สวัสดีครับ วันนี้ผมอยากจะมาเขียนรีวิวท่องเที่ยวทริปล่าสุด ที่ผมเดินทางเอง โดยใช้ เวสป้า64 คันเดียว
เดินทางเริ่มต้นจากหนองคายไปเที่ยวอุดรฯ หากสนใจการท่องเที่ยวแบบจัดทริปของผม
ติดตามได้ที่เพจกรุบกริบทัวร์ :
https://www.facebook.com/kubkibtour
งั้นผมขอเริ่มต้นพูดถึงทริปนี้ ซึ่งผมมีจุดต่างๆที่ผมได้วางแพลนไว้ตามนี้ครับ
Check point A. Oldie & Sleepy Hostel : โฮสเทลจัดจ้านสุดในย่านนี้
Check point B. วัดป่าภูก้อน : ทำบุญ ไหว้พระพุทธไสยาสน์หินอ่อน
Check point C. หมู่บ้านคีรีวงกต : นั่งรถอีแต๊ก ทานข้าวที่น้ำตก (อาจจะนอนโฮมสเตย์หมู่บ้าน)
Check point D. บ้านม่วง อ.สังคม : ที่คิดๆไว้ คืออยากไปพักริมโขง (อาจจะนอนเคียงโขงชมหมอก)
เริ่มเรื่องเลยนะครับ วันศุกร์ที่ 20 ผมเริ่มเดินทางออกจากหนองคาย เวลาประมาณ 17.30 น. ผมเลือกเดินทางตอนเย็น
เพราะแดดไม่ร้อนมาก ขี่รถสบายๆ ไม่ต้องใส่เสื้อคุมกันแดด ระยะทางจากหนองคายไปอุดรฯ 55km ผมใช้เวลาในการขี่เวสป้า 1 ชั่วโมง
เจอจุดไหนสวยๆ ก็แวะถ่ายรูปซะหน่อย พยายามบอกตัวเองว่า ชิลนะ ไม่เร่งตัวเอง ตามอารมย์ตัวเอง ทริปนี้เราอยากมาแบบนี้จริงๆ
Check point A : Oldie and Sleepy Hostel : 19.30 น.
เมื่อผมไปถึงโฮสเทล ผมก็เจอพี่โต้ง(เจ้าของโฮสเทล) เหมือนกำลังเดินมาเปิดไฟ ช่วงนี้กิจกรรมช่วงเย็นของที่นี่คือ ทำชีสเค้ก
สนใจสอบถามโฮสเทลเพจ : Oldie and Sleepy Hostel เบอร์โทร 088 697 9406
ผมก็เก็บของ และมีจอนเป็นหนุ่มน้อยชาวอเมริกา ที่มาช่วยทำงานในโฮสเทล ซึ่งจะแนะนำห้องต่างๆ
ให้ผมรับทราบ และผมก็มานั่งดูพี่โต้งทำชีสเค้ก นั่งคุยกันไปจิบเบียร์กันไป(เรื่องคุยเยอะมากมาย) จนได้เวลาพี่โต้งและพี่แพร์
ต้องไปอบชีสเค้กอีกที ส่วนผมก็ต้องพักแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า..
