หมกมุ่นอยู่กับละครเรื่องนี้มาก ดูแต่ละตอนไปไม่ต่ำกว่า 2 รอบ
ยิ่งดูยิ่งอ่านวิเคราะห์ก็ยิ่งมีปม มีคำถามให้สงสัยมากมายไปหมด
แต่ตอนนี้มีคำถามอยู่สองข้อที่ยังไม่ค่อยเห็นบรรดานักสืบเปิดประเด็นนี้กันเท่าไหร่
1. ภัสสรทำงานโรงแรมมา 23 ปี คำถามคือทำไมต้องพูดชัดขนาดนั้นว่า 23 ปี
จุดที่สะกิดความสงสัยของเราคือกระทู้นี้
https://ppantip.com/topic/38078119
ทีม acting coach เองยังสงสัยว่า "ทำไมพี่ย้งต้องพูดคำว่าชั้นทำโรงแรมมาตั้ง 23 ปีบ่อยๆ"
และยังบอกว่า "พี่ย้ง เป็นคนที่ต้องบทต้องเป๊ะ เพราะทุกคำพูดมีความหมายที่คิดมาละเอียดแล้วตั้งแต่ตอนเขียนบท!!"
แสดงว่าคำว่า 23 ปีมีความสำคัญ และไม่ใช่แค่จะทำให้คนดูเข้าใจและสงสารภัสสรเท่านั้น
เพราะถ้าอย่างงั้น พูดว่า 20 กว่าปีก็ได้ หรือเป็นจำนวนปีอื่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น 23 ปี
แต่ 23 ปีคืออายุของพีท แสดงว่าภัสสรเข้ามาทำงานที่โรงแรมตอนพีทเกิด
และเป็นไปได้ว่าภัสสรต้องเข้ามาทำงานแทนเมธ ซึ่งมีปัญหาชีวิตจนทำงานไม่ได้
มันเลยน่าสงสัยว่าปัญหาชีวิตของเมธและการเข้ามาทำงานของภัสสร อาจจะเกี่ยวพันกับการเกิดของพีท
ดูจากปฎิกิริยาของทุกคนแล้ว คิดว่าคนในบ้านรุ่นลูกและหลานไม่รู้ว่าคริสกับประเสริฐหย่ากันมา 24 ปีแล้ว
แต่อากงน่าจะรู้ เพราะอากงรู้ถึงการมีอยู่ของนิภาและฉี ดูจากภาพวาดพ่อแม่ลูกที่โรงพยาบาลที่ลงวันที่ไว้เป็นปีที่ฉีเกิด
ทีแรกคิดว่าอาม่าไม่รู้ เพราะอาม่ายังจัดที่ให้คริสยืนในตำแหน่งของลูกสะใภ้ตอนงานกงเต็กอากง
แต่ดูจากโปสเตอร์ที่คริสเกาะไหล่อาม่า เป็นไปได้ว่าอาม่ามากกว่าอากงที่เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการคลุมถุงชนคริสกับประเสริฐ
และคนรุ่นอาม่าเองอาจจะไม่สนใจอะไรเรื่องการจดทะเบียนหรือหย่าร้างกันตามกฏหมายไทย
แค่อาม่ายอมรับสถานะว่าเป็นสะใภ้ใหญ่โดยพฤตินัย เท่านั้นอาม่าก็ถือว่าคริสเป็นคนในตระกูลแล้ว
2. เรื่องของเมธกับคริส
ตอนนี้เห็นทุกคนพุ่งประเด็นไปที่ฉากงานศพกันหมด กับคำว่า "เมธมองคริสอย่างโกรธแค้น"
แต่มานึกดูดีๆ คำว่า "มองอย่างโกรธแค้น" เป็นคำที่ถูกใส่เข้ามาจากคำพูดของตัวละครคือ อี้
