ตรรกะในกฎจราจร: แก้ปัญหาจราจร หรือทำให้คนชินชากับการฝืนกฎ (ขอโทษทีครับ ชื่อเรื่องไม่ตรงกับหัวข้อกระทู้ เพราะแก้ไขใหม่ แต่เรื่องเดียวกัน)
ตนเองใช้ถนนบรมราชชนนีมากว่า 30 ปี ถนนพุทธมณฑลสาย 2 เกือบ 20 ปี ตั้งแต่ยังคงเป็นถนนสองเลนมีคลองและต้นไม้ร่มรื่นริมสองฝั่งถนน จนกระทั่งถูกถมหมดกลายเป็นถนนหกเลนที่มีแต่ความแห้งแล้ง และตั้งแต่ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ที่ยังไม่เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการ เลยอยากเสนอความเห็นเกี่ยวกับการ “ห้ามจอดรถตลอดเวลา” บนถนนพุทธมณฑลสาย 2 และพุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งทั้งสองเส้นทางเชื่อมระหว่างถนนบรมราชชนนีกับถนนเพชรเกษม และใครที่มีโอกาสผ่านมาทางนี้ในช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจสังเกตได้ว่า ถนนสองสายนี้มีป้าย “ห้ามจอดรถตลอดเวลา” ใหม่เอี่ยม พรึบตลอดสองฝั่งถนน และหากได้ใช้ถนนบรมราชชนนีด้วย ก็อาจจะสังเกตเพิ่มได้อีกว่า “ป้ายห้ามจอดตลอดเวลา” บนถนนพุทธมณฑลสาย 2 หรือ สาย 3 เพียงสายเดียว ก็น่าจะมีจำนวนมากกว่าป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” บนถนนบรมราชชนนี ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนเพชรเกษม (ในเขตจังหวัดนครปฐม) ซึ่งเป็นถนน 8-10 เลน มีการจราจรคับคั่งกว่าถนนสองสายดังกล่าวอยู่มาก และน่าจะมีระยะทางตลอดช่วงถนนที่ยาวกว่าความยาวของถนนพุทธมณฑลสาย 2 และสาย 3 รวมกันเสียอีก และหากช่างสังเกตอีกสักนิดจะเข้าใจได้ว่า สาเหตุที่ทำให้การจราจรคับคั่งบนถนนบรมราชชนนีนั้น หลักๆ มาจากปริมาณรถบนถนนที่มีจำนวนมาก ซึ่งหลายจุดจำเป็นต้องปักป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” แต่บนถนนพุทธมณฑลสาย 2 และสาย 3 ปัญหาความคับคั่งของการจราจร เกิดขึ้นเฉพาะบางช่วงเวลาและเฉพาะจุดเท่านั้น ส่วนใหญ่ของปัญหาน่าจะมาจากปัญหารถที่จอดในบริเวณคับขันหรือใกล้สี่แยก (ซึ่งก็ห้ามจอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีป้ายห้ามหรือไม่ก็ตาม) ทำให้รถตรงเข้าแยกได้ช้า ปัญหารถลักกลับรถในจุดห้ามกลับ เนื่องจากจุดกลับรถบนถนนสองเส้นนี้ถูกออกแบบให้รถเฉพาะจากฝั่งใดฝั่งหนึ่งกลับรถเท่านั้น นั่นคือ รถสองฝั่งไม่สามารถกลับรถ ณ จุดกลับเดียวกันได้ และปัญหาจอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจรในบางช่วงเวลาในบางจุด เช่น จอดซ้อนคัน บางครั้งเบียดกันซ้อนถึง 3 คันจากด้านซ้าย โดยเฉพาะบริเวณก่อนถึงบริษัทขนส่ง (ขนสินค้าไปต่างจังหวัด) ที่มีเยอะช่วงต้นของพุทธมณฑลสาย 3 (ใกล้ถนนบรมราชชนนี) และบริเวณหน้าโรงเรียนขนาดใหญ่บนถนนพุทธมณฑลสาย 3 (ที่อยู่ค่อนไปทางถนนเพชรเกษม) ในช่วงเวลาก่อนเลิกเรียน เป็นต้น