เช้าวันที่ 22 กันยายน 2561 : ไปรับคนรู้ใจที่ บขส. ตอน 6 โมงเช้า
ผมพากลับมาอาบน้ำที่โฮสเทล เตรียมตัวออกเดินทางตามที่เราได้แพลนไว้ แท๊นๆๆๆ 07.30 น. เราออกเดินทางไปหนองประจักษ์
เพื่อไปทานอาหารเช้า แต่เมื่อขี่รถไปเราเจอกับศาลหลักเมือง เราตั้งใจว่าเดี๋ยวทานข้าวเช้าเสร็จต้องมากราบขอพรก่อนเดินทาง
9.00 น. เราเดินทางออกจากตัวเมืองอุดรฯ ไปวัดป่าภูก้อน ระยะทาง 120km แวะปั้มน้ำมัน อ.บ้านผือ, อ.น้ำโสม
และเติมน้ำมันก่อนทางขึ้นวัด ค่าน้ำมันจากตัวเมืองอุดรฯมาวัดป่าภูก้อน ผมเติมครั้งละ 120 บาท
เพราะเวสป้า64 ไม่มีเข็มน้ำมัน ต้องกะระยะทางเอาโดยปกติผมก็จะนับไว้ 50km ก็จะพักรถที เติมน้ำมันเต็มถัง + 2T หนาๆหน่อย
Check Point ฺB. วัดป่าภูก้อน : เวลา 11.30 น. เรามาถึงแล้ว และก็แวะถ่ายรูปหน้าทางเข้าก่อน เพื่อเป็นการยืนยัน 5555+
วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี
อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย และพระพุทธไสยาสน์หินอ่อนขาว ยาว 20 เมตร พร้อมพระวิหาร
หวังให้เป็นเอกลักษณ์ทางพุทธศิลป์แห่งสมัยรัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะโดยได้ความอนุเคราะห์จากท่านอาจารย์นริศ รัตนวิมล
ผู้เป็นยอดศิลปินประติมากรหินของไทย เป็นผู้ออกแบบและแกะสลักองค์พระพุทธไสยาสน์
12.00 น. เราเดินทางต่อไปหมู่บ้านคีรีวงกต ซึ่งห่างจากวัดป่าภูก้อน 35km แต่เส้นทางจะเป็นขึ้นเขา นี่แหละครับทีเด็ดของผม
ก่อนเดินทาง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผมออกมาทานร้าน อีสานแซบ อยู่หน้าทางเข้าวัดป่าภูก้อน
เมนูวันนี้ ส้มตำ ปลาเผา เกาเหลา ข้าวเปล่า ... ฟินมากครับ
Vespa ผมยังไม่เคยขึ้นเขาแบบจริงๆจังๆ สักที การเดินทางไปหมู่บ้านครีวงกต จะผ่านเส้นทางที่สวยมากๆ เพราะมีทั้ง
ทุ่งนา ภูเขา ป่าไม้ ในสายตาผมมองว่ามันยังคงเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก ระหว่างที่ผมขี่ไปตามทาง ได้มีกลุ่มเด็กในพื้นที่
โบกมือทักทาย ยิ้มให้ ผมจึงโบกมือทักทายกลับ ช่วงที่ผมผ่านกลุ่มเด็กมา ผมได้เจอกับจุดขึ้นเขาที่ผมคิดว่าน่าจะชันที่สุด
สำหรับ Vespa64 ของผมเข้าแล้ว ทั้งเป้ ทั้งคนขับ คนซ้อน รวมๆน้ำหนัก น่าจะมี 200KG น้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ
สุดท้ายรถขึ้นไม่ไหว ผมเลยให้พี่เล็กลงเดิน ผมบิดหมดปลอก และในที่สุดผมก็ไต่ขึ้นมาได้ ในขณะที่พี่เล็กกำลังเดินขึ้นมา
ความโชคดีก็เดินตามมาด้วย....คือ น้องๆ กลุ่มที่โบกมือทักทาย ได้ขี่รถขึ้นเขามาเช่นกัน จะด้วยว่าน้องๆขี่ผ่านเพื่อกลับบ้าน
