สวัสดีค่ะ มีเรื่องราวที่เพื่อนเจอมาจะเล่าให้ฟัง
เพื่อนเป็นคนนี้เขาไปทำงานในเกาหลีกับคนที่เขารู้จักและคิดว่าไว้ใจได้ เนื่องด้วยเป็นเด็กในต่างจังหวัดญาติเขาชวนไปทำงานในประเทศเกาหลี
เขาไม่รู้จะไปทำงานอะไร ญาติคนนั้นเลยชวนไปทำงานนวด เขาบอกว่ามีนวดอย่างเดียวกับนวดแฝง และญาติคนนั้นบอกว่าเอาหัวเป็นประกันว่างานนี้ปลอดภัยแน่นอน เขาก็เลยชวนลูกพี่ลูกน้องไปด้วยอีก 2 คน พอไปถึงญาติที่ชวนไปไม่ผ่านตม. แต่ลูกพี่ลูกน้องผ่านมาด้วยกัน 3 คน ผ่านมาได้ก็มีคนมารับที่สนามบินอินชอนและขอยึดพาสปอตทั้ง 3 คน เขาเป็นแฟนของเอเจนซี่ที่พาคนไปทำงานเกาหลี 3 วันกับการเรียนนวดแล้วก็มีชายเกาหลีที่เขาเรียกว่าบอส มาเทสมือ แต่เนื่องด้วยเขาบอกว่าไม่สามารถไปลงทำงานในร้านนวดอย่างเดียวได้ ต้องไปลงที่ร้านนวดแอบแฝงแต่เราสามารถปฏิเสธลูกค้าได้นะว่าเราไม่ทำเพราะร้านแบบนั้นไม่จำเป็นต้องนวดเก่งก็ได้ และบอสที่เป็นแฟนของเอเจนซี่พาลูกพี่ลูกน้องของเพื่อน 2 คน ไปร้านแห่งๆหนึ่ง เป็นตึกสูงประมาณ 36 ชั้น
เขาเล่าว่าทุกๆชั้นจะมีคนไทยอยู่ทุกชั้น พอไปถึงไปเจอคนไทยที่อยู่ที่นั่น เขายอมพูดความจริงว่าเราไม่สามารถปฏิเสธลูกค้าได้นะ เขาให้ทำอะไรเราก็ต้องทำ นาบก็ต้องนาบ ถอดก็ต้องถอด เขาเลยปฏิเสธที่จะลงทำงานร้านแบบนั้น บอสแฟนของเอเจนซี่จึงพากลับมาหาเพื่อนเราที่ยังอยู่ที่เดิม แล้วเรียกทุกคนมาคุยว่าทำไมถึงทำแบบนี้ไหนตกลงกันว่าจะลงงานร้านนี้ไง แล้วบอสแฟนของเอเจนซี่ทำท่าทีเกรี้ยวกราดมากๆ ลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนเราก็กลัว เขาบังคับให้ตอบตกลงว่าต้องการทำงานที่ร้านนวดแอบแฝง ต้องการตำแตง(จับของผู้ชาย) ถ้าไม่พูดจะเอารองเท้าตบหน้า ตอนนั้นเพื่อนเราและลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนเรากลัวมากๆ เพราะตอน 2 โมงเช้าของที่นั่นจะมารับเพื่อนเราไปทำงานเพื่อจับแยกกับลูกพี่ลูกน้อง เพื่อนเรามีพี่ชายที่รู้จักกับคนในสถานฑูตไทยที่เกาหลี เขาเลยประสานงานกับกงสุลเพื่อปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ไปไหนก็ไม่ได้เพราะไม่มีพาสปอต ทางกงศุลกากรจึงให้หนีออกมา เพื่อนเราก็เลยใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้นเพื่อเอาเสื้อผ้าไปบางส่วน วันนั้นเพื่อนเราเอาชุดชั้นในของใช้จำเป็นและกระเป๋าเงินใส่ถุงขยะโยนออกมาข้างนอกและออกมาตอนตี 5 กว่าๆของที่นั่นกับลูกพี่ลูกน้องทั้งหมด 3 คน และวิ่งไปขึ้นแท็กซี่ให้ไปส่งที่คิวรถไปโซล พอมาถึงโซลวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ขึ้นรถแท็กซี่ไปที่สถานฑูตไทยในโซล มาถึงทางกงสุลก็เปิดประตูให้ ข้างหน้าสถานฑูตจะมีตำรวจเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อนเรานอนค้างที่นั่น 1 คืน และตอนเช้าทางกงสุลให้ไปแจ้งความเรื่องพาสปอต และทำพาสปอตขาว จองตั๋วเครื่องบินให้กลับประเทศไทย ฝากไว้เป็นอุทาหรสำหรับทุกๆคนที่อยากไปทำงานที่ประเทศเกาหลีนะคะ
