NCT127 ไปออกรายการที่อเมริกาในครั้งนี้ จะสามารถตีตลาดอเมริกาได้เหมือนบังทันไหม

กระทู้คำถาม
เห็นข่าวที่ NCT127 จะไปออกรายการที่อเมริกา แล้วตื่นเต้นมากกกกก
อยากรู้ว่าน้องๆมีสิทธิ์ที่จะตีตลาดได้เหมือนบังทันไหม นี่อยากให้น้องทำได้นะ
เพราะเป็นวงที่มีของอ่ะ แต่แนวเพลงอาจไม่ถูกหูคนเกาเท่าไหร่ กระแสน้องในเกาเลยกลางๆ
ลุ้นให้น้องไปอเมริกาแล้วปังๆ โดยส่วนตัวก็ตามน้องๆอยู่ เลยอยากให้น้องไปแล้วปัง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
ต้องเข้าใจก่อนนะคะว่าบังทันตีตลาดอเมริกาได้ตอนที่ยังไม่ได้ออกรายการอะไร ยังไม่มีการโปรโมทในอเมริกาอย่างเป็นทางการด้วยซ้ำ แต่การไปออกรายการทำให้คนรู้จักเพิ่มเยอะขึ้นไหม บอกได้เลยว่าใช่

ส่วนNCTก็ไม่ต่างกัน การไปออกรายการคนรู้จักเยอะขึ้นแน่นอน แต่ถ้าตามมาฟังเพลงอาจจะชอบจนตามมาเป็นแฟนคลับหรือไม่มันอยู่ที่ความชอบของแต่ละคนจริงๆ เป็นเรื่องที่ตอบยากนะคะ รอให้ไปออกก่อนคงมีคำตอบ มีกระทู้แบบนี้ก็กลัวจะมีดราม่าเปล่าๆเพราะมันมีการยกเอาสองวงมาพูดถึงกันน่ะค่ะ
ความคิดเห็นที่ 13
เอาเรื่องไหนก่อนดี

1.ตีตลาดอเมริกา นี่คิดว่าไม่ขนาดนั้นค่ะ คือ เอสเอ็มทิ้งฐานแฟนคลับในเอเชียไม่ได้แบบไม่ได้เลย 127 มีตลาดญี่ปุ่น เห็นใจยูตะนิดนึง  เขาเลือกเดบิวมาเพื่อโตเกียวโดมมากกว่าแน่ๆ Unit 127 มีตารางทัวร์คอนเสิร์ต ที่ญี่ปุ่น และต้องทำการโปรโมท ในอีกไม่นาน

2. ไหนจะมีวินวินอีก อีกไม่กี่เดือน Unit จีนจ่อคิวรออยู่แล้ว
เนทีฟสปีคเกอร์ ที่พูดภาษาอังกฤษ ได้จริงๆ ครั้งแรกของยูนิต 127 คนเดียวเองนะคือ มาร์ค แคนาเดี้ยนบอย    แต่ตอนนี้มีจอห์นนี่จากชิคาโกมาเพิ่มด้วย นอกนั้นภาษาอังกฤษรองมาคือแจฮยอน ที่เหลือก็ฝึกฝนกันอยู่ Level มากน้อยต่างกันไป

3. กลับมาคำถามสำหรับตลาดอเมริกา ฟี้ดแบค 127 ในอเมริกาคือโออยู่ จากเพื่อนเราไป K- CONCERT ที่รวมไอดอลรุ่นใหม่นะ  ผลตอบรับใช้ได้เลย ลองไปดูค่ะแล้วจะรู้ได้ว่าจริง แต่มันก็ไม่ใช่การไปทำตลาดแบบ BTS ที่ศึกษา Culture แนวเพลงฝั่งนั้นมา ทำการบ้านมานานกว่า แล้วบุกตลาดแบบเมนสตรีมในช่วงหลัง ยิ่งฟึ้ดแบคดีก้อไปต่อยาวๆ เราคิดว่ามันเป็นลักษณะการทำตลาดแบบใช้เพลงขึ้นมาก่อน จริงๆก็ไม่อยากยกตัวอย่างให้มีประเด็น คล้ายๆกับตอนที่โทโฮชินกิบุกตลาดญี่ปุ่นที่ เริ่มตั้งแต่ฐานราก โดยเริ่มต้นจากการติดลบ จนประสบความสำเร็จทุกวันนี้ ยิ่งทำให้แฟนคลับภูมิใจมากๆ เพราะเวลาผ่านกระทู้ที่เกี่ยวกับบังทัน  จะเห็นเวลาแฟนคลับเขามาเม้นท์  