ถ้าไม่มีคำพูดของอี้ประโยคนี้ คนดูจะคิดว่าการมองของเมธตอนนั้นเป็นการมองอย่างโกรธแค้นแน่หรือ
ถ้าอี้ไม่พูดคำนั้น เราจะมองแค่ว่า เออ เมธมองคริสแปลกๆนะ แต่อาจจะไม่ไปไกลถึงขั้นใช้คำว่าโกรธแค้น
และพอกลับไปดูซีนนี้ให้ละเอียดอีกที เราว่าทีแรกที่เมธเงยหน้าขึ้นมา เหมือนเมธเห็นอะไรที่คาดไม่ถึงมากกว่า
จะว่าเมธคาดไม่ถึงว่าจะเห็นคริสก็ไม่น่าจะใช่ ก็งานศพประเสริฐ คริสก็อยู่ในสถานะภรรยาออกหน้าออกตามาตลอด
เราเลยสงสัยว่าจริงๆแล้วที่เมธชะงัก มองตาไม่กะพริบแบบนั้น เมธมองคริสจริงๆหรือ เพราะนี่คือซีนที่เมธเห็น
เป็นไปได้มั้ยว่าคนที่ทำให้เมธมองด้วยสายตาอาการแบบนั้นคือคุณสุวิทย์ ไม่ใช่คริส
เพราะสุวิทย์ก็เป็นคนเก่าคนแก่ที่ทำงานโรงแรมมานาน ลูกสาวมาวิ่งเล่นตั้งแต่เด็กจนโตถึงขนาดจะแต่งงานได้แล้ว
และดูท่าทางเป็นคนทำงานใกล้ชิดเป็นมือขวาของระดับบริหารที่มาจากคนในตระกูลมาตลอด
สองตอนแรกก็เดินตามประกบติดประเสริฐ แต่ก็คุ้นเคยกันดีกับภัสสร พอตอนนี้ก็มาเดินตามติดกรกันต์ในงานศพ
เป็นไปได้มากว่าสมัยที่เมธยังทำงานที่โรงแรม คุณสุวิทย์ก็คงเคยเดินตามติดเมธแบบนี้เหมือนกัน
และปมปัญหาชีวิตของเมธอาจมีมากกว่าเรื่องภรรยา อาจมีเรื่องที่โรงแรมที่เกี่ยวพันไปถึงคุณสุวิทย์ด้วย
3. อันนี้ไม่ใช่ข้อสงสัย แต่เดาทางไว้เฉยๆ จากที่เห็นตัวอย่างตอนหน้าพีทไปหานิภาที่โรงพยาบาล
ฉีถามหมอเรื่องค่ารักษา หมอบอกว่าทำคีโมคราวนี้น่าจะประมาณ 6-7 แสน
เปิดเรื่องมาตอนแรกสุด พีทพึ่งรูดบัตรไปซื้อนาฬิกามา 6 แสนบาท
เดาว่าพีทจะถอดนาฬิกาให้ฉีเอาไปขายเป็นค่ารักษานิภา
สองคำถามที่สงสัย ทำไมต้อง 23 ปี และ เมธมองคริสอย่างโกรธแค้นจริงหรือ
ยิ่งดูยิ่งอ่านวิเคราะห์ก็ยิ่งมีปม มีคำถามให้สงสัยมากมายไปหมด
แต่ตอนนี้มีคำถามอยู่สองข้อที่ยังไม่ค่อยเห็นบรรดานักสืบเปิดประเด็นนี้กันเท่าไหร่
1. ภัสสรทำงานโรงแรมมา 23 ปี คำถามคือทำไมต้องพูดชัดขนาดนั้นว่า 23 ปี
จุดที่สะกิดความสงสัยของเราคือกระทู้นี้ https://ppantip.com/topic/38078119
ทีม acting coach เองยังสงสัยว่า "ทำไมพี่ย้งต้องพูดคำว่าชั้นทำโรงแรมมาตั้ง 23 ปีบ่อยๆ"
และยังบอกว่า "พี่ย้ง เป็นคนที่ต้องบทต้องเป๊ะ เพราะทุกคำพูดมีความหมายที่คิดมาละเอียดแล้วตั้งแต่ตอนเขียนบท!!"
