ฮายยยยย ซิสสสสสส
ก่อนอื่นคิสต้องขอขอบคุณ De Latex ที่ให้โอกาสได้ลองเจลล้างหน้าตัวนี้นะคะ
ปรกติคิสจะใช้ออยล์ในการล้างหน้าตอนเย็นทุกวัน ไม่ได้หนีนอกใจไปใช้อะไรอย่างอื่นเท่าไหร่ ล่าสุดมีซื้อ Cleansing Milk มาก็ใช้ไปทีนึง นอนนิ่งใกล้จะเป็นแผลกดทับอยู่แล้ว - -"
"มือเหี่ยวๆ ของคิสเองจ้า"
สำหรับขั้นตอนในการล้างหน้าของคิสจะมี
1. เช็ดเมคอัพบริเวณรอบดวงตาด้วย Eye Remover
2. เช็ดเมคอัพออกด้วย Micellar Water
3. นวดด้วย Cleansing Oil แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
4. ใช้เนทตี Cleansing Foam ให้เป็นวิปแล้วล้างออก
5. เช็ดสิ่งตกค้างด้วย Toner/ Astringent
แลดูย้ำคิดย้ำทำ แต่ต้องทำทุกวัน เพราะการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด สิวจะขึ้นไม่ขึ้นก็เพราะสเตปนี้เลย และหน้าจะเน่าหนอนก็เพราะสเตปนี้ด้วยเหมือนกัน
สำหรับประสบการณ์ที่คิสเคยใช้เจลล้างหน้ามา(อ่านข้ามได้นะจ้ะ)
ถ้าเป็นเจลสำหรับล้างเครื่องสำอางโดยเฉพาะจะเนื้อหนืดมากๆ มากถึงมากที่สุด เป็นทั้งตัว Fasio และตัว Curel เลย คือต้องใช้ในปริมาณที่มากพอสมควร การล้างเมื่อล้างออกแล้วจะยังรู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้ Secondary cleanser ตาม ไม่ตามไม่ได้ เพราะทิ้งความรู้สึกเมือกเอาไว้อยู่ ใครมียี่ห้อไหนที่ไม่เป็นแนะนำคิสด้วยค่ะ เพราะคิสก็อยากลองเหมือนกัน
เจลกลุ่มนี้จะไม่มีฟองนะคะ ต่างจากเจลล้างหน้าแบบทั่วไป เดี๋ยวจะงงว่าทำไมถึงรู้สึกเมือกๆอยู่ ลักษณะการทำงานจะคล้ายๆ Cleansing Milk/ Cleansing Cream/ Cleansing Balm
มาพูดถึงตัว De Latex ตัวนี้คิสเครียดตั้งแต่เห็นชื่อมันแล้วค่ะ ช่างชักชวนให้เป็นกังวลมากๆว่าชั้นกำลังเอาสารอนุพันธ์ยางอะไรมาป้ายหน้าตัวเอง แล้วยางก็ยิ่งชี้ชวนให้กลัวเรื่องการแพ้เป็นที่สุด ก่อนใช้ก็กูเกิ้ลอ่านข้อมูลพอสมควรว่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว ก็เพิ่งรู้ว่าเป็น innovation ใหม่ๆสำหรับการดูแลผิว เอาวะ เค้าให้มาลองก็ลอง
สำหรับแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ไทยที่คิสโคตรอยากจะสนับสนุนเลย เพราะ??
