ปัจจุบันอายุครรภ์ 34W4D ค่ะ
ตั้งแต่เริ่มท้องเราค่อนข้างโชคดีค่ะที่มีอาการแพ้ไม่มาก เวียนหัวอาเจียนอยู่แค่ 3-4 วัน เราเลยไปทำงานมาตลอดจนถึงปัจจุบันอายุครรภ์ครบ 34 วีคเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา โดยส่วนตัวแล้วเราไม่มีโรคประจำตัวค่ะ ไม่มีภาวะครรภ์เสี่ยงหรือแท้งคุกคาม น้องสุขภาพอยู่ในเกณฑ์ปกติทุกครั้งที่หมอนัดตรวจ พอเริ่มเข้าไตรมาสที่ 3 รู้สึกหน่วงนิดนึงด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ส่วนตัวแล้วน้ำหนักเราขึ้นมาโดยรวม 11 กิโล เนื่องจากต้องเดินทางไปทำงานด้วย BTS จากแบริ่งไปทำงานสีลมค่ะ คุณหมอเลยแนะนำให้ใช้เข็มขัดพยุงครรภ์ช่วย
จนวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาหลังเลิกงานก็กลับมาบ้านปกติค่ะ กินข้าว อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานั่งเล่นบนเตียง รู้ตัวอีกทีจะขยับขาเพื่อนอนตะแคง มีอาการปวดร้าวมากทั่วบริเวณขาหนีบทั้ง 2 ข้างและอวัยวะเพศค่ะ เจ็บขนาดที่ขยับนิดหนึ่งคือร้องโอยน้ำตาไหลเลยค่ะ แต่ช่วงนั้นเราเห็นว่ามันค่อนข้างดึกแล้ว อีกอย่างคือไม่ได้มีอาการปวดท้องเหมือนปวด ปจด ที่คล้ายๆจะคลอด ก็เลยตัดสินใจนอนพักก่อนค่ะ
เช้าวันศุกร์เราตื่นมาอาการเจ็บยังไม่หายค่ะ แทบจะเดินเองไม่ได้ต้องพยุงตัวเองเดินไปเข้าห้องน้ำ เลยตัดสินใจไป รพ. เพื่อให้หมอเช็คค่ะ พอถึง รพ. หมอเรื่มจากสอบถามอาการทั่วไปก่อนค่ะ เราก็แจ้งอาการเจ็บและบอกหมอว่าช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีตกขาวเยอะมาก แต่ไม่มีอาการคันหรือตกขาวมีกลิ่นค่ะ คุณหมอตรวจภายในให้ก่อนค่ะ สรุปตกขาวเยอะเกินไปค่ะคือช่องคลอดอักเสบ แต่ปากมดลูกยังปิด ไม่มีมูกเลือด คุณหมอแจ้งเบื้องต้นว่าช่องคลอดอักเสบทำให้มีความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดค่ะ
จากนั้นคุณหมอส่งขึ้นไปตรวจอัตราการบีบตัวของมดลูกที่ห้องคลอด ติดตั้งอุปกรณ์ที่ท้องเราแล้ว monitor ดูอาการครึ่งชั่วโมงแรกพบมดลูกบีบตัวทุก 10-15 นาทีค่ะ คุณหมอสั่งยาคลายมดลูกให้กินทุก 15 นาทีแล้ว monitor อาการต่อ กินยาไป 2 โดส อาการท้องแข็งลดลงค่ะแต่ได้อาการข้างเคียงยามาแทน มึนๆ หัว หน้าแดงร้อนเหมือนจะเป็นไข้ เลยนอนพักอยู่ที่ รพ. อีกสักพัก
บ่ายโมงคุณหมอเข้ามาสรุปอาการให้ฟังค่ะว่าเป็นอาการเจ็บครรภ์ + เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ให้ยามารักษาเรื่องช่องคลอดอักเสบกับยาคลายมดลูกถ้ามีอาการอีกที่บ้านค่ะ และสั่งพักงาน 1 อาทิตย์ ให้เดินและทำกิจกรรมให้น้อยที่สุดค่ะ
คุณแม่ๆ อย่าลืมสังเกตุอาการตัวเองนะคะ ถ้ามีอะไรที่ผิดแปลกไปจากทุกๆ วัน ให้รีบไปหาหมอดีที่สุดค่ะ เราทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่ควรทำเพราะเรารู้สึกว่าเราทำไหวและไม่มีอาการเจ็บอะไร ตอนนี้รู้ซึ้งเลยค่ะต้องระวังให้มากขึ้นจริงๆ