หรือ ขี่เพื่อมาดูผม เพราะน้องคงลุ้นเช่นกันว่าจะขึ้นจุดนี้ได้ไหม แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร น้องๆก็มีน้ำใจด้วยการให้พี่เล็กซ้อนท้าย
ขึ้นเขามาด้วย น้องๆขี่มาส่งตรงจุดที่ผมสามารถไปต่อกันได้แล้ว ผมจึงขอน้องๆถ่ายภาพเพื่อเก็บ เป็นความทรงจำดีๆ
ทำให้ผมคิดว่า มิตรภาพเกิดได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานการณ์
Check Point C. หมู่บ้านคีรีวงกต : 14.15 น. ผมแวะไปสอบถามข้อมูลที่จุดสอบถามสำหรับนักท่องเที่ยว
พบว่าวันนี้มีทัวร์มาลง 30 ท่าน ซึ่งจริงๆแล้ว การมาเที่ยวหมู่บ้านคีรีวงกตมานอนโฮมสเตย์หมู่บ้าน ควรโทรจองก่อนจะดีกว่าครับ
เพราะทางหมู่บ้านจะได้จัดโฮมสเตย์ไว้ ทั้งในเรื่องอาหารเย็น + อาหารเช้าด้วย สอบถามข้อมูลโดยตรงได้ที่ผู้ใหญ่นรินทร์ อนันทวรรณ์
โทร.083-1479004 ส่วนผมตอนแรกตั้งใจว่าจะมาทานข้าวป่า ที่น้ำตก มาไม่ทันแล้วครับ ทางหมู่บ้านไม่ได้จัดไว้รอ
มีแต่โปรแกรมนั่งอีแต๊กเที่ยวน้ำตก ค่าเหมารถอีแต๊ก 500 บาท และที่พัก ถ้าผมจะนอน ต้องได้ขี่รถไปสอบถามชาวบ้านเอง
(ควรโทรมาจองดีกว่า มีห้องแอร์ด้วย) เพราะบ้านของผู้ใหญ่เต็มหมดแล้ว ผมเลยตัดสินใจไว้คราวหน้า รอบนี้คงได้แค่มาแวะดูก่อน
และเราก็เดินทางต่อไป บ.ม่วง อ.สังคม ..... แง๊นๆ ไปต่อครับ
ตั้งใจไว้อีกอย่าง คือ ไปนอนที่พัก เคียงโขงชมหมอก ทานหมูกระทะชมโขง น่าจะฟิน ปกติมาบ้านม่วง ผมจะมาช่วงธันวาคม
เพื่อมาดูทะเลหมอก ภูห้วยอีสัน แต่รอบนี้มาเดือนกันยายนเลย จะมีหมอกให้เห็นกันรึป่าว ติดตามต่อเลยครับ
ก่อนถึงบ้านม่วง ผมวิ่งเส้นริมโขงจะพบกับ หนองปลาบึก แวะถ่ายรูปหน่อย
Check Point D. เคียงโขงชมหมอก : 16.00 น. พวกเราถึงบ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย
เพจที่พัก : เคียงโขงชมหมอก เบอร์โทร. 087-2195500(นายกโจ้)
เมื่อไปถึงที่พัก ผมได้เข้าพักบ้านริมแม่น้ำโขง ราคา 450 บาท(Low Season) ถ้าช่วงตุลาคม-มกราคม ราคา 800 บาท(high season)
เจ้าของรีสอร์ทที่นี่ใจดีมากๆ ดูแลเป็นกันเอง พร้อมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในบ้านม่วง
เราได้สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ โดยท่านนายกพาเราไปชื่อว่า ชมทุ่งแสงจันทน์ สถานที่นอกแพลนเราควรค่าแก่การมาชมจริงๆ
กำลังทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักคงรอสักระยะน่าจะเปิดให้บริการได้อย่างเต็มที่ เราถ่ายรูปเล่นกันสักพักแสงหมด
เราก็ขี่รถกลับที่พัก พร้อมกับความหิว มื้อเย็นนี้สงสัยจัดหนักแน่นอน 55555+