คิสว่ามันมีเรื่องของ innovation มาเกี่ยวข้องด้วย และตัวคิสเองใช้แล้วก็ไม่แพ้ ลองใช้กับขากรรไกรอยู่ 3 วันจนแน่ใจถึงได้กล้าละเลงทั้งหน้า และผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจ(แต่มีรายละเอียดพอสมควร จะพูดถึงให้หมดจดค่ะ)
อีกส่วนที่สำคัญมากๆคือการพรีเซนท์ของแบรนด์ที่ไม่แอ๊บ ไม่มีวาทะซ้อนเร้น ของไทยก็คือของไทย ชอบมากๆ ได้ใจคิสมากๆ คิสชอบแบรนด์ไทยที่มี guts แบบนี้ ไม่ดัดจริต แต่ออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ unique และวาง position ตัวเองได้ในแบบมี branding ที่ดีด้วย เรื่องนี้ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ DNA ดีมากสำหรับมุมมองของคิสนะ อยากให้แบรนด์ไทยทำแบบนี้ได้กันเยอะๆ ซึ่งคิสก็เห็นมาหลายแบรนด์แล้วละ แต่อยากให้ sustain ในตลาดแบบ ground firmly จริงๆ
แทบจะตัดเข้าคลาส Marketing & Customer Behavior กันเลยทีเดียว ยูเทรินตัวเองกลับมาแปร่บๆ
เนื้อ: เจลที่ไม่ใสซะทีเดียว มีเนื้อออกขุ่นๆ น่าฉงนมากว่ามันขุ่นเพราะอะไร แต่ก็ช่างมันเถอะ
กลิ่น: คิสใช้ความสามารถพิเศษในการดม ดมจนหลอดแทบจะมุดเข้าไปในจมูกบานๆก็ค้นพบว่ามีกลิ่นนะ เป็นกลิ่นคล้ายๆขนมตาลค่ะ เหมือนขนมไทยไม่ใส่กลิ่นและอุ่นร้อนๆค่ะ คือนวดไปหิวไป เป็นกลิ่นไม่หอมไม่เหม็น ไม่ผะอืดผะอม แต่ชวนให้คิดว่านั่นคือกลิ่นขนมตาลหรือขนมเปียกปูน ซึ่งก็ช่างมันเถอะนะ ชั้นคงจะหิวมากแน่ๆเลยนะพี่บัวลอย
สัมผัส: อย่างที่คิสบอกว่าเจลกลุ่มนี้มักจะหนืดมาก ทำให้ค่อนข้าง tuck เนื้อผิวเวลาล้าง นึกถึงถ้าเราเอาจารบีมาป้ายหน้ามันหนืดเหนียวดึงผิว เกทบ่?? ซึ่งตัวนี้พอบีบออกมาคิสก็บอกเลยว่า "ชั้นกะแล้ววววว" คือมันเป็นเนื้อที่ subtle จนชวนให้คิดว่าจะหนืดแน่ๆ แต่พอเอามานวดแล้วกลับค่อยๆละลายกลายเป็นน้ำซะงั้น แต่ไม่ได้หยดนะคะ แค่รู้สึกได้ว่ามันแตกตัวกลายเป็นโกโก้ครั๊นชชชช ไม่ใช่ละ คือเนื้อจะมีความ runny มากขึ้นระหว่างที่นวด คิสแนะนำให้นวดกับฝ่ามือก่อนที่จะนวดกับผิวหน้า จะไม่รู้ว่าดึงเนื้อผิวเลย และสบายหน้า สไตล์เดียวกับกลุ่มโฟมล้างหน้าที่ไม่มีฟอง แต่เนื้อจำเป็นต้องใช้ในปริมาณที่มากกว่า(เจลล้างคสอ.จะใช้ปริมาณที่ค่อนข้างเยอะทุกยี่ห้อ)
ปริมาณ: ที่หลอดไม่ได้ระบุไว้นะว่าต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ คิสแนะนำว่าให้บีบออกมาประมาณหนึ่งข้อนิ้วโป้งค่ะ เป็นปริมาณปรกติที่ควรจะใช้ต่อการล้าง 1 ครั้ง/ จากปริมาณต่อหลอด คิสคิดว่าน่าจะใช้ได้ราวๆ 1.5-2 เดือน