ว่ากว่าจะถึงวันนี้มันไม่ได้ง่าย ตรงข้ามกับวงรุ่นใหม่หรือ nct ที่จะเข้าด้วยวิธีการเปิดตัวกับ รายการที่ดังมากๆ จะ ด้วย Connection หรืออะไรก็แล้วแต่  แต่สุดท้ายแล้ว คนตอบได้ คือคนดูที่ตัดสินใจว่าจะตามต่อหรือไม่ตาม ถ้าออกมา feedback ดี  ปรับแผนใหม่ อาจจะมาบ่อยขึ้น แต่ก็ไม่ได้ยึดเป็นตลาดหลักตลาดเดียว เพราะมีตลาดเอเชียที่ทิ้งไม่ได้ = ที่น้องเคยบอกแหละว่าจะไปทั้งโลก ไม่เจาะลึกแต่กระจาย ตามเส้นแผนภูมิที่ขีดไว้ตรงโปรเจคเตอร์ของระบบที่ผู้บริหารเขาแนะนำ

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ

127 เองต้องไปตลาด ญี่ปุ่น เป็นอีกตลาดหลักที่ต้องทำควบ  แต่สำหรับตลาดตะวันตกก็น่าจะไปมากกว่าสมัยวงรุ่นพี่แน่นอน ด้วยการใช้สื่อ อิทธิพลของ SNS ที่ทำให้โลกมันแคบลงด้วยเสียงเพลง แต่ส่วนการทำเพลงให้เข้าถึงคนฟังขนาดบังทัน คลุกคลีกับการใช้ชีวิตของตลาดอเมริกา ทำเพลงสื่อถึงจิตใจ ไลฟ์สไตล์ของวัยรุ่น บังทันใช้แนว Contemporary Youth ใช่ไหมล่ะ เพลงที่ออกก็จะเป็นการสะท้อนอะไรของสังคมหรือสิ่งที่วัยรุ่นทั่วโลกพบเจอ มันถูกจริตกับฝั่งนู้นอยู่แล้ว  จากนั้นก็คือตามมาด้วยฐานแฟนคลับอินเตอร์ แล้วก็อะไรหลายอย่างที่เกิดขึ้นจนยิ่งใหญ่ทุกวันนี้ สิ่งแรกก็คือตัวเพลง + การแสดง ก่อนถูกไหม ?


ตัดไป NCT ก็คนละเรื่อง ทั้งเพลง ทั้งความหมาย จะเก๋หน่อยก็ตรงท่าเต้นกับซาวด์บางอย่างที่ฝรั่งบางกลุ่มชอบ

ครั้งนี้ SM  ไม่รู้คราวนี้จะทำมาแนวไหน เห็นว่าจะเป็น เพลงละตินแร็ปสักอย่าง แค่ชื่อยังไม่รู้เลยว่า Genre ไหน แต่ไปเสิรชมาสไตล์นี้น่าจะเป็นที่นิยมแถวอเมริกาใต้ แต่พี่ท่านไปอเมริกาเหนือ โอเค เดี๋ยวค่อยดูเอาว่าจะออกมายังไง เห็นเพลงบอกว่าจะเป็นการทดลองแนวใหม่อะไรสักอย่าง เหมือนน้องจะเกริ่นๆ ด้วยว่าเป็นเพลงที่ต้องอาศัยการทำความเข้าใจ = ฟังยากแน่นอน

วิธีคิดของ Big Hit กับ SM ต่างกันพอสมควรเลยค่ะในเรื่องการทำงาน เราว่ากว่าที่บังทันดังฝั่งตะวันตกเพราะเขาทุ่มเทกับตลาดตรงนี้มาก จะได้ของชิ้นใหญ่ก็ต้องทุ่มเทมาหนัก สู้มาหลายปีและชัดมากว่าฝั่งตะวันตกคือตลาดที่เขาให้ความสนใจกว่าตลาดอื่นๆ  ในตอนนี้ เพราะไปได้สวยกับทางนี้แล้ว
ในขณะที่ SM ตลาดเอเชียชัดเจนเน้น ญี่ปุ่นกับจีน