เราสั่งหมู่กระทะมา 1 ชุด นั่งย่างชิวๆริมโขง อร่อยแบบบ้านๆ ฟินมากครับ ส่วนโปรแกรมตอนเช้า
ผมสอบถามท่านนายกโจ้ ว่าจะไปภูผาดักได้ไหมช่วงนี้ หมอกน่าจะสวย พอดีกับเพื่อนท่านนายกมาพอดี
ท่านเลยอาสาพาขึ้นไปเปิดประเดิมชมหมอกที่ภูผาดักด้วย ... โชคดีมากๆ ครับ
โดยนัดกันไว้ ตี 5.00 น. พบกัน ไฟฉาย+น้ำเปล่า
เช้าวันที่ 22 กันยายน 2561 : เราตื่นมากันตอนตี 4.30 น. ล้างหน้า แปรงฟัน เตรียมไฟฉาย เตรียมกล้อง เตรียมพร้อมเดินทางไปภูผาดัก
ได้เวลาท่านนายกโจ้ ขับรถมารับพวกเรา และก็ออกเดินทางไปที่ทางขึ้นภูผาดัก ซึ่งอยู่ในวัดป่า เราเดินกันประมาณ 800m
ระยะความสูง 450m ใช้เวลาเดิน 45 นาที ไปถึงยอดภูผาดัก 6โมงเช้า พอดี หมอกเริ่มๆ ก่อตัว พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นเหนือยอดเขา
วิวแม่น้ำโขง ภูเขาฝั่งไทยและลาว งดงามมากๆ เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่จริงๆครับ สวยงามสุดตาจริงๆ
พอช่วงประมาณ 7.30 น. เราก็เดินลง เพื่อเดินทางกลับไปยังรถ เพื่อกลับที่พัก ขากลับนี่สบายเลยลงเดินลงอย่างเดียว
แล้วก็ได้เวลากลับบ้านแล้วครับ จากบ้านม่วงไปเมืองหนองคาย ก็ประมาณ 105Km ใช้เวลา 2ชั่วโมงกว่าๆ
ทริปนี้คุ้มค่ากับการเดินทาง คันเดียวประสบการณ์ดีๆ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนหมดนะครับ
[CR] แบกเป้ขี่เวสป้า64 คันเดียว ตะลุยเที่ยวอุดร-หนองคาย ชมทะเลหมอกภูผาดัก [3คืน2วัน]
เดินทางเริ่มต้นจากหนองคายไปเที่ยวอุดรฯ หากสนใจการท่องเที่ยวแบบจัดทริปของผม
ติดตามได้ที่เพจกรุบกริบทัวร์ : https://www.facebook.com/kubkibtour
งั้นผมขอเริ่มต้นพูดถึงทริปนี้ ซึ่งผมมีจุดต่างๆที่ผมได้วางแพลนไว้ตามนี้ครับ
Check point A. Oldie & Sleepy Hostel : โฮสเทลจัดจ้านสุดในย่านนี้
Check point B. วัดป่าภูก้อน : ทำบุญ ไหว้พระพุทธไสยาสน์หินอ่อน
Check point C. หมู่บ้านคีรีวงกต : นั่งรถอีแต๊ก ทานข้าวที่น้ำตก (อาจจะนอนโฮมสเตย์หมู่บ้าน)
Check point D. บ้านม่วง อ.สังคม : ที่คิดๆไว้ คืออยากไปพักริมโขง (อาจจะนอนเคียงโขงชมหมอก)
เริ่มเรื่องเลยนะครับ วันศุกร์ที่ 20 ผมเริ่มเดินทางออกจากหนองคาย เวลาประมาณ 17.30 น. ผมเลือกเดินทางตอนเย็น
เพราะแดดไม่ร้อนมาก ขี่รถสบายๆ ไม่ต้องใส่เสื้อคุมกันแดด ระยะทางจากหนองคายไปอุดรฯ 55km ผมใช้เวลาในการขี่เวสป้า 1 ชั่วโมง
เจอจุดไหนสวยๆ ก็แวะถ่ายรูปซะหน่อย พยายามบอกตัวเองว่า ชิลนะ ไม่เร่งตัวเอง ตามอารมย์ตัวเอง ทริปนี้เราอยากมาแบบนี้จริงๆ
Check point A : Oldie and Sleepy Hostel : 19.30 น.