สิ่งที่คิสต้องการ Breakdown ตัวนี้มากเป็นพิเศษคือ "มันทำความสะอาดเมคอัพได้จริงมั๊ย"
คำตอบจากการใช้จริงของคิสคือ "ใช่และไม่ใช่"
ตัวนี้สามารถทำความสะอาดได้ดีมากที่สุดในกลุ่มเจลล้างหน้าเท่าที่คิสเคยใช้มา คือมันงัดออกได้ดีมาก โดยไม่ดึงผิว ไม่หนืดตอนล้าง ไม่ต้องนวดเป็นน้ำนม คือล้างได้รวดเร็วมากๆ คิสต้องล้างต่อด้วยโฟมนะคะ เพราะจะรู้สึกสะอาดไม่สุด แต่ถ้าไม่ล้างต่อ คิสมาเช็ดไมเซลล่าต่อก็จะมี residue ตกค้างอยู่นิดหน่อย ในระดับที่เข้าใจได้ค่ะ เพราะคิสใช้รองพื้นระดับยาแนวตราจรเข้ เอาออกได้ขนาดนี้ก็เทพมาก การใช้ secondary cleanser ต่อเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะต่อให้คิสใช้ออยล์ล้างหน้าก็ต้องต่อด้วยโฟมเหมือนกัน
ส่วนเรื่องที่ว่าเอาออกไม่หมด จะเป็นส่วนเมคอัพรอบดวงตาที่คิสจะลง eye primer และปัดมาสคาร่า waterproof รวมถึง mascara base ทุกวัน ซึ่งปรกติแล้วคิสจะใช้ eye makeup remover ในการล้างออก แม้จะนวดล้างด้วยออยล์ ก็ต้องใช้อยู่ดี พอมาใช้เจล de latex มันก็เอาไม่ออกได้หมดจด ตรงนี้เลยไม่ได้ติดใจอะไรค่ะ
แต่...ทั้งนี้ การทำความสะอาดยังถือว่าเป็นรองจาก cleansing oil อยู่ เนื่องจากคิสเป็นคนที่มีปัญหาสิวเสี้ยน เวลาคิสนวดด้วยออยล์จะมีสิวเสี้ยนหลุดออกมาเป็นเม็ดๆเป็นที่สนุกสนาน แต่ถ้าใช้เจลตัวนี้จะไม่มีค่ะ เนื้อที่ออกจากการนวด จะคล้ายๆกับการใช้พวกกลุ่ม peeling gel คือออกมาคล้ายขี้ไคลซะมากกว่า และจะไม่รู้สึกฟินกับการสไลด์สิวเสี้ยนได้แบบออยล์
เอาว่าถ้าสรุปง่ายๆคือ Cleansing Gel ตัวนี้ ดีกว่าเจลตัวอื่นๆที่คิสเคยใช้มา แต่ยังไม่ดีมากเท่า Cleansing Oil ซึ่งคิสเข้าใจได้หมดทุกอย่าง ไม่ใช่เพราะได้สินค้าเป็น Trial นะคะ 55 แต่เพราะตัว solvents มันเอา waterproof ออกไม่ได้ 100% ค่ะ ซึ่งถ้าเอาออกได้หมด คิสว่าออยล์ทุกตัวบนโลกนี้คงไม่มีที่ยืนแล้ว ตายเรียบยก sephora ค่ะ
"โฉมหน้าผู้ต้องหาที่จะใช้ในการทดสอบนะฮะ คัดมาแล้วว่าติดทนระดับโลก"
"อะ ปาดๆๆๆ บนท่อนแขนของคิสเองน้า บ่แม่นขาหน้า"
ส่วนการล้าง คิสถ่ายรูปมาเยอะไปหน่อยนะ อยากให้เห็นว่ามันหลุดไม่หลุดยังไง มาๆ
ปาดๆแล้วทิ้งไว้ครึ่งชม.ให้ทวีความทนทานนะฮะ มี Stila ตัวเดียวไม่ยอมแห้ง ดื้อด้านมาก
บีบน้องเจลลงมา มาม๊ะ
ปาดดดด อู๊ยยย หิวเครปป้าเฉื่อย
