นรก 6 เมตร

     ตัวอย่างทำให้ผมอยากดูหนังเรื่องนี้ครับ หนังมีทั้งพี่เคน ธีรเดช พระเอกมาดแมนแฮนซั่มที่ถ้าใครเกิดทันยุค "รถไฟฟ้า มาหานะเธอ" หรือละครน้ำเน่าอย่าง "ใจร้าว" จะคุ้นเคยกับพี่แกอย่างดี และผกก. พิง ลำพระเพลิง ที่เคยทำผมน้ำตาไหลมาแล้วใน "โคตรรักเองเลย" คือชื่อทีมงานก็สนใจแล้วล่ะครับ บวกกับพล็อตที่น่าสนใจ เป็นเรื่องราวที่หนังไทยไม่ค่อยทำ วันนี้ผมก็ได้มาพิสูจน์รสชาติของ "The Pool นรก 6 เมตร" ครับ

เรื่องย่อ

     “เดย์” ( เคน ธีรเดช ) ฝ่ายอาร์ตกองถ่ายโฆษณา ถูกทิ้งให้อยู่โยงเคลียร์สระกระโดดน้ำร้างแต่เพียงลำพังหลังเลิกกอง ด้วยความเหนื่อยล้าจากการทำงานหนักมาทั้งคืน เดย์เผลอหลับบนแพยาง โดยไม่ทันตระหนักว่าเพื่อนร่วมงานคนสุดท้ายที่เพิ่งกลับไป ได้เปิดระบบปล่อยน้ำในสระออกไปแล้ว และเมื่อเดย์รู้สึกตัวอีกที เขาพบว่าระดับน้ำได้ลดลงจนถึงระดับที่ไม่สามารถปีนขึ้นจากสระได้ เดย์พยายามตะโกนขอความช่วยเหลือ แต่ก็ไร้เสียงตอบรับใดๆ
     “ก้อย” ( เกรซ รัชย์ณมนทร์ ) แฟนสาวของเดย์ ตั้งใจมาเซอร์ไพรส์เขาที่สระ ด้วยการโดดลงมาหาจากแท่นกระโดด โดยไม่ทันได้สังเกตระดับน้ำ ซึ่งเสียงตะโกนห้ามของเดย์ ทำให้ก้อยเสียจังหวะ พลาดตกลงไปในสระจนได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
     ในขณะที่ทั้งคู่กำลังอับจนหนทาง และเฝ้าปลอบใจตัวเองว่า “คงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว” จระเข้ตัวเขื่อง ที่มาจากไหน ไม่มีใครรู้ กลับกำลังคืบคลานเข้ามาหาพวกเขาอย่างช้าๆ
     นอกจากการเอาชีวิตรอด จากสระลึก 6 เมตร ที่ไม่มีน้ำ ไม่มีบันได และไม่มีทางออกแล้ว บทเริ่มต้นของ “มัจจุราชเงียบ” ที่แท้จริงก็กำลังจะเริ่มต้นขึ้น

"เส้นทางใหม่ของหนังไทย ที่ไฉไลระดับฮอลลีวู้ด"

     ระหว่างดูผมก็แอบนึกถึงหนังเอาตัวรอดเรื่องที่ผ่านๆ มาครับ ทั้ง The Shallows หนังหนีฉลามในเขตน้ำตื้นที่ได้นางเอกสุดฮ็อต Blake Lively มาโชว์ฝีมือการแสดงสุดพีค หรือหนัง Don't Breathe ที่เล่นกับที่แคบได้ดี และก็หนัง A Quiet Place ที่เล่นกับเสียงได้ดีมาก พอมาดูเรื่องนี้ มันก็ยังมีพล็อตอะไรน่าสนใจมาขายได้ครับ ที่ผมแอบประทับใจไอเดียของพี่พิงก็เพราะ

1. "หนังเรื่องนี้เป็นเหมือนตราสัญลักษณ์แห่งความกล้า บ้า และแหวกที่สุดเท่าที่ไทยเคยทำมา(มั้ง?)"

2. "หนังเรื่องนี้สามารถขึ้นไปเทียบกับหนังที่ยกตัวอย่างมาได้อย่างสบายๆ ซึ่งก็เป็นอะไรที่น่ายกย่องสำหรับหนังไทย"

"แต่ไฉนเล่า คุณเขาถึงทำได้ไม่สุดซักทาง"

     แต่กระนั้นครับ การกำกับของพิงก็ยังคงทำได้ดีตามมาตรฐานของพี่แก แต่สิ่งที่หนังเรื่องนี้พลาดอย่างมหันต์ นั่นก็คือ "สัพพล็อต"
     โดยพล็อตหลักหนังจะเล่าเรื่องที่เดย์จะเอาตัวรอดยังไงให้ขึ้นจากสระแห่งความบรรลัยนี้ได้ แต่หนังก็พยายามจะใส่พล็อตรองมาครับ ทั้งเรื่อง Background ของตัวละครที่แอบมีดราม่าเล็กน้อย หรือแม้กระทั่งความรักของเดย์-ก้อย ถามว่าดีมั้ย? ใช้ได้ครับ แต่ขยี้ได้ไม่สุด เลยไม่อิน และกลายเป็นปัญหาขัดใจว่า "ใส่มาเพรื่อ!" แล้วหนังเลือกที่จะเล่าแบบ Flashback ครับ ทำให้อารมณ์ที่กำลังลุ้นๆ อยู่ กลับสะดุดเอี๊ยดเพราะย้อนเล่าเรื่อง T_T

"พี่เคนไม่ทำผมผิดหวัง"

     พี่เคน ธีรเดชในบทนี้เด่นจริงๆ ครับ และพี่แกก็ทำหน้าที่สมกับคำอวยของผมได้สมน้ำสมเนื้อ ฉากที่ต้องเอาตัวรอด พี่แกก็เล่นได้ครับ หรือแม้กระทั่งฉากที่พี่แกต้องระเบิดอารมณ์ออกมา พี่แกก็ทำได้ครับ ถ้านักแสดงไม่เก่งจริง บทของเดย์จะบิดเบี้ยวกว่านี้ครับ และก็จะไม่ค่อยน่าเชื่อถือว่าเขาอยู่ในโมเม้นท์นั้นจริงๆ และอีกตัวละครที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ........น้องหมาครับ (คิดว่าจะเป็นพี่เข้ละสิ คริคริ) ตัวละครนี้ก็สำคัญอยู่ในระดับนึง หรือเรียกง่ายๆ เป็น "ตัวกำเนิดความบรรลัยครับ" 555+ แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เลวร้ายที่สุดครับ สิ่งที่เลวร้ายที่สุดของหนังก็คือ..."ตอนจบ!"

สรุป

     หนังทำได้ดีในแง่ความบันเทิง (ถ้าไม่คิดเรื่องความไม่เมคเซ้นส์) คิดว่าเรื่องนี้ดูเพลิน ดูได้ทั้งครอบครัว(วัยทำงาน) ความสนุกของหนังอยู่ที่ฉากเอาตัวรอดและการแสดงของพี่เคน แต่นอกเหนือจากนั้น.....หนังยังทำได้ไม่พีคมากนัก

ไปดูเอามันส์ :
ตั๋วราคาเต็ม
ไปดูหนังระทึกบทดี : ทำใจรอสตรีม/ดูตั๋วลดราคา