เมื่อผมไปถึงโฮสเทล ผมก็เจอพี่โต้ง(เจ้าของโฮสเทล) เหมือนกำลังเดินมาเปิดไฟ ช่วงนี้กิจกรรมช่วงเย็นของที่นี่คือ ทำชีสเค้ก
สนใจสอบถามโฮสเทลเพจ : Oldie and Sleepy Hostel เบอร์โทร 088 697 9406
ผมก็เก็บของ และมีจอนเป็นหนุ่มน้อยชาวอเมริกา ที่มาช่วยทำงานในโฮสเทล ซึ่งจะแนะนำห้องต่างๆ
ให้ผมรับทราบ และผมก็มานั่งดูพี่โต้งทำชีสเค้ก นั่งคุยกันไปจิบเบียร์กันไป(เรื่องคุยเยอะมากมาย) จนได้เวลาพี่โต้งและพี่แพร์
ต้องไปอบชีสเค้กอีกที ส่วนผมก็ต้องพักแล้ว เพราะพรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า..
เช้าวันที่ 22 กันยายน 2561 : ไปรับคนรู้ใจที่ บขส. ตอน 6 โมงเช้า
ผมพากลับมาอาบน้ำที่โฮสเทล เตรียมตัวออกเดินทางตามที่เราได้แพลนไว้ แท๊นๆๆๆ 07.30 น. เราออกเดินทางไปหนองประจักษ์
เพื่อไปทานอาหารเช้า แต่เมื่อขี่รถไปเราเจอกับศาลหลักเมือง เราตั้งใจว่าเดี๋ยวทานข้าวเช้าเสร็จต้องมากราบขอพรก่อนเดินทาง
9.00 น. เราเดินทางออกจากตัวเมืองอุดรฯ ไปวัดป่าภูก้อน ระยะทาง 120km แวะปั้มน้ำมัน อ.บ้านผือ, อ.น้ำโสม
และเติมน้ำมันก่อนทางขึ้นวัด ค่าน้ำมันจากตัวเมืองอุดรฯมาวัดป่าภูก้อน ผมเติมครั้งละ 120 บาท
เพราะเวสป้า64 ไม่มีเข็มน้ำมัน ต้องกะระยะทางเอาโดยปกติผมก็จะนับไว้ 50km ก็จะพักรถที เติมน้ำมันเต็มถัง + 2T หนาๆหน่อย
Check Point ฺB. วัดป่าภูก้อน : เวลา 11.30 น. เรามาถึงแล้ว และก็แวะถ่ายรูปหน้าทางเข้าก่อน เพื่อเป็นการยืนยัน 5555+
วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม ท้องที่บ้านนาคำ ตำบลบ้านก้อง อำเภอนายูง จังหวัดอุดรธานี
อันเป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย และพระพุทธไสยาสน์หินอ่อนขาว ยาว 20 เมตร พร้อมพระวิหาร
หวังให้เป็นเอกลักษณ์ทางพุทธศิลป์แห่งสมัยรัชกาลที่ 9 โดยเฉพาะโดยได้ความอนุเคราะห์จากท่านอาจารย์นริศ รัตนวิมล
ผู้เป็นยอดศิลปินประติมากรหินของไทย เป็นผู้ออกแบบและแกะสลักองค์พระพุทธไสยาสน์
12.00 น. เราเดินทางต่อไปหมู่บ้านคีรีวงกต ซึ่งห่างจากวัดป่าภูก้อน 35km แต่เส้นทางจะเป็นขึ้นเขา นี่แหละครับทีเด็ดของผม
ก่อนเดินทาง กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ผมออกมาทานร้าน อีสานแซบ อยู่หน้าทางเข้าวัดป่าภูก้อน
เมนูวันนี้ ส้มตำ ปลาเผา เกาเหลา ข้าวเปล่า ... ฟินมากครับ