แสดงว่าคำว่า 23 ปีมีความสำคัญ และไม่ใช่แค่จะทำให้คนดูเข้าใจและสงสารภัสสรเท่านั้น
เพราะถ้าอย่างงั้น พูดว่า 20 กว่าปีก็ได้ หรือเป็นจำนวนปีอื่นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องเป็น 23 ปี
แต่ 23 ปีคืออายุของพีท แสดงว่าภัสสรเข้ามาทำงานที่โรงแรมตอนพีทเกิด
และเป็นไปได้ว่าภัสสรต้องเข้ามาทำงานแทนเมธ ซึ่งมีปัญหาชีวิตจนทำงานไม่ได้
มันเลยน่าสงสัยว่าปัญหาชีวิตของเมธและการเข้ามาทำงานของภัสสร อาจจะเกี่ยวพันกับการเกิดของพีท
ดูจากปฎิกิริยาของทุกคนแล้ว คิดว่าคนในบ้านรุ่นลูกและหลานไม่รู้ว่าคริสกับประเสริฐหย่ากันมา 24 ปีแล้ว
แต่อากงน่าจะรู้ เพราะอากงรู้ถึงการมีอยู่ของนิภาและฉี ดูจากภาพวาดพ่อแม่ลูกที่โรงพยาบาลที่ลงวันที่ไว้เป็นปีที่ฉีเกิด
ทีแรกคิดว่าอาม่าไม่รู้ เพราะอาม่ายังจัดที่ให้คริสยืนในตำแหน่งของลูกสะใภ้ตอนงานกงเต็กอากง
แต่ดูจากโปสเตอร์ที่คริสเกาะไหล่อาม่า เป็นไปได้ว่าอาม่ามากกว่าอากงที่เป็นคนเจ้ากี้เจ้าการคลุมถุงชนคริสกับประเสริฐ
และคนรุ่นอาม่าเองอาจจะไม่สนใจอะไรเรื่องการจดทะเบียนหรือหย่าร้างกันตามกฏหมายไทย
แค่อาม่ายอมรับสถานะว่าเป็นสะใภ้ใหญ่โดยพฤตินัย เท่านั้นอาม่าก็ถือว่าคริสเป็นคนในตระกูลแล้ว
2. เรื่องของเมธกับคริส
ตอนนี้เห็นทุกคนพุ่งประเด็นไปที่ฉากงานศพกันหมด กับคำว่า "เมธมองคริสอย่างโกรธแค้น"
แต่มานึกดูดีๆ คำว่า "มองอย่างโกรธแค้น" เป็นคำที่ถูกใส่เข้ามาจากคำพูดของตัวละครคือ อี้
ถ้าไม่มีคำพูดของอี้ประโยคนี้ คนดูจะคิดว่าการมองของเมธตอนนั้นเป็นการมองอย่างโกรธแค้นแน่หรือ
ถ้าอี้ไม่พูดคำนั้น เราจะมองแค่ว่า เออ เมธมองคริสแปลกๆนะ แต่อาจจะไม่ไปไกลถึงขั้นใช้คำว่าโกรธแค้น
และพอกลับไปดูซีนนี้ให้ละเอียดอีกที เราว่าทีแรกที่เมธเงยหน้าขึ้นมา เหมือนเมธเห็นอะไรที่คาดไม่ถึงมากกว่า
จะว่าเมธคาดไม่ถึงว่าจะเห็นคริสก็ไม่น่าจะใช่ ก็งานศพประเสริฐ คริสก็อยู่ในสถานะภรรยาออกหน้าออกตามาตลอด
เราเลยสงสัยว่าจริงๆแล้วที่เมธชะงัก มองตาไม่กะพริบแบบนั้น เมธมองคริสจริงๆหรือ เพราะนี่คือซีนที่เมธเห็น
เป็นไปได้มั้ยว่าคนที่ทำให้เมธมองด้วยสายตาอาการแบบนั้นคือคุณสุวิทย์ ไม่ใช่คริส
เพราะสุวิทย์ก็เป็นคนเก่าคนแก่ที่ทำงานโรงแรมมานาน ลูกสาวมาวิ่งเล่นตั้งแต่เด็กจนโตถึงขนาดจะแต่งงานได้แล้ว
และดูท่าทางเป็นคนทำงานใกล้ชิดเป็นมือขวาของระดับบริหารที่มาจากคนในตระกูลมาตลอด
สองตอนแรกก็เดินตามประกบติดประเสริฐ แต่ก็คุ้นเคยกันดีกับภัสสร พอตอนนี้ก็มาเดินตามติดกรกันต์ในงานศพ
เป็นไปได้มากว่าสมัยที่เมธยังทำงานที่โรงแรม คุณสุวิทย์ก็คงเคยเดินตามติดเมธแบบนี้เหมือนกัน
และปมปัญหาชีวิตของเมธอาจมีมากกว่าเรื่องภรรยา อาจมีเรื่องที่โรงแรมที่เกี่ยวพันไปถึงคุณสุวิทย์ด้วย
3. อันนี้ไม่ใช่ข้อสงสัย แต่เดาทางไว้เฉยๆ จากที่เห็นตัวอย่างตอนหน้าพีทไปหานิภาที่โรงพยาบาล
ฉีถามหมอเรื่องค่ารักษา หมอบอกว่าทำคีโมคราวนี้น่าจะประมาณ 6-7 แสน
เปิดเรื่องมาตอนแรกสุด พีทพึ่งรูดบัตรไปซื้อนาฬิกามา 6 แสนบาท
เดาว่าพีทจะถอดนาฬิกาให้ฉีเอาไปขายเป็นค่ารักษานิภา