แต่สำหรับ NCT  =  To The World คือไปทั่วๆ ค่ะ ไม่ได้เจาะจงประเทศใดประเทศนึง แต่โฟกัสที่ตลาดญี่ปุ่นกับจีนมากที่สุด  ตลาดเงินโดยเฉพาะจีนที่ฝั่งตะวันตกก็เข้ามาทำธุรกิจในจีนบ่อย ญี่ปุ่นเป็นตลาดเพลง ไฟลท์บังคับอยู่แล้ว

สมาชิกที่มีหลายเชื้อชาติในยูนิตเดียวกันก็พอบอกได้แล้วว่า เห็นความสำคัญของเชื้อชาติที่มีหลากหลายในยูนิตนั้นที่ไม่ใช่อเมริกาอย่างเดียว หรือต่อให้สักวันนึงมีฐานแฟนคลับในอเมริกาที่มากขึ้นจริง ไม่ได้บอกว่าตีตลาดแตกนะ แค่ทัวร์ได้ เขาก็ต้องบินไปกลับหนักพอๆ กับตลาดหลักอย่างญี่ปุ่น ปีหน้า 127 มีทัวร์ญี่ปุ่นด้วย และก็เล่นใหญ่พอกันนี่ล่ะ แต่ไม่ใช่ในแง่สถานที่แบบออกรายการดังเหมือนอเมริกา แต่ซอยการทำกิจกรรมในญี่ปุ่นให้หลากหลาย

  ถามว่าจับปลาหลายมือไหม ตอบได้เลยว่าไม่เพราะ NCT เพิ่มคนเข้าได้เรื่อยๆ ไม่มีจำกัดอยู่แล้วแม้อาจจะเป็น NCT 127 อะไรก็เกิดขึ้นได้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงของตลาดตลอดเวลา ครั้งนี้เป็นจองอู ครั้งหน้าอาจมีอีกก็ได้

จีนเนี่ยก็ใช่ว่า 127 จะไม่ไป สักวันตลาดจีนเปิด อาจจะปลายปีหน้า เขาก็ไปทัวร์ได้แค่ไม่ได้ทำเป็นจริงเป็นจังเหมือนยูนิตที่ทำเบสหลักเท่านั้นเอง มันไปได้หมดทั่วโลกเหมือนวงรุ่นพี่ในอดีตแค่เพิ่มกิมมิคตรงไม่จำกัดระยะเวลาและ ไม่ต้องสนเรื่องการเข้ากรม  พาสปอร์ตที่ตอนนี้แต่ละคนถืออยู่ในยูนิต 127 ไม่น่าจะโฟกัสแค่พาสปอร์ตสัญชาติอเมริกาอย่างเดียว ถ้ากะทำตลาดเน้นๆ ที่อเมริกา น้องมาร์คคงไม่ตั้งใจเรียนภาษาญี่ปุ่นจนเก่งที่สุดรองจากยูตะตอนนี้หรอกค่ะ --- อันนี้เด็กๆ โหวตเองว่าใครเก่งญี่ปุ่นสุด


กระทู้ไม่น่าจะมีดราม่า  แค่ถามความเห็นทั่วไป คนส่วนใหญ่แยกแยะได้อยู่แล้ว  รูปแบบวงก็ไม่เหมือน จุดมุ่งหมายการทำตลาดก็ต่างกัน เหมือนกันอย่างเดียวคือ ไปอเมริกา ที่เคป็อปวงอื่นก็ไปกัน

เพราะ NCT เป็นวงที่มีรูปแบบการทำงานต่างจากวงอื่นแบบสิ้นเชิง เพลงก็ประหลาดไม่เหมือนใครด้วย ใครชอบก็เสพ ใครไม่ชอบก็ส่ายหน้าเท่านั้น  SM ถนัดสร้างฐานแฟนคลับมากกว่าฐานแฟนเพลงมาตลอด แค่อาจจะเพิ่มและขยายประเทศ ให้หลากหลายภูมิภาคมากขึ้น แตะไปทั่วแต่ไม่ลงลึกเพราะวงที่ลงลึกกว่ามีอยู่แล้วรวมไปถึงยูนิตอื่นๆ ที่เจาะจงตามภูมิภาคของประเทศนั้นในอนาคต

อีกสักหลายปีต่อมาอาจมี NCT ยูนิตอเมริกาเกิดขึ้นจริง (ตามแผนภูมิที่เคยลงไว้ก็มีนะ แต่ไม่ระบุวัน เดือนปี แสดงว่าไม่ใช่เร็วๆ นี้)
แล้วนั่นใครจะลงลึกจะตีตลาดยังไงก็ว่ากันอีกที ค่อยมาถามคำถามแนวนี้ใหม่

