สวัสดีค่ะ วันนี้เราอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ในการเรียนฟังพูดภาษาอังกฤษ (สมัครเรียนมา3เดือนได้แล้วคะ)
ก่อนอื่นเลยเราขอบอกก่อนว่า ตัวเราเองทำงานในบริษัทฝรั่ง จำเป็นจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการประชุมหรือไว้คุยกับเจ้านาย รวมถึงใช้ในชีวิตประจำวัน แต่อีกสิ่งหนึ่งคือ เรามีเพื่อนคนหนึ่ง เขามีลูก และลูกเขาเป็นลูกครึ่ง พอเขากลับมาเที่ยวเมืองไทย เราก็อยากคุยกับเขาอะไรงี้ แต่คือเราพูดไม่ได้ 5555 ได้แต่พูดแบบ งูๆปลาๆ ก็เลยมีความคิดที่อยากจะหาที่เรียนพูด (จริงๆเราเคยเรียนหลายสถาบันนะคะ ได้แต่พวกแกรมม่า ได้คำศัพท์มาบ้าง) พอถึงเวลาที่จะต้องใช้พูด คือยังพูดไม่ค่อยได้
วันนึง เราได้เจอกับพี่ที่รู้จักกันในงานสัมมนา พอดีได้คุยกันเกี่ยวกับที่เรียนภาษาอังกฤษ พี่เค้าก็เลยแนะนำมาว่า ให้ลองมาดูที่สถาบันนี้ดูเผื่อจะชอบ ชื่อสถาบันว่า Speakout อยู่แถวๆ BTS พญาไท (ซึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานเราค่ะ) เราก็เลยเข้า กูเกิ้ลเลยค่ะ หาข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันนี้ดูว่าเป็นยังไง พอเข้าไปดูเว็บไซด์ก็เออแบบว่า น่าสนใจดีนะ ที่เรียนดูสะอาดตา ดูจากรูปถ่ายตอนแรกนึกว่าร้านกาแฟ 555 ก็เลยตัดสินใจติดต่อเข้าไป เพื่อขอข้อมูลที่สถาบันผ่านทางไลน์ ไลน์คุยกันกับเจ้าหน้าที่ก็ได้รับข้อมูลมาว่า ที่นี่เข้าใช้คำว่า ฝึกพูด แบบไม่ได้ใช้เรียนเพื่อสอบ ไม่มีการติวแกรมม่า เรียนห้องนึงแค่ไม่เกิน 4 คนและที่สำคัญคือสอนโดยครูอังกฤษและอเมริกัน *0* อันนี้ชอบๆ แล้วก็มีการทำกิจกรรมกลุ่มอีก ซึ่งห้องนี้เรียนไม่เกิน 10 คน ก็โอนะ กิจกรรมที่เราเคยเข้า ก็พวก ทำอาหาร ร้องเพลง โต้ว่าที ยังมีอย่างอื่นอีกแต่ก็จำไม่ได้แระ ขอแทรกนิดนึงคือ ที่เราบอกว่า เคยเรียนภาษาอังกฤษที่นึงมา คือ สอนห้องนึง เกือบๆ 50 คน และเรียนผ่านวิดีโอ เน้นสอนให้อ่านกับเขียน ซึ่งเราก็ว่าดีนะคะ ที่เราได้เรียนและเห็นภาษาอังกฤษผ่านตา เราเรียนเป็นปีเลยกับสถาบันนี้ค่ะ แต่สิ่งที่เราต้องการมากกว่านี้คือ เราอยากพูดได้ ไม่ใช่แค่ว่าอ่านได้หรือเขียนส่งเมล์ตอนทำงานได้อย่างเดียว เราไม่อยากมานั่งนึกแปลไทย กลับไปกลับมา มันช้ามากๆ กว่าจะโต้ตอบกันได้ 55555
พอเราได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่แล้ว เราก็รู้สึกว่าแบบ อืม รู้สึกสนใจมากขึ้น และเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถทดลองเรียนฟรีได้ *0* แต่เราต้องเข้าไปทำเทสเพื่อวัดระดับก่อนว่าการพูดของเราอยู่ระดับไหน (คิดว่า น่าจะระดับแรกๆ คือแบบระดับเบสิคเลย 5555) ก็เลยนัดกับทางสถาบันว่าวันไหนที่เราจะเข้าไปทำเทสและทดลองเรียน