นวดดดด วนไป อู๊ยยยย ขอนมเย็นมาด้วยได้ม๊ะ
ล้างน้ำเปล่าแบบไม่ตามด้วยโฟมนะฮะ นัง Colorkill นี่มันอะไร๊ คนอื่นเค้าหลุดไปหมดแล้ว อยู่ทำไมจ้ะหล่อน ชิ้วๆ
ไม่อยากตามด้วยโฟมอะ เอาน้อง Micellar มาปาดแทน Helpppppp Mee Pleaseeee เอามันออกไป๊
[SR] [Review] เจลล้างหน้า De Latex ล้างดีแท้แม้ไม่ทาอะไร
ฮายยยยย ซิสสสสสส
ก่อนอื่นคิสต้องขอขอบคุณ De Latex ที่ให้โอกาสได้ลองเจลล้างหน้าตัวนี้นะคะ
ปรกติคิสจะใช้ออยล์ในการล้างหน้าตอนเย็นทุกวัน ไม่ได้หนีนอกใจไปใช้อะไรอย่างอื่นเท่าไหร่ ล่าสุดมีซื้อ Cleansing Milk มาก็ใช้ไปทีนึง นอนนิ่งใกล้จะเป็นแผลกดทับอยู่แล้ว - -"
"มือเหี่ยวๆ ของคิสเองจ้า"
สำหรับขั้นตอนในการล้างหน้าของคิสจะมี
1. เช็ดเมคอัพบริเวณรอบดวงตาด้วย Eye Remover
2. เช็ดเมคอัพออกด้วย Micellar Water
3. นวดด้วย Cleansing Oil แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่า
4. ใช้เนทตี Cleansing Foam ให้เป็นวิปแล้วล้างออก
5. เช็ดสิ่งตกค้างด้วย Toner/ Astringent
แลดูย้ำคิดย้ำทำ แต่ต้องทำทุกวัน เพราะการทำความสะอาดผิวหน้าเป็นเรื่องใหญ่ที่สุด สิวจะขึ้นไม่ขึ้นก็เพราะสเตปนี้เลย และหน้าจะเน่าหนอนก็เพราะสเตปนี้ด้วยเหมือนกัน
สำหรับประสบการณ์ที่คิสเคยใช้เจลล้างหน้ามา(อ่านข้ามได้นะจ้ะ)
ถ้าเป็นเจลสำหรับล้างเครื่องสำอางโดยเฉพาะจะเนื้อหนืดมากๆ มากถึงมากที่สุด เป็นทั้งตัว Fasio และตัว Curel เลย คือต้องใช้ในปริมาณที่มากพอสมควร การล้างเมื่อล้างออกแล้วจะยังรู้สึกว่าจำเป็นต้องใช้ Secondary cleanser ตาม ไม่ตามไม่ได้ เพราะทิ้งความรู้สึกเมือกเอาไว้อยู่ ใครมียี่ห้อไหนที่ไม่เป็นแนะนำคิสด้วยค่ะ เพราะคิสก็อยากลองเหมือนกัน
เจลกลุ่มนี้จะไม่มีฟองนะคะ ต่างจากเจลล้างหน้าแบบทั่วไป เดี๋ยวจะงงว่าทำไมถึงรู้สึกเมือกๆอยู่ ลักษณะการทำงานจะคล้ายๆ Cleansing Milk/ Cleansing Cream/ Cleansing Balm
มาพูดถึงตัว De Latex ตัวนี้คิสเครียดตั้งแต่เห็นชื่อมันแล้วค่ะ ช่างชักชวนให้เป็นกังวลมากๆว่าชั้นกำลังเอาสารอนุพันธ์ยางอะไรมาป้ายหน้าตัวเอง แล้วยางก็ยิ่งชี้ชวนให้กลัวเรื่องการแพ้เป็นที่สุด ก่อนใช้ก็กูเกิ้ลอ่านข้อมูลพอสมควรว่าจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาในระยะยาว ก็เพิ่งรู้ว่าเป็น innovation ใหม่ๆสำหรับการดูแลผิว เอาวะ เค้าให้มาลองก็ลอง
สำหรับแบรนด์นี้เป็นแบรนด์ไทยที่คิสโคตรอยากจะสนับสนุนเลย เพราะ??