แต่กว่าจะถึงตอนนั้น Nct  ก็คงพอมีฐานแฟนคลับในอเมริกาบ้างแล้ว  อาจจะไม่ได้ดังขนาดนั้นหรือดังก็ไม่รู้ ไม่ม่ีใครตอบได้  รูปแบบคงเหมือนที่อดีตค่ายเคยไปสร้างฐานแฟนคลับในญี่ปุ่นโดยใช้วงรุ่นพี่เช่น โบอา คนแรก ทำตลาดแบบลงลึก  เริ่มจากที่เล็กๆ มาก่อนนั่นแหละ จนส่งต่อผลัดไม้รุ่นต่อรุ่นในค่ายตามไปทำมาหากินได้ในเวลาต่อมา  

  แต่รอบนี้ nct คงไม่ได้ใช้วิธีแบบเจาะลึก อเมริกาเป็นตลาดน่าทุ่มเทมาก มูลค่าสูง แต่ค่ายคงไม่ยอมเสี่ยงทุ่มหมดหน้าตัก ไม่งั้นคอนเซปต์จะไม่ใช่ To The World ด้วย


SM เป็นบริษัท Music Marketing ที่ดูจะให้ความสำคัญกว่าประโยคหลังมากกว่าอันแรก อย่าใช้คำว่า Music อธิบายในสิ่งที่ค่ายนี้กำลังจะทำเลยค่ะ ไม่รู้มันจัดเพลงไว้ตรงส่วนไหนในความสำคัญ ผีเข้าผีออกเหลือเกิน แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าฐานแฟนคลับที่ฟังไปบ่นไป แล้วไม่ยอมไปไหนก็เป็นแหล่งรายได้ชั้นเยี่ยมของค่ายนี้มาตลอดเหมือนกัน เขาถึงให้ความสำคัญกับ  Brand Loyalty สูงกว่าเพลง  อาจจะไม่ใช่ค่ายที่ 1 แต่ก็อยู่ได้ไม่เดือดร้อน  สมมุติมีวงนึง ดังเพราะเพลงนึงมากๆ แต่ปัจจุบันไอดอลคนนั้น ไม่ได้ร้องเพลงนั้นแล้ว แต่แฟนคลับก็ยังซัพพอร์ตไอดอลคนนั้นเสมอ นี่คือจุดขายของค่าย แถมตอนนี้ทำระบบที่มีตัวไอดอลในมือจำนวนมหาศาลแบบ Limitless ที่หมุนเวียนได้ไม่จำกัด ข้ามพรหมแดน ออกช้าบ้าง เร็วบ้างแต่สักวันก็ต้องออกมาอยู่ดี แล้วเงินกับชื่อเสียงมันก็คงวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลมากนักหรอก

Nct เนี่ยที่เราสนใจมากหน่อย  ไม่ใช่เพราะตัวเด็กหรือเพลงอย่างเดียวหรอกนะ แต่สนใจระบบการทำงานของมัน ที่คล้ายกับ model ทางธุรกิจทั่วไป แต่อันนี้มันเอามาใช้กับคนแทนสิ่งของ  ว่าจะทำยังไงในรูปแบบไหน ก่อนหน้าก็มีเอเคบีที่คล้ายๆกันแบบนี้ แต่ nct จะเป็นคนละรูปแบบ ต่างกันในรายละเอียด มันก็เก๋และดูน่าสนใจดี  

โอเคเนอะ ไม่น่าจะมีดราม่าอะไรหรอก  เพราะถ้าคิดจะเปรียบเทียบกับอะไร จำเป็นต้องรู้ว่าของสองสิ่งมันต่างกันยังไงด้วย ถ้าไม่มีความรู้ของอีกฝั่งควรตอบของตัวเองไปให้มากคือเซฟที่สุดค่ะ


ปล SM บอกอะไรหลายอย่างในเอ็มวี Origin ของ NCT ไว้มาก ลองไปสังเกตดูดีๆ  เริ่มต้นไปด้วยการปักธงสีแดง แล้วกว่าจะเดินไปในทะเลทรายกว้างๆ ยังไงต้องเจออุปสรรคอยู่แล้ว เจองูบ้าง พายุทราย  แต่เด็กไม่ได้เดินตามลำพัง มีผู้หญิงใส่ผ้าคลุมสีดำเป็นไกด์ให้ตลอด แต่ก็ใช่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะช่วยตลอดเวลา  บางทีอาจเป็นปัญหาก็ได้ แต่เขาต้องเรียนรู้เองและโตในทางของตัวเอง ล้มเอง เจ็บเอง จนกว่าจะประสบความสำเร็จเพื่อจะได้เห็นมหาสมุทรอีกด้านก็ทั่วโลกพอดี คงใช้เวลาสักพักใหญ่เลยทีเดียว และเราคิดว่าอาร์มี่น่าจะคุ้นเคยกับความรู้สึกแบบนี้เหมือนกัน

