ขอบอกไว้ก่อนว่า ปกติผมไม่ค่อยติดตามดูละครทีวีนานแล้วเพราะงานเยอะมาก แต่ทีวีซีนเป็นค่ายแรกๆที่ทำให้ผมต้องกลับมาดูย้อนหลังเสมอ เพราะมีแง่คิดแง่มุมมีอารมณ์แบบหนังละครถูกจริตตัวเอง เวลาทำเป็นละครพีเรียดก็มักจะมีเกร็ดประวัติศาสตร์ มีแง่มุมที่น่าสนใจน่าคิดหลายๆอย่าง เวลาทำเป็นละครโมเดิร์นก็มักจะมีแง่คิด มีการบอกกล่าวถึงเรื่องราวในสังคมยุคปัจจุบันอยู่เสมอ
จริงๆ ดั่งพรหมลิขิตรัก ปิดกล้องมานานแล้วเกือบ 2 ปี ก่อนออนแอร์ แต่เพราะเหตุผลหลายๆอย่าง เลยทำให้ละครเรื่องนี้ถูกปรับจากละครหลังข่าวเป็นละครก่อนข่าวไป แต่ก็ยอมรับว่า ทีวีซีนยังทำได้ดีอยู่เช่นเคย (แม้ตอนท้ายๆจะมีฉากหลุดๆนิดๆบ้างก็ตาม)
ตอนที่ละครอาคมจบ ผมได้ยินมาว่า จะเอาละครของ คุณบอม ธนิน มาลง ซึ่งไปดูในวิกิพีเดียก็คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ ตอนนั้นด้วยความที่มีได้ยินชื่อเสียงของบอม ธนิน ในแง่ฝีมือการแสดงไม่ค่อยดี เลยเผลอแซวไปจนแฟนคลับติงมาว่า บอม ธนิน พัฒนาการแสดงแล้ว และอย่าอคติกับความตั้งใจเลย โชคดีที่ผมได้ดูชั่วโมงต้องมนต์ของบอม มองเห็นถึงความก้าวหน้าของละคร และเมื่อย้อนไปดูผ่านๆหลายๆเรื่อง เลยอดสงสัยไม่ได้ว่า ข่าวแง่ลบต่างๆที่ผ่านมา คงน่าจะเป็นความผิดพลาดของโปรดักชั่นละครเรื่องนั้นมากกว่าจะเป็นฝีมือการแสดงของบอมเองหรือเปล่า
น่าเสียดายว่า ตลอดเวลาที่ ดั่งพรหมลิขิตรัก ออนแอร์นั้น มีเหตุฉุกเฉินและสถานการณ์เร่งด่วนเข้ามาในชีวิตอยู่ จึงทำให้ต้องดูละครนี้ไปเพื่อรู้สึกแก้เครียดไปมากกว่าดูด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ไม่ค่อยได้สนุกตามละครอย่างเต็มที่เท่าไร แต่ก็ยอมรับว่า เป็นละครที่สนุกมากๆ แม้อาจจะไม่ได้มีแบบพีคๆอย่างบุพเพสันนิวาส ไม่ได้อลังการเหมือนหนึ่งด้าวฟ้าเดียว แต่ละครก็ยังสนุก มีการแก้เกม มีการสอนเรื่องความรัก และแน่นอนว่าตัวร้ายก็ตั้งใจจัดเต็มกันมามากๆ มีเยอะแยะ แต่คนที่จบไม่ดีก็คงมีแค่สุธีคนเดียว นอกนั้นแค่คิดได้
อย่างไรก็ตาม เหมือนละครอื่นๆ ทีวีซีนยังมีปมปริศนาที่เปิดให้คนดูคิดอยู่ เช่น ทำไมเจ้าคุณพ่อของหญิงแต้วต้องถูกทำร้ายแม้ไถ่หนี้สินให้เจ้าสัวบุญส่งหมดแล้ว หน้าตาของแม่ของการะเกดเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่งว่า ลุงคนนั้น (ญาณี ตราโมท) แท้จริงเขาเป็นใคร และมีความเกี่ยวข้องอะไรกับหนังสือหรือคนในเรื่อง แต่ในเมื่อตอนจบดีขนาดนี้ จะถามอะไรมากมายอีกล่ะ
สิ่งดีๆที่ผมได้รับจากทีวีซีนก็คือ แง่คิด ประสบการณ์การใช้ชีวิตผ่านตัวละคร และความรู้ต่างๆ ทีวีซีนเป็นละครที่มักจะมีทางฉีกแนวละครเรื่องอื่นๆอยู่เสมอ แต่ที่อาจจะทำให้อึดอัดใจหน่อยก็คือ ถึงจะไม่ค่อยมีตบกัน แต่ก็รู้สึกอีดอัดนิดหน่อยกับฉากดราม่าที่ต้องปะทะคารมจิกหน้าจิกตากันอยู่เป็นเนื่องๆในแต่ละตอน ยิ่งถ้าเป็นละครของมิวหรือแต้วแล้ว จะต้องเห็น 2 คนนี้ร้องไห้อยู่ตลอด แต่อย่างไรก็ยอมรับว่า นี้เป็นเสน่ห์ของทีวีซีน ที่ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอดู "ชาติเสือพันธุ์มังกร" ซึ่งอาจจะออนแอร์ในไม่ช้านี้แล้ว