คิสว่ามันมีเรื่องของ innovation มาเกี่ยวข้องด้วย และตัวคิสเองใช้แล้วก็ไม่แพ้ ลองใช้กับขากรรไกรอยู่ 3 วันจนแน่ใจถึงได้กล้าละเลงทั้งหน้า และผลลัพธ์ก็เป็นที่น่าพอใจ(แต่มีรายละเอียดพอสมควร จะพูดถึงให้หมดจดค่ะ)
อีกส่วนที่สำคัญมากๆคือการพรีเซนท์ของแบรนด์ที่ไม่แอ๊บ ไม่มีวาทะซ้อนเร้น ของไทยก็คือของไทย ชอบมากๆ ได้ใจคิสมากๆ คิสชอบแบรนด์ไทยที่มี guts แบบนี้ ไม่ดัดจริต แต่ออกแบบผลิตภัณฑ์ได้ unique และวาง position ตัวเองได้ในแบบมี branding ที่ดีด้วย เรื่องนี้ถือว่าเป็นแบรนด์ที่ DNA ดีมากสำหรับมุมมองของคิสนะ อยากให้แบรนด์ไทยทำแบบนี้ได้กันเยอะๆ ซึ่งคิสก็เห็นมาหลายแบรนด์แล้วละ แต่อยากให้ sustain ในตลาดแบบ ground firmly จริงๆ
แทบจะตัดเข้าคลาส Marketing & Customer Behavior กันเลยทีเดียว ยูเทรินตัวเองกลับมาแปร่บๆ
กลิ่น: คิสใช้ความสามารถพิเศษในการดม ดมจนหลอดแทบจะมุดเข้าไปในจมูกบานๆก็ค้นพบว่ามีกลิ่นนะ เป็นกลิ่นคล้ายๆขนมตาลค่ะ เหมือนขนมไทยไม่ใส่กลิ่นและอุ่นร้อนๆค่ะ คือนวดไปหิวไป เป็นกลิ่นไม่หอมไม่เหม็น ไม่ผะอืดผะอม แต่ชวนให้คิดว่านั่นคือกลิ่นขนมตาลหรือขนมเปียกปูน ซึ่งก็ช่างมันเถอะนะ ชั้นคงจะหิวมากแน่ๆเลยนะพี่บัวลอย
สัมผัส: อย่างที่คิสบอกว่าเจลกลุ่มนี้มักจะหนืดมาก ทำให้ค่อนข้าง tuck เนื้อผิวเวลาล้าง นึกถึงถ้าเราเอาจารบีมาป้ายหน้ามันหนืดเหนียวดึงผิว เกทบ่?? ซึ่งตัวนี้พอบีบออกมาคิสก็บอกเลยว่า "ชั้นกะแล้ววววว" คือมันเป็นเนื้อที่ subtle จนชวนให้คิดว่าจะหนืดแน่ๆ แต่พอเอามานวดแล้วกลับค่อยๆละลายกลายเป็นน้ำซะงั้น แต่ไม่ได้หยดนะคะ แค่รู้สึกได้ว่ามันแตกตัวกลายเป็นโกโก้ครั๊นชชชช ไม่ใช่ละ คือเนื้อจะมีความ runny มากขึ้นระหว่างที่นวด คิสแนะนำให้นวดกับฝ่ามือก่อนที่จะนวดกับผิวหน้า จะไม่รู้ว่าดึงเนื้อผิวเลย และสบายหน้า สไตล์เดียวกับกลุ่มโฟมล้างหน้าที่ไม่มีฟอง แต่เนื้อจำเป็นต้องใช้ในปริมาณที่มากกว่า(เจลล้างคสอ.จะใช้ปริมาณที่ค่อนข้างเยอะทุกยี่ห้อ)
ปริมาณ: ที่หลอดไม่ได้ระบุไว้นะว่าต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ คิสแนะนำว่าให้บีบออกมาประมาณหนึ่งข้อนิ้วโป้งค่ะ เป็นปริมาณปรกติที่ควรจะใช้ต่อการล้าง 1 ครั้ง/ จากปริมาณต่อหลอด คิสคิดว่าน่าจะใช้ได้ราวๆ 1.5-2 เดือน
สิ่งที่คิสต้องการ Breakdown ตัวนี้มากเป็นพิเศษคือ "มันทำความสะอาดเมคอัพได้จริงมั๊ย"
คำตอบจากการใช้จริงของคิสคือ "ใช่และไม่ใช่"