แชร์ประสบการณ์อาการตอนท้องครบ 34 สัปดาห์
ตั้งแต่เริ่มท้องเราค่อนข้างโชคดีค่ะที่มีอาการแพ้ไม่มาก เวียนหัวอาเจียนอยู่แค่ 3-4 วัน เราเลยไปทำงานมาตลอดจนถึงปัจจุบันอายุครรภ์ครบ 34 วีคเมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา โดยส่วนตัวแล้วเราไม่มีโรคประจำตัวค่ะ ไม่มีภาวะครรภ์เสี่ยงหรือแท้งคุกคาม น้องสุขภาพอยู่ในเกณฑ์ปกติทุกครั้งที่หมอนัดตรวจ พอเริ่มเข้าไตรมาสที่ 3 รู้สึกหน่วงนิดนึงด้วยน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ส่วนตัวแล้วน้ำหนักเราขึ้นมาโดยรวม 11 กิโล เนื่องจากต้องเดินทางไปทำงานด้วย BTS จากแบริ่งไปทำงานสีลมค่ะ คุณหมอเลยแนะนำให้ใช้เข็มขัดพยุงครรภ์ช่วย
จนวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาหลังเลิกงานก็กลับมาบ้านปกติค่ะ กินข้าว อาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานั่งเล่นบนเตียง รู้ตัวอีกทีจะขยับขาเพื่อนอนตะแคง มีอาการปวดร้าวมากทั่วบริเวณขาหนีบทั้ง 2 ข้างและอวัยวะเพศค่ะ เจ็บขนาดที่ขยับนิดหนึ่งคือร้องโอยน้ำตาไหลเลยค่ะ แต่ช่วงนั้นเราเห็นว่ามันค่อนข้างดึกแล้ว อีกอย่างคือไม่ได้มีอาการปวดท้องเหมือนปวด ปจด ที่คล้ายๆจะคลอด ก็เลยตัดสินใจนอนพักก่อนค่ะ
เช้าวันศุกร์เราตื่นมาอาการเจ็บยังไม่หายค่ะ แทบจะเดินเองไม่ได้ต้องพยุงตัวเองเดินไปเข้าห้องน้ำ เลยตัดสินใจไป รพ. เพื่อให้หมอเช็คค่ะ พอถึง รพ. หมอเรื่มจากสอบถามอาการทั่วไปก่อนค่ะ เราก็แจ้งอาการเจ็บและบอกหมอว่าช่วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมามีตกขาวเยอะมาก แต่ไม่มีอาการคันหรือตกขาวมีกลิ่นค่ะ คุณหมอตรวจภายในให้ก่อนค่ะ สรุปตกขาวเยอะเกินไปค่ะคือช่องคลอดอักเสบ แต่ปากมดลูกยังปิด ไม่มีมูกเลือด คุณหมอแจ้งเบื้องต้นว่าช่องคลอดอักเสบทำให้มีความเสี่ยงคลอดก่อนกำหนดค่ะ
จากนั้นคุณหมอส่งขึ้นไปตรวจอัตราการบีบตัวของมดลูกที่ห้องคลอด ติดตั้งอุปกรณ์ที่ท้องเราแล้ว monitor ดูอาการครึ่งชั่วโมงแรกพบมดลูกบีบตัวทุก 10-15 นาทีค่ะ คุณหมอสั่งยาคลายมดลูกให้กินทุก 15 นาทีแล้ว monitor อาการต่อ กินยาไป 2 โดส อาการท้องแข็งลดลงค่ะแต่ได้อาการข้างเคียงยามาแทน มึนๆ หัว หน้าแดงร้อนเหมือนจะเป็นไข้ เลยนอนพักอยู่ที่ รพ. อีกสักพัก
บ่ายโมงคุณหมอเข้ามาสรุปอาการให้ฟังค่ะว่าเป็นอาการเจ็บครรภ์ + เสี่ยงคลอดก่อนกำหนด ให้ยามารักษาเรื่องช่องคลอดอักเสบกับยาคลายมดลูกถ้ามีอาการอีกที่บ้านค่ะ และสั่งพักงาน 1 อาทิตย์ ให้เดินและทำกิจกรรมให้น้อยที่สุดค่ะ
คุณแม่ๆ อย่าลืมสังเกตุอาการตัวเองนะคะ ถ้ามีอะไรที่ผิดแปลกไปจากทุกๆ วัน ให้รีบไปหาหมอดีที่สุดค่ะ เราทำอะไรหลายๆ อย่างที่ไม่ควรทำเพราะเรารู้สึกว่าเราทำไหวและไม่มีอาการเจ็บอะไร ตอนนี้รู้ซึ้งเลยค่ะต้องระวังให้มากขึ้นจริงๆ