นอกจากสาเหตุเฉพาะจุด เฉพาะเวลาข้างต้น ถนนสองสายนี้ ก็น่าจะเป็นถนน 6 เลน ที่การจราจรไหลลื่นได้ดีพอสมควรแทบจะตลอดเวลาของทุกวัน แม้ในสภาวะที่มีรถจอดด้านซ้ายของแต่ละฝั่งถนนอยู่หนึ่งเลนก็ตาม แต่การที่ “จราจร” ไม่ทราบว่าจากหน่วยงานตำรวจท้องที่หรือ สจร. หรือหน่วยงานไหนก็ตาม มาปักป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” ทำให้เสมือนเป็นการบังคับให้ใครก็ตามที่ต้องการจอดรถกินข้าวกินก๋วยเตี๋ยว หรือจอดแวะซื้อของจากร้านค้าที่อยู่มากมายบนสองฝั่งของถนนสองเส้นนี้นั้น ต้องทำผิดกฎจราจรไปในทันที ทั้งๆ การจอดรถดังกล่าว หากไม่ใช่กรณีตามที่ยกตัวอย่างข้างต้น ก็ไม่น่าก่อให้เกิดปัญหาจราจรเลยแม้แต่น้อย ทำให้หลายๆ คนงงๆ ว่า ปักป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” ทำไม ไม่เห็นมีความจำเป็นเลย เพราะปัญหาการจราจรบนถนนสองเส้นนี้ ขอย้ำว่า “เป็นปัญหาการบังคับใช้กฎจราจรในบางจุดของพื้นที่” และ “การไม่เคารพกฎจราจรในบางช่วงเวลา” เท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาความคับคั่งของการจราจรที่เกิดขึ้นตลอดเวลา (ไม่เว้นแม้กระทั่งดึกดื่นเที่ยงคืน หรือเสาร์อาทิตย์ตามที่ป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” บอกเป็นนัย) และไม่ใช่ปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้นตลอดเส้นทางจากหัวถนนที่เชื่อมกับบรมราชชนนีไปจรดถนนเพชรเกษมเลยแม้แต่น้อย
ถ้าตำรวจจราจรเคร่งครัดบังคับใช้กฎหมาย เขียนใบสั่ง ใช้เครื่องบังคับล้อ (ล๊อคล้อ) หรือใช้รถลาก รถทุกคันที่จอดบนถนนสองเส้นนี้ ก็คงเป็น “Talk of The Town” อย่างแน่นอน เพราะรถที่เข้าข่ายจอดรถในที่ห้ามจอดตลอด 2 ฝั่ง บนถนนสองเส้น น่าจะมีจำนวนหลายพันคันในแต่ละวัน (ถ้าไม่เชื่อ ลองไล่นับรถที่จอดดูได้ เพราะแค่ช่วงใดช่วงหนึ่งของเวลาของสองถนนรวมกัน ก็น่าจะครึ่งค่อนพันเข้าไปแล้ว) ทั้งๆ ที่รถที่จอดส่วนใหญ่ ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาจราจรเลยแม้แต่น้อย
แต่หากตำรวจจราจรจะอะลุ้มอะหล่วยในบางช่วงบางเวลาหรือในบางจุดพื้นที่ เพราะเห็นแก่ร้านค้าร้านอาหารที่มีอยู่ริมถนนสองเส้นนับร้อยๆ แห่ง ไม่ให้เจ๊งไปอย่างรวดเร็ว เพราะลูกค้านับพันนับหมื่นคนไม่สามารถจอดรถซื้อข้าวของกันได้ในแต่ละวัน ตำรวจอาจถูกมองได้ว่ามีนอกมีในกับร้านค้าร้านอาหารบางแห่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยที่ความหวังดีของตำรวจดังกล่าวกลับส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์เชิงลบเช่นที่ว่า