ปล. ขอฝากว่าอยู่บ้านเราดีที่สุด...ไม่อยากให้ใครไปตกนรกกันที่นั่นค่ะ
เมื่อผีน้อยหนีแท็กควรทำอย่างไร ไปที่ไหน
เพื่อนเป็นคนนี้เขาไปทำงานในเกาหลีกับคนที่เขารู้จักและคิดว่าไว้ใจได้ เนื่องด้วยเป็นเด็กในต่างจังหวัดญาติเขาชวนไปทำงานในประเทศเกาหลี
เขาไม่รู้จะไปทำงานอะไร ญาติคนนั้นเลยชวนไปทำงานนวด เขาบอกว่ามีนวดอย่างเดียวกับนวดแฝง และญาติคนนั้นบอกว่าเอาหัวเป็นประกันว่างานนี้ปลอดภัยแน่นอน เขาก็เลยชวนลูกพี่ลูกน้องไปด้วยอีก 2 คน พอไปถึงญาติที่ชวนไปไม่ผ่านตม. แต่ลูกพี่ลูกน้องผ่านมาด้วยกัน 3 คน ผ่านมาได้ก็มีคนมารับที่สนามบินอินชอนและขอยึดพาสปอตทั้ง 3 คน เขาเป็นแฟนของเอเจนซี่ที่พาคนไปทำงานเกาหลี 3 วันกับการเรียนนวดแล้วก็มีชายเกาหลีที่เขาเรียกว่าบอส มาเทสมือ แต่เนื่องด้วยเขาบอกว่าไม่สามารถไปลงทำงานในร้านนวดอย่างเดียวได้ ต้องไปลงที่ร้านนวดแอบแฝงแต่เราสามารถปฏิเสธลูกค้าได้นะว่าเราไม่ทำเพราะร้านแบบนั้นไม่จำเป็นต้องนวดเก่งก็ได้ และบอสที่เป็นแฟนของเอเจนซี่พาลูกพี่ลูกน้องของเพื่อน 2 คน ไปร้านแห่งๆหนึ่ง เป็นตึกสูงประมาณ 36 ชั้น
เขาเล่าว่าทุกๆชั้นจะมีคนไทยอยู่ทุกชั้น พอไปถึงไปเจอคนไทยที่อยู่ที่นั่น เขายอมพูดความจริงว่าเราไม่สามารถปฏิเสธลูกค้าได้นะ เขาให้ทำอะไรเราก็ต้องทำ นาบก็ต้องนาบ ถอดก็ต้องถอด เขาเลยปฏิเสธที่จะลงทำงานร้านแบบนั้น บอสแฟนของเอเจนซี่จึงพากลับมาหาเพื่อนเราที่ยังอยู่ที่เดิม แล้วเรียกทุกคนมาคุยว่าทำไมถึงทำแบบนี้ไหนตกลงกันว่าจะลงงานร้านนี้ไง แล้วบอสแฟนของเอเจนซี่ทำท่าทีเกรี้ยวกราดมากๆ ลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนเราก็กลัว เขาบังคับให้ตอบตกลงว่าต้องการทำงานที่ร้านนวดแอบแฝง ต้องการตำแตง(จับของผู้ชาย) ถ้าไม่พูดจะเอารองเท้าตบหน้า ตอนนั้นเพื่อนเราและลูกพี่ลูกน้องของเพื่อนเรากลัวมากๆ เพราะตอน 2 โมงเช้าของที่นั่นจะมารับเพื่อนเราไปทำงานเพื่อจับแยกกับลูกพี่ลูกน้อง เพื่อนเรามีพี่ชายที่รู้จักกับคนในสถานฑูตไทยที่เกาหลี เขาเลยประสานงานกับกงสุลเพื่อปรึกษาว่าจะทำอย่างไรดี ไปไหนก็ไม่ได้เพราะไม่มีพาสปอต ทางกงศุลกากรจึงให้หนีออกมา เพื่อนเราก็เลยใส่เสื้อผ้าหลายๆชั้นเพื่อเอาเสื้อผ้าไปบางส่วน วันนั้นเพื่อนเราเอาชุดชั้นในของใช้จำเป็นและกระเป๋าเงินใส่ถุงขยะโยนออกมาข้างนอกและออกมาตอนตี 5 กว่าๆของที่นั่นกับลูกพี่ลูกน้องทั้งหมด 3 คน และวิ่งไปขึ้นแท็กซี่ให้ไปส่งที่คิวรถไปโซล พอมาถึงโซลวันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ขึ้นรถแท็กซี่ไปที่สถานฑูตไทยในโซล มาถึงทางกงสุลก็เปิดประตูให้ ข้างหน้าสถานฑูตจะมีตำรวจเฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อนเรานอนค้างที่นั่น 1 คืน และตอนเช้าทางกงสุลให้ไปแจ้งความเรื่องพาสปอต และทำพาสปอตขาว จองตั๋วเครื่องบินให้กลับประเทศไทย ฝากไว้เป็นอุทาหรสำหรับทุกๆคนที่อยากไปทำงานที่ประเทศเกาหลีนะคะ
ปล. ขอฝากว่าอยู่บ้านเราดีที่สุด...ไม่อยากให้ใครไปตกนรกกันที่นั่นค่ะ