สวัสดีครับหลังจากไม่ได้เขียนบันทึกมาตั้งนานเพราะขี้เกียจ 555 ถือโอกาสนี้แชร์ประสบการณ์การเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเองให้เพื่อนหน่อยหลังจากไม่ได้ออกทริปซะนานตั้งแต่ต้นปี ครั้งนี้ผมก็ได้มีโอกาสออกเดินทางอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ผมได้ไปต่างประเทศ แถมเป็นครั้งแรกที่ไปต่างประเทศด้วยตัวเอง (จริงๆตอนเด็ก 3-4 ขวบก็เคยไปแต่จำความไม่ได้แล้ว อิอิ)
ในทริปนี้ผมได้เพื่อนร่วมทริปอีก 3 คนร่วมผมเป็น 4 โดยแต่ละคนไม่เคยไปสิงคโปร์เลยสักครั้งแถมเลยรู้เรื่องจะไปถูกไหม แถมผมนั้นทักษะด้านภาษาต่ำเตี้ยได้ประมาณ yes no ok goodbyb 555 อีกต่างหากแต่ยังดีที่มีเพื่อนคนนึงที่พอดูภาษาอังกฤษได้เลยคิดว่าคงไปรอดเวลาหลงทาง (ขนาดเที่ยวในไทยยังหลงไปนอกจะไม่หลงได้ไง555) ที่ผมเลือกจะไปสิงคโปร์เป็นที่แรกเพราะสิงค์โปรการเดินทางไปแต่ละที่สะดวกมีรถไฟใต้ดินทั้งเมือง จะได้ไม่มีปัญหาในการเดินทางไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ ในทริปนี้ผมจองตั๋วเครื่องบินกับที่พักล่วงหน้าถึง 3 เดือน จากที่ไม่รู้อะไรเลยแถมผมไม่อยากดูรีวิวของคนที่ไปมาก่อนเพื่อที่จะไปดูด้วยตัวเองเลยทำให้ไม่รู้จักจุดไหนเลยว่าเป็นยังไงการจองที่พักยิ่งลำบาก แถมเพื่อนแต่ละคนก็ไม่รู้เรื่องพอกันและจองไม่เป็นอีกต่างหากความซวยเลยตกมาอยู่ที่ผม 555 เรื่องจองตั๋วเครื่องบินผมไม่มีปัญหาผมใช้ app ทราเวลโลก้าในการจองผมจองล่วงหน้าถึง 3 เดือนได้ตั๋วขาไปเป็นไลอ้อนแอร์ขากลับแอร์เอเชีย ไปกลับประมาณ 4,400 ถึงว่าไม่แพงแถมเป็นหน้าฝนด้วยผมไปยังกลัวฝนจะตกเลยโชดดีที่ไปแล้วไม่เจอฝนเลยสักเม็ด ^_^ ส่วนปัญหาต่อมาเป็นเรื่องที่พักในสิงคโปร์ ในสิงคโปร์ผมก็รู้จักอยู่สองอย่าง คือ merlion รูปปั้นแมวพ่นน้ำ อุ๋งๆ(มันใช่หรา) กับ universal studios สวนสนุกระดับโลก ส่วนที่อื่นผมไม่รู้จักเลยทำให้ไม่รู้ว่าจะจองที่ไหนดี เลยต้องเปิดดู google ว่าที่พักในสิงค์โปรหลังจากดูแล้วที่พักหลักๆที่คนไทยเวลาไปเที่ยวจะอยู่ 3-4 จุด 1.ไชน่าทาวน์ ย่านคนจีนคล้ายๆเยาวราชบ้านเรา 2.ลิตเติ้ลอินเดีย 3.คลาร์กคีย์ ย่านร้านแสงสีร้านอาหารริมน้ำ 4.เกลัง ย่านโคมแดง(ประมาณซ่องแบบถูกกฏหมายของสิงคโปร์ที่พักถูกคนไทยไปเยอะเหมือนกัน) หลังจากดูแล้วผมเลยเลือก ไชน่าทาวน์เพราะเป็นแหล่งของกินเหมือนเยาวราชบ้านเรา ในไชน่าทาวน์ผมได้จองไปสองวัน ส่วนคืนที่สามผมว่าต้องการที่จะตื่นเช้าเพื่อที่จะไปถ่ายรูป merlion เลยหาที่พักใน app ทราเวลโวก้าพิกัด merlion แต่พอเปิดไปดันเจอย่านไชน่าทาวน์ 555 สรุปแล้วจริง ๆไชน่าทานว์มันก็ห่างจาก merlion ไม่ไกล แต่ผมอยากเปลี่ยนที่พักเลยไปเจอฝั่ง คลาร์กคีย์ ที่แทนเขาว่าสวยตื่นมาเห็นวิวริมน้ำ เลยได้ทำการไปทั้งตั๋วเครื่องบินแหละโรงแรมที่พักและรอเดินทางในอีก 3 เดือนชั่งยาวนานจริง ๅ