Vespa ผมยังไม่เคยขึ้นเขาแบบจริงๆจังๆ สักที การเดินทางไปหมู่บ้านครีวงกต จะผ่านเส้นทางที่สวยมากๆ เพราะมีทั้ง
ทุ่งนา ภูเขา ป่าไม้ ในสายตาผมมองว่ามันยังคงเป็นธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก ระหว่างที่ผมขี่ไปตามทาง ได้มีกลุ่มเด็กในพื้นที่
โบกมือทักทาย ยิ้มให้ ผมจึงโบกมือทักทายกลับ ช่วงที่ผมผ่านกลุ่มเด็กมา ผมได้เจอกับจุดขึ้นเขาที่ผมคิดว่าน่าจะชันที่สุด
สำหรับ Vespa64 ของผมเข้าแล้ว ทั้งเป้ ทั้งคนขับ คนซ้อน รวมๆน้ำหนัก น่าจะมี 200KG น้ำหนักไม่ใช่น้อยๆ
สุดท้ายรถขึ้นไม่ไหว ผมเลยให้พี่เล็กลงเดิน ผมบิดหมดปลอก และในที่สุดผมก็ไต่ขึ้นมาได้ ในขณะที่พี่เล็กกำลังเดินขึ้นมา
ความโชคดีก็เดินตามมาด้วย....คือ น้องๆ กลุ่มที่โบกมือทักทาย ได้ขี่รถขึ้นเขามาเช่นกัน จะด้วยว่าน้องๆขี่ผ่านเพื่อกลับบ้าน
หรือ ขี่เพื่อมาดูผม เพราะน้องคงลุ้นเช่นกันว่าจะขึ้นจุดนี้ได้ไหม แต่ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร น้องๆก็มีน้ำใจด้วยการให้พี่เล็กซ้อนท้าย
ขึ้นเขามาด้วย น้องๆขี่มาส่งตรงจุดที่ผมสามารถไปต่อกันได้แล้ว ผมจึงขอน้องๆถ่ายภาพเพื่อเก็บ เป็นความทรงจำดีๆ
ทำให้ผมคิดว่า มิตรภาพเกิดได้ทุกเพศ ทุกวัย ทุกสถานการณ์
Check Point C. หมู่บ้านคีรีวงกต : 14.15 น. ผมแวะไปสอบถามข้อมูลที่จุดสอบถามสำหรับนักท่องเที่ยว
พบว่าวันนี้มีทัวร์มาลง 30 ท่าน ซึ่งจริงๆแล้ว การมาเที่ยวหมู่บ้านคีรีวงกตมานอนโฮมสเตย์หมู่บ้าน ควรโทรจองก่อนจะดีกว่าครับ
เพราะทางหมู่บ้านจะได้จัดโฮมสเตย์ไว้ ทั้งในเรื่องอาหารเย็น + อาหารเช้าด้วย สอบถามข้อมูลโดยตรงได้ที่ผู้ใหญ่นรินทร์ อนันทวรรณ์
โทร.083-1479004 ส่วนผมตอนแรกตั้งใจว่าจะมาทานข้าวป่า ที่น้ำตก มาไม่ทันแล้วครับ ทางหมู่บ้านไม่ได้จัดไว้รอ
มีแต่โปรแกรมนั่งอีแต๊กเที่ยวน้ำตก ค่าเหมารถอีแต๊ก 500 บาท และที่พัก ถ้าผมจะนอน ต้องได้ขี่รถไปสอบถามชาวบ้านเอง
(ควรโทรมาจองดีกว่า มีห้องแอร์ด้วย) เพราะบ้านของผู้ใหญ่เต็มหมดแล้ว ผมเลยตัดสินใจไว้คราวหน้า รอบนี้คงได้แค่มาแวะดูก่อน
และเราก็เดินทางต่อไป บ.ม่วง อ.สังคม ..... แง๊นๆ ไปต่อครับ
ตั้งใจไว้อีกอย่าง คือ ไปนอนที่พัก เคียงโขงชมหมอก ทานหมูกระทะชมโขง น่าจะฟิน ปกติมาบ้านม่วง ผมจะมาช่วงธันวาคม
เพื่อมาดูทะเลหมอก ภูห้วยอีสัน แต่รอบนี้มาเดือนกันยายนเลย จะมีหมอกให้เห็นกันรึป่าว ติดตามต่อเลยครับ