พอวันนัดมาถึง เรารีบขับรถจากแถวที่ทำงาน(สีลม) มาที่ Speakout อยู่ชั้น 7 ที่ตึกวรรณสรณ์ ตรงสี่แยกพญาไทค่ะ
พอเข้ามาถึงที่สถาบัน สถานที่สะอาดตาจริง ดูใหญ่พอสมควร และเจ้าหน้าที่ก็ให้ข้อมูลเพิ่ม เกี่ยวกับการทำเทสเพื่อวัดระดับ (เฮ้อ จะรอดไหมไม่รู้) วัดระดับเสร็จก็มาสัมภาษณ์กับอาจารย์ รวมๆแล้วประมาณ 30-40 นาที น่าจะได้ค่ะ แล้วก็ทราบผล (อันนี้แบบตื่นเต้นมาก แบบอายนะ กลัวว่าผลออกมาแล้วแบบว่าแย่มาก) ตอนช่วงที่สัมภาษณ์ อาจารย์จะถามคำถามแบบทั่วไป เริ่มให้แนะนำตัวเองแล้วก็ถามเรื่องเวลาว่างทำอะไร ชอบดูหนังไหม ดูเรื่องอะไร แล้วก็ถามเรื่องงานเรา คือเหมือนแบบแค่คุยๆกัน ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ 555
มาต่อๆ กันที่ผลทดสอบของเราดีกว่าค่ะ ผลออกมาว่า เราอยู่ระดับที่ 4 (ที่นี่มีระดับทั้งหมด 9 ระดับค่ะ) เจ้าหน้าที่บอกว่า ระดับของเราไม่แย่นะ (เย้ๆ) อยู่ในระดับกลาง (หรืออาจเป็นเพราะเราก็เรียนอ่านเขียนมาบ้าง?) หลังจากทดสอบวัดระดับเสร็จ เราก็ได้ทดลองเรียนเลยเพราะมีคลาสเรียนที่ตรงกับระดับของเราพอดี โดยมีเราและน้องที่เป็นนักเรียนของที่นี่อยู่แล้วอีก 1 คน เท่ากับว่า ในห้องมีนักเรียน 2 คน ตอนอยู่ในห้องก็แอบเกร็งๆ 555 แต่เข้ามาก็ถอยหลังไม่ได้แล้ว the show must go on สู้ๆค่ะ
โดยรวมแล้ว ในห้องที่เราได้ฝึก ก็จะได้ฝึกครบทุกทักษะเลย ทั้งฟัง พูด เขียน อ่านออกเสียงและพูดโต้ตอบกัน แต่ช่วงที่ชอบที่สุดคือ ช่วงของการฝึกพูดนี่แหละ อาจารย์ก็จะให้เราพูดออกเสียง ซึ่งแบบออกเสียงไม่ถูกอาจารย์ก็จะย้ำและเน้นๆๆๆ จนแบบ เออฉันพูดถูกสักที 55555 รวมถึงจะมีคำถามให้ตอบเชิงให้คิดวิเคราะห์ว่าเรารู้สึกยังไงกับสถานการณ์ ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์นั้น เราจะทำยังไง (โห อันนี้ตอบแบบรวบรวมคำศัพท์ที่มี งูๆปลาๆสุดๆ) อีกอย่างคือ ถ้าประโยคนั้นที่เราจะพูด แล้วเหมือนว่าเราพูดวกไปวนมา อาจารย์ก็จะพูดประโยคที่ถูกต้องให้ ซึ่งมันทำให้เราได้พูดตามและสามารถจำเพื่อนำไปใช้พูด หากมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในชิวิตจริงได้ ใน 1 ชั่วโมงที่ได้เข้าไปฝึก เราไม่ได้รู้สึกเครียด หรือกดดันเลย เมื่อเทียบกับตอนก่อนจะทดลองเรียน (อาจมีความตื่นเต้น และยังอายๆอยู่บ้าง) แต่เวลามันผ่านไปเร็วมาก วิธีฝึกแบบนี้ ถือว่าตรงกับความต้องการของเราเลยทีเดียว (เหมือนไม่ได้มาเรียน แต่มาฝึก และได้เข้าสังคมหรือมาหาเพื่อนใหม่ๆ) เรารู้สึกพอใจกับการทดลองเรียนครั้งนี้ค่ะ เพราะเราไม่เคยเรียนหรือฝึกแบบนี้มาก่อนและหลังจากออกมาจากห้อง เจ้าหน้าที่ก็ได้อธิบายคอร์สเรียนโดยละเอียด เรื่องของการฝึก ราคา เวลาฝึก ว่าเป็นยังไง พูดถึงเรื่องของเวลาฝึก อันนี้ก็เป็นอีก 1 เหตุผลที่ตัดสินใจสมัครเรียนค่ะ เพราะที่นี่สามารถเลือกลงเวลาเรียนได้ตามที่เราสะดวก เพราะบางทีเราก็มีไปประชุม หรือสัมมนา ที่ไม่ได้มีวันหยุดที่แน่นอนค่ะ