ตัวนี้สามารถทำความสะอาดได้ดีมากที่สุดในกลุ่มเจลล้างหน้าเท่าที่คิสเคยใช้มา คือมันงัดออกได้ดีมาก โดยไม่ดึงผิว ไม่หนืดตอนล้าง ไม่ต้องนวดเป็นน้ำนม คือล้างได้รวดเร็วมากๆ คิสต้องล้างต่อด้วยโฟมนะคะ เพราะจะรู้สึกสะอาดไม่สุด แต่ถ้าไม่ล้างต่อ คิสมาเช็ดไมเซลล่าต่อก็จะมี residue ตกค้างอยู่นิดหน่อย ในระดับที่เข้าใจได้ค่ะ เพราะคิสใช้รองพื้นระดับยาแนวตราจรเข้ เอาออกได้ขนาดนี้ก็เทพมาก การใช้ secondary cleanser ต่อเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เพราะต่อให้คิสใช้ออยล์ล้างหน้าก็ต้องต่อด้วยโฟมเหมือนกัน
ส่วนเรื่องที่ว่าเอาออกไม่หมด จะเป็นส่วนเมคอัพรอบดวงตาที่คิสจะลง eye primer และปัดมาสคาร่า waterproof รวมถึง mascara base ทุกวัน ซึ่งปรกติแล้วคิสจะใช้ eye makeup remover ในการล้างออก แม้จะนวดล้างด้วยออยล์ ก็ต้องใช้อยู่ดี พอมาใช้เจล de latex มันก็เอาไม่ออกได้หมดจด ตรงนี้เลยไม่ได้ติดใจอะไรค่ะ
แต่...ทั้งนี้ การทำความสะอาดยังถือว่าเป็นรองจาก cleansing oil อยู่ เนื่องจากคิสเป็นคนที่มีปัญหาสิวเสี้ยน เวลาคิสนวดด้วยออยล์จะมีสิวเสี้ยนหลุดออกมาเป็นเม็ดๆเป็นที่สนุกสนาน แต่ถ้าใช้เจลตัวนี้จะไม่มีค่ะ เนื้อที่ออกจากการนวด จะคล้ายๆกับการใช้พวกกลุ่ม peeling gel คือออกมาคล้ายขี้ไคลซะมากกว่า และจะไม่รู้สึกฟินกับการสไลด์สิวเสี้ยนได้แบบออยล์
เอาว่าถ้าสรุปง่ายๆคือ Cleansing Gel ตัวนี้ ดีกว่าเจลตัวอื่นๆที่คิสเคยใช้มา แต่ยังไม่ดีมากเท่า Cleansing Oil ซึ่งคิสเข้าใจได้หมดทุกอย่าง ไม่ใช่เพราะได้สินค้าเป็น Trial นะคะ 55 แต่เพราะตัว solvents มันเอา waterproof ออกไม่ได้ 100% ค่ะ ซึ่งถ้าเอาออกได้หมด คิสว่าออยล์ทุกตัวบนโลกนี้คงไม่มีที่ยืนแล้ว ตายเรียบยก sephora ค่ะ
"โฉมหน้าผู้ต้องหาที่จะใช้ในการทดสอบนะฮะ คัดมาแล้วว่าติดทนระดับโลก"
"อะ ปาดๆๆๆ บนท่อนแขนของคิสเองน้า บ่แม่นขาหน้า"
ส่วนการล้าง คิสถ่ายรูปมาเยอะไปหน่อยนะ อยากให้เห็นว่ามันหลุดไม่หลุดยังไง มาๆ
ปาดๆแล้วทิ้งไว้ครึ่งชม.ให้ทวีความทนทานนะฮะ มี Stila ตัวเดียวไม่ยอมแห้ง ดื้อด้านมาก
บีบน้องเจลลงมา มาม๊ะ
ปาดดดด อู๊ยยย หิวเครปป้าเฉื่อย
นวดดดด วนไป อู๊ยยยย ขอนมเย็นมาด้วยได้ม๊ะ
ล้างน้ำเปล่าแบบไม่ตามด้วยโฟมนะฮะ นัง Colorkill นี่มันอะไร๊ คนอื่นเค้าหลุดไปหมดแล้ว อยู่ทำไมจ้ะหล่อน ชิ้วๆ
ไม่อยากตามด้วยโฟมอะ เอาน้อง Micellar มาปาดแทน Helpppppp Mee Pleaseeee เอามันออกไป๊
SR - Sponsored Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ SR โดยที่เจ้าของกระทู้
ข้อมูลเพิ่มเติม