ผ่านไป 3 เดือน
เนื่องจากเครื่องผมออกไฟท์ 7.40 จะไปต่างประเทศต้องไปก่อนสัก 2 ชั่วโมงทำให้ผมต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 นั่งแท็กซี่ไปสนามบินดอนเมือง ถึงเวลาตี 4 มาถึงก็หิวเลยต้องจัดสักมื้อก่อนออกเดินทาง
เช้าๆร้านในศูนย์อาหารยังไม่ค่อยเปิดมีไม่มีร้านเลยได้นาดหน้ามาจานในราคา 780บาทแถวบ้านกินได้ตั้ง 2 จาน 555 หลังกินได้สักพักเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ผมจะพาไปตกระกำลำบากมาโผล่มาที่ละตัว 555 กะว่าหลงแน่นอน ก่อนจะเดินทางที่ขาดไม่ได้ก็คือ อินเตอร์เน็ต เพราะต้องเอาไว้ลงเฟสอวดเพื่อนที่ไทยตลอดทาง 555 เพื่อนมันยังไม่ได้ซื้อมาส่วนผมซื้อ sim2fly ของ ais ล่วงหน้าใน shapee ราคา 299 แต่ต้องไปลงทะเบียนเปิดซิมที่ศูนย์ ais ก่อนเดินทางสักวันส่วนเพื่อนผมซื้อที่สนามบินพร้อมเปิดเบอร์ในราคาเต็ม 399 ซิมนี้ใช้ได้ 4g 8 วัน ความเร็วก็โอเคอยู่ครับ มีอีกแบบคือไปซื้อเน็ตที่สิงค์โปรได้ครับ
เมื่อพร้อมแล้วก็ไปเช็คอินขึ้นเครื่องรอเวลา 7 โมง
วันนี้โชดดีที่ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนเช้านี้ท้องฟ้าเลยโล่งแต่หน้าต่างยังเปียกอยู่เลย
จากไทยไปสิงค์โปรในเวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง 40 นาที เวลาในสิงค์โปรจะเร็วกว่าในไทย 1 ชั่วโมงสมมุติในไทยเวลา 8.00 น. แต่สิงค์โปรจะเป็น 9.00 น. ตอนอยู่บนเครื่องแอร์จะแจกใบตรวจคนเข้าประเทศให้เตรียมปากกาไปสักด้านด้วยจะได้ไม่ต้องไปหาเอาข้างหน้ามันจะลำบาก
มันเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยส่วนใครกรอกไม่เป็นเป็นหาในเน็ตจดไปก่อนได้ครับส่วนผมลอกเพื่อนเอา 555 ขนาดภาษาไทยจะเกือบตกภาษาอังกฤษคงไม่รอดแคล้วจะเขียนมั่วคงจะโดนตม.จับตัวไว้เป็นแน่
เมื่อถึงสนามบินลงจากเครื่องตรงตามเวลาเป๊ะไม่เหมือนรฟท.เลทประจำ555 (แต่เขาว่าเดียวนี้แอบเป๊ะตรงเวลาเหมือนกันนะเขาพัฒนาแล้ว) เพื่อนผมลงเครื่องได้มันก็หาเก้าอี้เขียนใบตม.ตรงจุดเดินออกเลย แต่ยังไม่ทันเขียนก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพูด $@฿#&%&”$ สรุปเขาไล่ให้ไปเขียนขนาดนอกให้เดินออกจากเครื่องตรวจก่อน 555 อาบเขาไม๊ละนั้น ออกจากเครื่องตรวจก็จะมีโต๊ะให้นั่งเขียนส่วนคนที่เขียนแล้วก็ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นเก๋ได้ 555