เราตัดสินใจลงคอร์สเรียนในวันนั้นเลย เพราะคิดว่า เราเจอในสิ่งที่เราต้องการแล้ว และหลังจากวันที่เริ่มคอร์ส จนถึงวันนี้ก็ประมาณ 3 เดือนแล้วค่ะ ยอมรับเลยว่า การพูดภาษาอังกฤษของเราดีขึ้นมาก เริ่มพูดออกมาโดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะ และเริ่มไม่คิดเป็นภาษาไทยในหัวก่อนแล้วค่อยพูดเหมือนเมื่อก่อน การออกเสียงก็ถูกต้องขึ้น มั่นใจขึ้นมาก
อาจจะเขียนยาวไปหน่อยนะคะ แต่เราอยากมาแชร์ให้คนที่กำลังกลัวหรือไม่กล้า คิดว่าเป็นการยากที่จะฝึกการพูดภาษาอังกฤษ (ในตอนที่อายุเลข 3 แล้ว -.-) เราแค่อยากจะบอกว่า ถ้าเราได้เจอที่เรียนที่ไหนก็ตาม ที่ถูกใจหรือที่ตรงกับความต้องการของเรา มันจะทำให้เรารู้สึกสนุกกับการฝึก และมาเรียนได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องบังคับตัวเองเลย เพราะเต็มใจที่จะมา
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคะ เราเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ ^^
**เราคิดว่า เรียนที่ไหนก็ได้ ทุกสถานบันมีข้อดีทั้งนั้น ขอแค่เราชอบและตรงกับความต้องการของเรา แล้วผลลัพธ์มันจะดีเองค่ะ
[CR] แชร์ประสบการณ์ เรียนพูดภาษาอังกฤษแนวใหม่
ก่อนอื่นเลยเราขอบอกก่อนว่า ตัวเราเองทำงานในบริษัทฝรั่ง จำเป็นจะต้องใช้ภาษาอังกฤษในการประชุมหรือไว้คุยกับเจ้านาย รวมถึงใช้ในชีวิตประจำวัน แต่อีกสิ่งหนึ่งคือ เรามีเพื่อนคนหนึ่ง เขามีลูก และลูกเขาเป็นลูกครึ่ง พอเขากลับมาเที่ยวเมืองไทย เราก็อยากคุยกับเขาอะไรงี้ แต่คือเราพูดไม่ได้ 5555 ได้แต่พูดแบบ งูๆปลาๆ ก็เลยมีความคิดที่อยากจะหาที่เรียนพูด (จริงๆเราเคยเรียนหลายสถาบันนะคะ ได้แต่พวกแกรมม่า ได้คำศัพท์มาบ้าง) พอถึงเวลาที่จะต้องใช้พูด คือยังพูดไม่ค่อยได้
วันนึง เราได้เจอกับพี่ที่รู้จักกันในงานสัมมนา พอดีได้คุยกันเกี่ยวกับที่เรียนภาษาอังกฤษ พี่เค้าก็เลยแนะนำมาว่า ให้ลองมาดูที่สถาบันนี้ดูเผื่อจะชอบ ชื่อสถาบันว่า Speakout อยู่แถวๆ BTS พญาไท (ซึ่งไม่ไกลจากที่ทำงานเราค่ะ) เราก็เลยเข้า กูเกิ้ลเลยค่ะ หาข้อมูลเกี่ยวกับสถาบันนี้ดูว่าเป็นยังไง พอเข้าไปดูเว็บไซด์ก็เออแบบว่า น่าสนใจดีนะ ที่เรียนดูสะอาดตา ดูจากรูปถ่ายตอนแรกนึกว่าร้านกาแฟ 555 ก็เลยตัดสินใจติดต่อเข้าไป