ก่อนถึงบ้านม่วง ผมวิ่งเส้นริมโขงจะพบกับ หนองปลาบึก แวะถ่ายรูปหน่อย
Check Point D. เคียงโขงชมหมอก : 16.00 น. พวกเราถึงบ้านม่วง อ.สังคม จ.หนองคาย
เพจที่พัก : เคียงโขงชมหมอก เบอร์โทร. 087-2195500(นายกโจ้)
เมื่อไปถึงที่พัก ผมได้เข้าพักบ้านริมแม่น้ำโขง ราคา 450 บาท(Low Season) ถ้าช่วงตุลาคม-มกราคม ราคา 800 บาท(high season)
เจ้าของรีสอร์ทที่นี่ใจดีมากๆ ดูแลเป็นกันเอง พร้อมแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในบ้านม่วง
เราได้สถานที่ท่องเที่ยวใหม่ โดยท่านนายกพาเราไปชื่อว่า ชมทุ่งแสงจันทน์ สถานที่นอกแพลนเราควรค่าแก่การมาชมจริงๆ
กำลังทำเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและที่พักคงรอสักระยะน่าจะเปิดให้บริการได้อย่างเต็มที่ เราถ่ายรูปเล่นกันสักพักแสงหมด
เราก็ขี่รถกลับที่พัก พร้อมกับความหิว มื้อเย็นนี้สงสัยจัดหนักแน่นอน 55555+
เราสั่งหมู่กระทะมา 1 ชุด นั่งย่างชิวๆริมโขง อร่อยแบบบ้านๆ ฟินมากครับ ส่วนโปรแกรมตอนเช้า
ผมสอบถามท่านนายกโจ้ ว่าจะไปภูผาดักได้ไหมช่วงนี้ หมอกน่าจะสวย พอดีกับเพื่อนท่านนายกมาพอดี
ท่านเลยอาสาพาขึ้นไปเปิดประเดิมชมหมอกที่ภูผาดักด้วย ... โชคดีมากๆ ครับ
โดยนัดกันไว้ ตี 5.00 น. พบกัน ไฟฉาย+น้ำเปล่า
เช้าวันที่ 22 กันยายน 2561 : เราตื่นมากันตอนตี 4.30 น. ล้างหน้า แปรงฟัน เตรียมไฟฉาย เตรียมกล้อง เตรียมพร้อมเดินทางไปภูผาดัก
ได้เวลาท่านนายกโจ้ ขับรถมารับพวกเรา และก็ออกเดินทางไปที่ทางขึ้นภูผาดัก ซึ่งอยู่ในวัดป่า เราเดินกันประมาณ 800m
ระยะความสูง 450m ใช้เวลาเดิน 45 นาที ไปถึงยอดภูผาดัก 6โมงเช้า พอดี หมอกเริ่มๆ ก่อตัว พระอาทิตย์ก็เริ่มขึ้นเหนือยอดเขา
วิวแม่น้ำโขง ภูเขาฝั่งไทยและลาว งดงามมากๆ เป็นเอกลักษณ์ของที่นี่จริงๆครับ สวยงามสุดตาจริงๆ
พอช่วงประมาณ 7.30 น. เราก็เดินลง เพื่อเดินทางกลับไปยังรถ เพื่อกลับที่พัก ขากลับนี่สบายเลยลงเดินลงอย่างเดียว
แล้วก็ได้เวลากลับบ้านแล้วครับ จากบ้านม่วงไปเมืองหนองคาย ก็ประมาณ 105Km ใช้เวลา 2ชั่วโมงกว่าๆ
ทริปนี้คุ้มค่ากับการเดินทาง คันเดียวประสบการณ์ดีๆ ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนหมดนะครับ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้