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ความคิดเห็นที่ 25
เราไม่ได้รู้เรื่องฝั่งNCT ว่ามีการทำงานในส่วนของการตีตลาดเมกายังไง เพราะงั้นจะให้ข้อมูลในฝั่งของบังทันนะคะ

เรามาดูกันที่ก้าวแรกของการตีตลาดเมกาก่อน แฟนNCTอาจจะคิดว่าการไปออกรายการคงจะเป็นก้าวแรกในการเริ่มตีตลาดเมกา แต่สำหรับบังทันนั้นไม่ใช่เลยค่ะ

เท่าที่เราตามมาตั้งกะเดบิวต์ บิ๊กฮิตและบังทันไม่ได้มุ่งเน้นตลาดเมกาเลยค่ะ พูดแบบไม่อาย ณ ตอนนั้น แค่เอาตัวเองให้รอดในเกายังไม่รู้ว่าจะไปไหวเลยรึเปล่า เรื่องไปตีตลาดถ้านอกบ้านก็เห็นมีญี่ปุ่นที่สนใจ ซึ่งการที่นักร้องเกาหลีไปหากินในญี่ปุ่นเราว่ามันเป็นอะไรที่ปกติทั่วไปมาก นั่นเป็นการลงทุนเท่าที่บฮจะมีให้ได้แล้วค่ะ เกี่ยวกับเมกานั้น สิ่งเดียวที่เข้าใกล้ที่สุดคือการไปถ่ายรายการ american hustle life ซึ่งถ้าถามว่ามันคือการเริ่มตีตลาดเมกามั้ย ห่างไกลมากเลยค่ะ เพราะรายการไม่ได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป แถมหลังจากนั้นที่พกความมั่นใจกลับมาเต็มเปี่ยมมาทำเพลงต่อในอัลบั้ม dark & wild ผลตอบรับยังไม่ค่อยดีอีกด้วย ทำเอาบังทันกลุ้มไปเลยค่ะ

ทีนี้คงมีคำถาม เอ้า แล้วมันเริ่มจากตรงไหน ส่วนตัวเราคิดว่ามันเริ่มจากเพลงและเพอร์ฟอร์แมนซ์ค่ะ ในหมู่แฟนต่างชาติเริ่มจุดติดตอนช่วงDope ในบั้มฮวายังยอนฮวา 1 ด้วยเพลงที่มีจังหวะสนุก ด้วยท่าเต้นที่รวดเร็วแข็งแรง และอินเนอร์การแสดงบนเวที ทำให้แฟนต่างชาติเริ่มสนใจมากขึ้นค่ะ พอเค้าสนใจบางคนก็ผันมาเป็นแฟนคลับ ช่วงบั้มฮวายัง 1 ไปถึงบั้มฮวายัง 2 นี่เรียกได้ว่าเป็นช่วงเก็บฐานแฟนคลับเลยค่ะ บั้มฮวายังสองก็เริ่มเข้าbillboard200 แต่เป็นลำดับท้ายๆ พอมา young forever ช่วงนี้แฟนฝั่งเมกายิ่งสนใจ เพราะเพลงfireนี่ถูกจริตมากจริงๆ เหมือนเป็นการย้ำจากdopeเลยค่ะ อันดับในbillboard200 ก็เริ่มขยับขึ้นมาอีกนิด