ดั่งพรหมลิขิตรัก กับความรู้สึกที่ผ่านๆมาจากทีวีซีน
ขอบอกไว้ก่อนว่า ปกติผมไม่ค่อยติดตามดูละครทีวีนานแล้วเพราะงานเยอะมาก แต่ทีวีซีนเป็นค่ายแรกๆที่ทำให้ผมต้องกลับมาดูย้อนหลังเสมอ เพราะมีแง่คิดแง่มุมมีอารมณ์แบบหนังละครถูกจริตตัวเอง เวลาทำเป็นละครพีเรียดก็มักจะมีเกร็ดประวัติศาสตร์ มีแง่มุมที่น่าสนใจน่าคิดหลายๆอย่าง เวลาทำเป็นละครโมเดิร์นก็มักจะมีแง่คิด มีการบอกกล่าวถึงเรื่องราวในสังคมยุคปัจจุบันอยู่เสมอ
จริงๆ ดั่งพรหมลิขิตรัก ปิดกล้องมานานแล้วเกือบ 2 ปี ก่อนออนแอร์ แต่เพราะเหตุผลหลายๆอย่าง เลยทำให้ละครเรื่องนี้ถูกปรับจากละครหลังข่าวเป็นละครก่อนข่าวไป แต่ก็ยอมรับว่า ทีวีซีนยังทำได้ดีอยู่เช่นเคย (แม้ตอนท้ายๆจะมีฉากหลุดๆนิดๆบ้างก็ตาม)
ตอนที่ละครอาคมจบ ผมได้ยินมาว่า จะเอาละครของ คุณบอม ธนิน มาลง ซึ่งไปดูในวิกิพีเดียก็คิดว่าจะเป็นเรื่องนี้ ตอนนั้นด้วยความที่มีได้ยินชื่อเสียงของบอม ธนิน ในแง่ฝีมือการแสดงไม่ค่อยดี เลยเผลอแซวไปจนแฟนคลับติงมาว่า บอม ธนิน พัฒนาการแสดงแล้ว และอย่าอคติกับความตั้งใจเลย โชคดีที่ผมได้ดูชั่วโมงต้องมนต์ของบอม มองเห็นถึงความก้าวหน้าของละคร และเมื่อย้อนไปดูผ่านๆหลายๆเรื่อง เลยอดสงสัยไม่ได้ว่า ข่าวแง่ลบต่างๆที่ผ่านมา คงน่าจะเป็นความผิดพลาดของโปรดักชั่นละครเรื่องนั้นมากกว่าจะเป็นฝีมือการแสดงของบอมเองหรือเปล่า
น่าเสียดายว่า ตลอดเวลาที่ ดั่งพรหมลิขิตรัก ออนแอร์นั้น มีเหตุฉุกเฉินและสถานการณ์เร่งด่วนเข้ามาในชีวิตอยู่ จึงทำให้ต้องดูละครนี้ไปเพื่อรู้สึกแก้เครียดไปมากกว่าดูด้วยความเพลิดเพลิน ทำให้ไม่ค่อยได้สนุกตามละครอย่างเต็มที่เท่าไร แต่ก็ยอมรับว่า เป็นละครที่สนุกมากๆ แม้อาจจะไม่ได้มีแบบพีคๆอย่างบุพเพสันนิวาส ไม่ได้อลังการเหมือนหนึ่งด้าวฟ้าเดียว แต่ละครก็ยังสนุก มีการแก้เกม มีการสอนเรื่องความรัก และแน่นอนว่าตัวร้ายก็ตั้งใจจัดเต็มกันมามากๆ มีเยอะแยะ แต่คนที่จบไม่ดีก็คงมีแค่สุธีคนเดียว นอกนั้นแค่คิดได้
อย่างไรก็ตาม เหมือนละครอื่นๆ ทีวีซีนยังมีปมปริศนาที่เปิดให้คนดูคิดอยู่ เช่น ทำไมเจ้าคุณพ่อของหญิงแต้วต้องถูกทำร้ายแม้ไถ่หนี้สินให้เจ้าสัวบุญส่งหมดแล้ว หน้าตาของแม่ของการะเกดเป็นอย่างไร หรือแม้กระทั่งว่า ลุงคนนั้น (ญาณี ตราโมท) แท้จริงเขาเป็นใคร และมีความเกี่ยวข้องอะไรกับหนังสือหรือคนในเรื่อง แต่ในเมื่อตอนจบดีขนาดนี้ จะถามอะไรมากมายอีกล่ะ
สิ่งดีๆที่ผมได้รับจากทีวีซีนก็คือ แง่คิด ประสบการณ์การใช้ชีวิตผ่านตัวละคร และความรู้ต่างๆ ทีวีซีนเป็นละครที่มักจะมีทางฉีกแนวละครเรื่องอื่นๆอยู่เสมอ แต่ที่อาจจะทำให้อึดอัดใจหน่อยก็คือ ถึงจะไม่ค่อยมีตบกัน แต่ก็รู้สึกอีดอัดนิดหน่อยกับฉากดราม่าที่ต้องปะทะคารมจิกหน้าจิกตากันอยู่เป็นเนื่องๆในแต่ละตอน ยิ่งถ้าเป็นละครของมิวหรือแต้วแล้ว จะต้องเห็น 2 คนนี้ร้องไห้อยู่ตลอด แต่อย่างไรก็ยอมรับว่า นี้เป็นเสน่ห์ของทีวีซีน ที่ผมจะตั้งหน้าตั้งตารอดู "ชาติเสือพันธุ์มังกร" ซึ่งอาจจะออนแอร์ในไม่ช้านี้แล้ว