดับนิยายใหม่ เอาเล่ม 8 มาทำก่อน ทำให้เล่ม 7&9 เชื่อมต่อกันได้อย่างลื่นไหล

สิ่งที่ผมชอบใน Overlord คือ การที่โลกหมุนรอบตัวมันเอง ไม่มีใครเป็นศูนย์กลางจักรวาลแต่ละตัวครจะดำเนินคาแรคเตอร์ของตนเองไปเรื่อย ๆ แล้วมาบรรจบกันกลายเป็น event  

มังงะหรือนิยายใด ๆ ก็ตามที่ตัวเอกเก่ง op ตั้งแต่ต้นเรื่องจะไม่สามารถแสดงความสนุกในการเติบโตของตัวเอกได้เหมือนกับพวกสายโชเน็น ดังนั้นผู้แต่งจึงต้องดึงความสนุกในด้านอื่นออกมาให้ได้ เช่นเดียวกับวันพั้นแมนที่ขายฮา+เสียดสีสังคม เดอะนิวเกทที่เน้นการผจญภัยของตัวเอก"จริง ๆ" หรือแม้แต่เกท jsdf ที่ทำให้เราสนุกกับการทำงานเชิงลึกของกองกำลังป้องกันตนเองและประเด็น culture shock ต่าง ๆ (ส่วนเรื่องที่กำหนดให้ตัวเอก op แล้วไม่สามารถดึงความสนุกด้านอื่นออกมาได้ หลัง ๆ ก็จะเริ่มออกทะเล ไม่ป้อหญิงก็ทำโพชั่น ไม่ก็หาทางทำอาหารญี่ปุ่น หนักหน่อยไม่รู้จะทำยังไงก็เลื่อนชั้นตัวเอกเป็นคอสมิกบิอิ้งแล้ว...จบ จาก กัน จนชวนให้สงสัยว่า --- พวกเอ็งมาต่างโลก เพื่อมาเป็น bug ในโลกเขา แค่นี้เนี้ยนะ????)

ส่วนเรื่อง Overlord ความสนุกมันอยู่ที่รายละเอียดยิบย่อยภายในเรื่องที่เยอะมากกกกกกกกกกกกกกกก

สำหรับผมมันชวนให้รู้สึกน่าติดตาม ทั้งเรื่องรูเบโด้ โอเมก้า ทรูดราก้อน ทเวนตี้ เพลเยอร์คนอื่น เรื่องส่วนตัวของสมาชิกกิลด์ เหตุการณ์ในอนาคต ฯลฯ

และที่สำคัญเลยก็คือ "ผู้แต่งไม่แต่งเอาใจคนอ่าน" นี้แหละจุดสำคัญที่ทำให้นิยายเรื่องนี้ไม่กลายเป็นนิยายตลาด การยึดมั่นในเส้นเรื่องเอาไว้ดีกว่าตามใจแฟน ๆ ผมประทับใจในจุดนี้มาก

ที่ผมกล่าวมาด้านบนก็คือเหตุการณ์ในเล่ม 7 ซึ่งหากลองถอยออกมาสักก้าว แล้วมองย้อนกลับไปดูดี ๆ จะเห็นว่าเนื้อหาช่วงนี้...."มันไม่มีอะไรเลย"

มันไม่มีถูก ไม่มีผิดอะไรทั้งนั้นแต่มันเป็นสีเทา ๆ ซึ่งเกิดจากมุมมองที่ต่างกันเท่านั้นเอง

ไอน์ตัดสินใจกระทำการต่าง ๆ ด้วยมุมมองของตนเองโดยใช้ความคิดของตนเป็นสำคัญ(วัตถุดิบคือเป้าหมาย พวกพ้อง ลูกน้องและอนาคต)

เวิร์คเกอร์ตัดสินใจกระทำการต่าง ๆ ด้วยมุมมองของตนเองโดยใช้ความคิดของตนเป็นสำคัญ(วัตถุดิบคือเงิน ความสุขสบาย พวกพ้อง ครอบครัว)

และบุคคลที่สำคัญที่สุดก็คือ "ผู้อ่าน" ที่ตัดสินตัวละครและการกระทำของพวกเขาโดยใช้ความคิดของตนเป็นสำคัญ(วัตถุดิบคือไอน์และเวิร์คเกอร์)

โดยอาจจะลืมไปว่ามันก็แค่เรื่องของปลาใหญ่กินปลาเล็ก คนโง่ย่อมตกเป็นเหยื่อของคนฉลาด...แค่นั้นเอง มันไม่ได้มีอะไรเลย...จริง ๆ นะ

มันเป็นนิยายที่ตัวละครมีเหตุมีผลในการกระทำแต่ละอย่างด้วยตัวของมันเอง เนื้อเรื่องจะดำเนินไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง ดังนั้นเราจึงไม่จำเป็นต้องไปคิดมากเรื่องอะไรถูก อะไรผิด ขอแค่เปิดสมองให้โล่งแล้วเสพเรื่องราวของนิยายเรื่องนี้ในฐานะ the watcher ไปเรื่อย ๆ ก็พอ

เอาล่ะสุดท้าย...ใครที่ชอบก็จะติดเป็นแฟนบอยส่วนคนที่ไม่ชอบก็ไม่ชอบเลย ไม่เป็นไรไม่ว่ากัน ใจเขาใจเรา ไอน์กับเวิร์คเกอร์มีเหตุผลเป็นของตนเองฉันใด คนอ่านเองก็มีเหตุผลเป็นของตนเองฉันนั้น

ไม่รู้จะมี ss4 ไหม มีก็ดี ไม่มีก็ไม่ดีนะ....

ป.ล.เนื้อหาขยายความตั้งแต่กระทู้แรกจนถึงกระทู้นี้ เป็นการขยายความเบื้องต้นเฉพาะในอนิเมะเท่านั้น ส่วนข้อมูลเชิงลึกในนิยายเล่ากันสามวันสามคืนก็ไม่จบ

ป.ล.2 ใครมีข้อสงสัยอะไร ถามได้ด้านล่างเลยจ้า

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่