พอมาถึงบั้มวิงส์ คราวนี้บั้มสามารถขึ้นbillboard200 ไปถึงอันดับ 26 และไปติดชาร์ตของฝั่ง uk ด้วย ตรงนี้แหละค่ะที่สื่อเมกาเริ่มสนใจ แต่ถึงขนาดสื่อเปิดรับเลยมั้ย ก็ไม่อีกค่ะ อ้าว แล้วอย่างงี้อะไรเป็นตัวจุดกระแสอีกล่ะ ตัวจุดกระแสที่สำคัญคืออาร์มี่ค่ะ นับตั้งแต่ต้นมาจนถึงวิงส์ บฮแทบไม่ได้โปรโมทฝั่งเมกาเลยค่ะ เห็นมีให้สัมภาษณ์กับทางฝั่งบิลบอร์ดครั้งนึงสมัยฮวายัง2 ซึ่งก่อนหน้านั้นก็มีคนอื่นได้สัมภาษณ์ไปมากมายแล้ว  จะมีก็แต่อาร์มี่ค่ะที่เป็นผู้โปรโมท ในสื่อโซเชี่ยลทั้งหลายแหล่อาร์มี่คอยพูดถึงบังทันอยู่เสมอ เวลามีใครกล่าวถึงบังทันอาร์มี่ไปให้การตอบรับอยู่เสมอ ทำให้ขึ้นอันดับ1ในชาร์ตโซเชี่ยลของบิลบอร์ดมาเป็นเวลาพักใหญ่ๆ ด้วยเหตุนี้ บวกกับการที่ผลงานด้านเพลงได้ขึ้นชาร์ทลำดับสูงๆ การได้เข้าชิงรางวัลบิลบอร์ดครั้งแรกจึงเกิดขึ้น แล้วย้ำความให้การสนับสนุนจากอาร์มี่เข้าไปอีกครั้งใหญ่ๆโดยการโหวตให้ชนะรางวัลนี้ไปด้วยคะแนนกว่า 300 ล้านโหวต และการที่อาร์มี่แห่กันเข้าไปดูเข้าไปเชียร์บังทันตอนรับรางวัลซะจนดังกระหึ่ม  

นับแต่นั้นก็เป็นการดึงสายตาของเมกาให้มามองบังทันได้ค่ะ แต่ก็ไม่ใช่เต็มร้อย อาจจะซัก40-50% ที่ทำให้หันมามองเต็มๆคือช่วงการคัมแบคบั้ม her ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการทำแคมเปญจ์ร่วมกับยูนิเซฟ การพาDNAขึ้นมาเป็นเอ็มวีที่มียอดวิวมากที่สุดใน24ชั่วโมงเป็นลำดับต้นๆของโลก พาเพลงเข้า hot100 และพาบั้มเข้าbb200ในอันดับที่ 7 ซึ่งทุกสิ่งอย่างยกเว้นการทำแคมเปญจ์ร่วมกับยูนิเซฟ อาร์มี่เป็นคนทำให้เกิดขึ้นค่ะ โดยเฉพาะมี่ฝั่งเมกา คือไม่ได้แค่หวีดหรือให้กำลังใจบังทันอย่างเดียวนะคะ มีการโดเนทเพื่อซื้อเพลงดันยอด ชวนกันสตรีมผ่านแพลตฟอร์มที่นับยอดเข้าบิลบอร์ด มีการทำอีเว้นขอเพลงไปตามสถานีวิทยุต่างๆเพิ่มให้เพลงดีน่าออกอากาศเพื่อเป็นคะแนนในการเข้าhot100 รวมทั้งสร้างสัมพันธ์อันดีกับทางรายการวิทยุและดีเจ เช่นการส่งของขวัญ ดอกไม้ การ์ดขอบคุณ หรืออาหาร เพื่อแสดงความขอบคุณที่เค้าเปิดเพลงบังทันให้ พอทุกสิ่งอย่างมันมีกระแสขึ้นมา นั่นแหละค่ะบังทันถึงได้ถูกเชิญไปออกรายการทางฝั่งนั้น และเป็นที่จับตามองมาเรื่อยๆจนสามารถตีตลาดเมกาได้จนมีทุกวันนี้

เพราะงั้นถ้าถามว่า การที่ NCT ได้ไปออกรายการแบบนี้แล้วสามารถตีตลาดแบบบังทันได้มั้ย เราตอบไม่ได้เลยค่ะ เพราะจุดเริ่มต้นมันต่างกันมาก การที่บังทันตีตลาดได้จุดเริ่มต้นมันคือพลังจากอาร์มี่ เพลง และตัวตนของบังทัน การที่ค่ายส่งไปนุ่นนี่นั่นมันคือการช่วยดันให้วิ่งไปเร็วขึ้น แต่สำหรับNCT เราไม่มีข้อมูลเลยค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องของแฟนคลับ เพลง หรือตัวตนของสมาชิกเอง เลยอยากจะให้ข้อมูลในส่วนบังทัน เผื่อทางฝั่งแฟนๆNCTจะเอาไปเทียบวิเคราะห์กับข้อมูลของฝั่งNCTดู
ความคิดเห็นที่ 10
ไม่ได้จ้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่