เพื่อขอข้อมูลที่สถาบันผ่านทางไลน์ ไลน์คุยกันกับเจ้าหน้าที่ก็ได้รับข้อมูลมาว่า ที่นี่เข้าใช้คำว่า ฝึกพูด แบบไม่ได้ใช้เรียนเพื่อสอบ ไม่มีการติวแกรมม่า เรียนห้องนึงแค่ไม่เกิน 4 คนและที่สำคัญคือสอนโดยครูอังกฤษและอเมริกัน *0* อันนี้ชอบๆ แล้วก็มีการทำกิจกรรมกลุ่มอีก ซึ่งห้องนี้เรียนไม่เกิน 10 คน ก็โอนะ กิจกรรมที่เราเคยเข้า ก็พวก ทำอาหาร ร้องเพลง โต้ว่าที ยังมีอย่างอื่นอีกแต่ก็จำไม่ได้แระ ขอแทรกนิดนึงคือ ที่เราบอกว่า เคยเรียนภาษาอังกฤษที่นึงมา คือ สอนห้องนึง เกือบๆ 50 คน และเรียนผ่านวิดีโอ เน้นสอนให้อ่านกับเขียน ซึ่งเราก็ว่าดีนะคะ ที่เราได้เรียนและเห็นภาษาอังกฤษผ่านตา เราเรียนเป็นปีเลยกับสถาบันนี้ค่ะ แต่สิ่งที่เราต้องการมากกว่านี้คือ เราอยากพูดได้ ไม่ใช่แค่ว่าอ่านได้หรือเขียนส่งเมล์ตอนทำงานได้อย่างเดียว เราไม่อยากมานั่งนึกแปลไทย กลับไปกลับมา มันช้ามากๆ กว่าจะโต้ตอบกันได้ 55555
พอเราได้รับข้อมูลจากเจ้าหน้าที่แล้ว เราก็รู้สึกว่าแบบ อืม รู้สึกสนใจมากขึ้น และเจ้าหน้าที่บอกว่าสามารถทดลองเรียนฟรีได้ *0* แต่เราต้องเข้าไปทำเทสเพื่อวัดระดับก่อนว่าการพูดของเราอยู่ระดับไหน (คิดว่า น่าจะระดับแรกๆ คือแบบระดับเบสิคเลย 5555) ก็เลยนัดกับทางสถาบันว่าวันไหนที่เราจะเข้าไปทำเทสและทดลองเรียน
พอวันนัดมาถึง เรารีบขับรถจากแถวที่ทำงาน(สีลม) มาที่ Speakout อยู่ชั้น 7 ที่ตึกวรรณสรณ์ ตรงสี่แยกพญาไทค่ะ
พอเข้ามาถึงที่สถาบัน สถานที่สะอาดตาจริง ดูใหญ่พอสมควร และเจ้าหน้าที่ก็ให้ข้อมูลเพิ่ม เกี่ยวกับการทำเทสเพื่อวัดระดับ (เฮ้อ จะรอดไหมไม่รู้) วัดระดับเสร็จก็มาสัมภาษณ์กับอาจารย์ รวมๆแล้วประมาณ 30-40 นาที น่าจะได้ค่ะ แล้วก็ทราบผล (อันนี้แบบตื่นเต้นมาก แบบอายนะ กลัวว่าผลออกมาแล้วแบบว่าแย่มาก) ตอนช่วงที่สัมภาษณ์ อาจารย์จะถามคำถามแบบทั่วไป เริ่มให้แนะนำตัวเองแล้วก็ถามเรื่องเวลาว่างทำอะไร ชอบดูหนังไหม ดูเรื่องอะไร แล้วก็ถามเรื่องงานเรา คือเหมือนแบบแค่คุยๆกัน ไม่น่ากลัวอย่างที่คิดไว้ 555
มาต่อๆ กันที่ผลทดสอบของเราดีกว่าค่ะ ผลออกมาว่า เราอยู่ระดับที่ 4 (ที่นี่มีระดับทั้งหมด 9 ระดับค่ะ) เจ้าหน้าที่บอกว่า ระดับของเราไม่แย่นะ (เย้ๆ) อยู่ในระดับกลาง (หรืออาจเป็นเพราะเราก็เรียนอ่านเขียนมาบ้าง?) หลังจากทดสอบวัดระดับเสร็จ เราก็ได้ทดลองเรียนเลยเพราะมีคลาสเรียนที่ตรงกับระดับของเราพอดี โดยมีเราและน้องที่เป็นนักเรียนของที่นี่อยู่แล้วอีก 1 คน เท่ากับว่า ในห้องมีนักเรียน 2 คน ตอนอยู่ในห้องก็แอบเกร็งๆ 555 แต่เข้ามาก็ถอยหลังไม่ได้แล้ว the show must go on สู้ๆค่ะ