ปล. ขอโทษที่ต้องร่ายยาวมาก เนื่องจากเผื่อว่าคนปักป้ายหากได้เห็นโพสต์นี้จะได้เข้าใจตรรกะของประเด็น ว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องปักป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” ตลอดสาย บนถนนสองเส้นนี้เลย เพราะอย่างน้อยที่สุด มันก็กำลังทำให้ผู้คนชินชา (โดยไม่จำเป็น) กับการฝ่าฝืนกฎจราจร
ช่วยด้วย! ความหิวทำให้ผมต้องทำผิดกฎจราจร
ตนเองใช้ถนนบรมราชชนนีมากว่า 30 ปี ถนนพุทธมณฑลสาย 2 เกือบ 20 ปี ตั้งแต่ยังคงเป็นถนนสองเลนมีคลองและต้นไม้ร่มรื่นริมสองฝั่งถนน จนกระทั่งถูกถมหมดกลายเป็นถนนหกเลนที่มีแต่ความแห้งแล้ง และตั้งแต่ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ที่ยังไม่เปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการ เลยอยากเสนอความเห็นเกี่ยวกับการ “ห้ามจอดรถตลอดเวลา” บนถนนพุทธมณฑลสาย 2 และพุทธมณฑลสาย 3 ซึ่งทั้งสองเส้นทางเชื่อมระหว่างถนนบรมราชชนนีกับถนนเพชรเกษม และใครที่มีโอกาสผ่านมาทางนี้ในช่วงสัปดาห์สองสัปดาห์ที่ผ่านมา อาจสังเกตได้ว่า ถนนสองสายนี้มีป้าย “ห้ามจอดรถตลอดเวลา” ใหม่เอี่ยม พรึบตลอดสองฝั่งถนน และหากได้ใช้ถนนบรมราชชนนีด้วย ก็อาจจะสังเกตเพิ่มได้อีกว่า “ป้ายห้ามจอดตลอดเวลา” บนถนนพุทธมณฑลสาย 2 หรือ สาย 3 เพียงสายเดียว ก็น่าจะมีจำนวนมากกว่าป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” บนถนนบรมราชชนนี ซึ่งเป็นเส้นทางที่เชื่อมระหว่างถนนจรัญสนิทวงศ์กับถนนเพชรเกษม (ในเขตจังหวัดนครปฐม) ซึ่งเป็นถนน 8-10 เลน มีการจราจรคับคั่งกว่าถนนสองสายดังกล่าวอยู่มาก และน่าจะมีระยะทางตลอดช่วงถนนที่ยาวกว่าความยาวของถนนพุทธมณฑลสาย 2 และสาย 3 รวมกันเสียอีก และหากช่างสังเกตอีกสักนิดจะเข้าใจได้ว่า สาเหตุที่ทำให้การจราจรคับคั่งบนถนนบรมราชชนนีนั้น หลักๆ มาจากปริมาณรถบนถนนที่มีจำนวนมาก ซึ่งหลายจุดจำเป็นต้องปักป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” แต่บนถนนพุทธมณฑลสาย 2 และสาย 3 ปัญหาความคับคั่งของการจราจร เกิดขึ้นเฉพาะบางช่วงเวลาและเฉพาะจุดเท่านั้น ส่วนใหญ่ของปัญหาน่าจะมาจากปัญหารถที่จอดในบริเวณคับขันหรือใกล้สี่แยก (ซึ่งก็ห้ามจอดอยู่แล้ว ไม่ว่าจะมีป้ายห้ามหรือไม่ก็ตาม) ทำให้รถตรงเข้าแยกได้ช้า ปัญหารถลักกลับรถในจุดห้ามกลับ เนื่องจากจุดกลับรถบนถนนสองเส้นนี้ถูกออกแบบให้รถเฉพาะจากฝั่งใดฝั่งหนึ่งกลับรถเท่านั้น นั่นคือ รถสองฝั่งไม่สามารถกลับรถ ณ จุดกลับเดียวกันได้ และปัญหาจอดรถในลักษณะกีดขวางการจราจรในบางช่วงเวลาในบางจุด เช่น จอดซ้อนคัน บางครั้งเบียดกันซ้อนถึง 3 คันจากด้านซ้าย โดยเฉพาะบริเวณก่อนถึงบริษัทขนส่ง (ขนสินค้าไปต่างจังหวัด) ที่มีเยอะช่วงต้นของพุทธมณฑลสาย 3 (ใกล้ถนนบรมราชชนนี) และบริเวณหน้าโรงเรียนขนาดใหญ่บนถนนพุทธมณฑลสาย 3 (ที่อยู่ค่อนไปทางถนนเพชรเกษม) ในช่วงเวลาก่อนเลิกเรียน เป็นต้น