โดยรวมแล้ว ในห้องที่เราได้ฝึก ก็จะได้ฝึกครบทุกทักษะเลย ทั้งฟัง พูด เขียน อ่านออกเสียงและพูดโต้ตอบกัน แต่ช่วงที่ชอบที่สุดคือ ช่วงของการฝึกพูดนี่แหละ อาจารย์ก็จะให้เราพูดออกเสียง ซึ่งแบบออกเสียงไม่ถูกอาจารย์ก็จะย้ำและเน้นๆๆๆ จนแบบ เออฉันพูดถูกสักที 55555 รวมถึงจะมีคำถามให้ตอบเชิงให้คิดวิเคราะห์ว่าเรารู้สึกยังไงกับสถานการณ์ ถ้าเราอยู่ในสถานการณ์นั้น เราจะทำยังไง (โห อันนี้ตอบแบบรวบรวมคำศัพท์ที่มี งูๆปลาๆสุดๆ) อีกอย่างคือ ถ้าประโยคนั้นที่เราจะพูด แล้วเหมือนว่าเราพูดวกไปวนมา อาจารย์ก็จะพูดประโยคที่ถูกต้องให้ ซึ่งมันทำให้เราได้พูดตามและสามารถจำเพื่อนำไปใช้พูด หากมีสถานการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในชิวิตจริงได้ ใน 1 ชั่วโมงที่ได้เข้าไปฝึก เราไม่ได้รู้สึกเครียด หรือกดดันเลย เมื่อเทียบกับตอนก่อนจะทดลองเรียน (อาจมีความตื่นเต้น และยังอายๆอยู่บ้าง) แต่เวลามันผ่านไปเร็วมาก วิธีฝึกแบบนี้ ถือว่าตรงกับความต้องการของเราเลยทีเดียว (เหมือนไม่ได้มาเรียน แต่มาฝึก และได้เข้าสังคมหรือมาหาเพื่อนใหม่ๆ) เรารู้สึกพอใจกับการทดลองเรียนครั้งนี้ค่ะ เพราะเราไม่เคยเรียนหรือฝึกแบบนี้มาก่อนและหลังจากออกมาจากห้อง เจ้าหน้าที่ก็ได้อธิบายคอร์สเรียนโดยละเอียด เรื่องของการฝึก ราคา เวลาฝึก ว่าเป็นยังไง พูดถึงเรื่องของเวลาฝึก อันนี้ก็เป็นอีก 1 เหตุผลที่ตัดสินใจสมัครเรียนค่ะ เพราะที่นี่สามารถเลือกลงเวลาเรียนได้ตามที่เราสะดวก เพราะบางทีเราก็มีไปประชุม หรือสัมมนา ที่ไม่ได้มีวันหยุดที่แน่นอนค่ะ
เราตัดสินใจลงคอร์สเรียนในวันนั้นเลย เพราะคิดว่า เราเจอในสิ่งที่เราต้องการแล้ว และหลังจากวันที่เริ่มคอร์ส จนถึงวันนี้ก็ประมาณ 3 เดือนแล้วค่ะ ยอมรับเลยว่า การพูดภาษาอังกฤษของเราดีขึ้นมาก เริ่มพูดออกมาโดยไม่ต้องคิดอะไรเยอะ และเริ่มไม่คิดเป็นภาษาไทยในหัวก่อนแล้วค่อยพูดเหมือนเมื่อก่อน การออกเสียงก็ถูกต้องขึ้น มั่นใจขึ้นมาก
อาจจะเขียนยาวไปหน่อยนะคะ แต่เราอยากมาแชร์ให้คนที่กำลังกลัวหรือไม่กล้า คิดว่าเป็นการยากที่จะฝึกการพูดภาษาอังกฤษ (ในตอนที่อายุเลข 3 แล้ว -.-) เราแค่อยากจะบอกว่า ถ้าเราได้เจอที่เรียนที่ไหนก็ตาม ที่ถูกใจหรือที่ตรงกับความต้องการของเรา มันจะทำให้เรารู้สึกสนุกกับการฝึก และมาเรียนได้อย่างสม่ำเสมอ โดยไม่ต้องบังคับตัวเองเลย เพราะเต็มใจที่จะมา
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านจนจบนะคะ เราเป็นกำลังใจให้ทุกคนค่ะ ^^
**เราคิดว่า เรียนที่ไหนก็ได้ ทุกสถานบันมีข้อดีทั้งนั้น ขอแค่เราชอบและตรงกับความต้องการของเรา แล้วผลลัพธ์มันจะดีเองค่ะ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้