นอกจากสาเหตุเฉพาะจุด เฉพาะเวลาข้างต้น ถนนสองสายนี้ ก็น่าจะเป็นถนน 6 เลน ที่การจราจรไหลลื่นได้ดีพอสมควรแทบจะตลอดเวลาของทุกวัน แม้ในสภาวะที่มีรถจอดด้านซ้ายของแต่ละฝั่งถนนอยู่หนึ่งเลนก็ตาม แต่การที่ “จราจร” ไม่ทราบว่าจากหน่วยงานตำรวจท้องที่หรือ สจร. หรือหน่วยงานไหนก็ตาม มาปักป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” ทำให้เสมือนเป็นการบังคับให้ใครก็ตามที่ต้องการจอดรถกินข้าวกินก๋วยเตี๋ยว หรือจอดแวะซื้อของจากร้านค้าที่อยู่มากมายบนสองฝั่งของถนนสองเส้นนี้นั้น ต้องทำผิดกฎจราจรไปในทันที ทั้งๆ การจอดรถดังกล่าว หากไม่ใช่กรณีตามที่ยกตัวอย่างข้างต้น ก็ไม่น่าก่อให้เกิดปัญหาจราจรเลยแม้แต่น้อย ทำให้หลายๆ คนงงๆ ว่า ปักป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” ทำไม ไม่เห็นมีความจำเป็นเลย เพราะปัญหาการจราจรบนถนนสองเส้นนี้ ขอย้ำว่า “เป็นปัญหาการบังคับใช้กฎจราจรในบางจุดของพื้นที่” และ “การไม่เคารพกฎจราจรในบางช่วงเวลา” เท่านั้น ไม่ใช่ปัญหาความคับคั่งของการจราจรที่เกิดขึ้นตลอดเวลา (ไม่เว้นแม้กระทั่งดึกดื่นเที่ยงคืน หรือเสาร์อาทิตย์ตามที่ป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” บอกเป็นนัย) และไม่ใช่ปัญหาการจราจรที่เกิดขึ้นตลอดเส้นทางจากหัวถนนที่เชื่อมกับบรมราชชนนีไปจรดถนนเพชรเกษมเลยแม้แต่น้อย
ถ้าตำรวจจราจรเคร่งครัดบังคับใช้กฎหมาย เขียนใบสั่ง ใช้เครื่องบังคับล้อ (ล๊อคล้อ) หรือใช้รถลาก รถทุกคันที่จอดบนถนนสองเส้นนี้ ก็คงเป็น “Talk of The Town” อย่างแน่นอน เพราะรถที่เข้าข่ายจอดรถในที่ห้ามจอดตลอด 2 ฝั่ง บนถนนสองเส้น น่าจะมีจำนวนหลายพันคันในแต่ละวัน (ถ้าไม่เชื่อ ลองไล่นับรถที่จอดดูได้ เพราะแค่ช่วงใดช่วงหนึ่งของเวลาของสองถนนรวมกัน ก็น่าจะครึ่งค่อนพันเข้าไปแล้ว) ทั้งๆ ที่รถที่จอดส่วนใหญ่ ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาจราจรเลยแม้แต่น้อย
แต่หากตำรวจจราจรจะอะลุ้มอะหล่วยในบางช่วงบางเวลาหรือในบางจุดพื้นที่ เพราะเห็นแก่ร้านค้าร้านอาหารที่มีอยู่ริมถนนสองเส้นนับร้อยๆ แห่ง ไม่ให้เจ๊งไปอย่างรวดเร็ว เพราะลูกค้านับพันนับหมื่นคนไม่สามารถจอดรถซื้อข้าวของกันได้ในแต่ละวัน ตำรวจอาจถูกมองได้ว่ามีนอกมีในกับร้านค้าร้านอาหารบางแห่ง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ดีเลยที่ความหวังดีของตำรวจดังกล่าวกลับส่งผลให้เกิดภาพลักษณ์เชิงลบเช่นที่ว่า
ปล. ขอโทษที่ต้องร่ายยาวมาก เนื่องจากเผื่อว่าคนปักป้ายหากได้เห็นโพสต์นี้จะได้เข้าใจตรรกะของประเด็น ว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องปักป้าย “ห้ามจอดตลอดเวลา” ตลอดสาย บนถนนสองเส้นนี้เลย เพราะอย่างน้อยที่สุด มันก็กำลังทำให้ผู้คนชินชา (โดยไม่จำเป็น) กับการฝ่าฝืนกฎจราจร