พอเขียนเสร็จ ก็เดินไปตม.ต่อแต่เดินมาพักนึงก็ยังหาไม่เจอคนอื่นเขาไปกันหมดแล้ว(หลงตั้งแต่สนามบินเลย T^T) ทางขวาขึ้นรถไฟซ้ายทางเดินยาวๆ ผมเลยให้เพื่อนไปถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนเฝ้าดูเขาพูด ฿#&@฿^&” แล้วชี้ไปทางรถไฟ เขาคงคิดว่าเราจะเข้าใจ555 คงจะให้ขึ้นรถไฟแต่พวกผมคุยกันว่าไม่มีตั๋วรถไฟขึ้นได้หรอกจะทำไงเลยไปถามเจ้าหน้าที่อีกคนเขาก็ชี้ไปทางซ้ายทางเดินยาว ๆ แต่ละคนเลยต้องแบกเป้ลากกระเป๋าไปทางเดินแทน ทางเดินจะมีเหมือนทางเลื่อนสามารถขึ้นได้เลยเราได้ไม่เมื่อย
เดินไปถ่ายรูปไปเกะกะชาวบ้านไปเรื่อยจนเขาแทบจะมองหน้าละ 555. แต่พอเขามองไปทางขวาไอ้รถไฟที่เห็นตอนแรกมันก็คือที่เดียวกะที่เราไป สรุปเขาให้ขึ้นฟรี พวกเราจะเดินให้เมื่อยเพื่อ...555 มาครั้งแรกเอาเป็นประสบการณ์ละกัน พอมาสุดท้ายเราก็จะเจอตม.คนยืนต่อแถวกันเต็มในผ่านได้ก็รอด ใครไม่ผ่านโดนจับส่งกลับไทยแน่นอน 555 โชดดีละกันครับ เมื่อผ่านตม.เราก็ต้องเดินไปรับกระเป่าที่โหลดใต้เครื่อง พวกผมรอดจากมือตม.มาได้อย่างปลอดภัย แต่...กระเป๋าเพื่อนผมไม่รอด
กระเป๋าใหม่เอี่ยมกลายเป็นทหารผ่านศึกยังกะผ่านสงครามมาเลยขนาดขอติดสติ๊กเกอร์ห้ามโยน 555 ในเอากระเป๋าดีๆมาใช้แนะนำหาถุงกันกระแทกกันรอยใส่ด้วย สนามบินกันไปรษณีย์เขาเป็นคู่แข่งไม่มีใครยอมให้ 0_0 หลังจากลากกระเป๋าออกมาทาง mrt พวกผมก็มาซื้อบัตร mrt บัตรที่คนไทยเวลามากันจะมีสองประเภท อย่างแรกคือ tourist pass เป็นบัตรแบบเดินทางไม่อั้น 3 วันจะใช้เท่าไรก็ได้ ราคา 45 เหรียญ(จำไม่ได้น่าจะประมาณนี้)อีกประเภทคือตั๋วแบบ EZ-Link เป็นบัตรแบบเติมเงิน ราคา 12 บัตรจะมีแค่ 5 เหรียญอีก 7 เหรียญเป็นค่าบัตร (ผมเอาบัตรไปคืนตอนขากลับเขาให้แค่เงินที่เหลือในบัตรไม่ให้ค่าบัตร 7 เหรียญคืนเพราะงั้นเก็บไว้เป็นที่ระลึกน่าจะดีกว่าครับบัตรนี้สามารถขึ้นรถไฟไป เกาะเซนโตซ่าได้ด้วย แต่แบบ tourist pass ใช้ไปเกาะเซนโตซ่าไม่ได้ต้องไปซื้อเพิ่ม ผมแนะนำว่าในไปให้ใช้ EZ-Link ดีกว่าผมเติมเงินเพิ่มไปอีก 10 เหรียญตอนกลับยังเห็น 3 เหรียญกว่าขนาดใช้ทั้งวัน เขาไม่รับเติมเงินที่คนขายครับเขาไล่ให้มาเติมที่ตู้อัตโมมัติแทน รวมเวลาในสนามบินที่เดิหลงบวกกับผ่านตม.เกือบ 3 ชั่วโมง
รถไฟ mrt สิงคโปร์มีผ่านทั้งเมืองเดินทางสะดวกจุดหมายผมต้องไปลงสถานี China town ต้องเปลี่ยนสายรถไฟฟ้ารอบนึง ตอนแรกผมจะให้ไปลงสถานี outram park แต่เพื่อนผมเห็นสถานี tanah merah ถึงก่อนเลยให้ลง พอลงไปก็หาทางไปต่อไม่ถูกเดินออกไปก็เจอถนนเลย หลงตั้งแต่สนามบินยัน mrt 555 ผมเลยบอกให้ไปลงที่เดิมสถานี outram park พอนั่งเถียงกันสักพักก็มีคนพูดภาษาไทยบอกต้องลงไปใต้ดินครับ สงสัยเขาคงรำคาญเสียงเสียงพวกเรา ^_^ พวกผมเลยหาทางไปต่อได้ 555
หลังจากมาถึงสถานี china town จะมีทางออกหลายทาง
พวกผมจะไป ย่านchina townเห็นป้ายเขียนว่า china town point เลยออกทางทางนี้ โผล่ออกมาก็เจอเหมือนห้างขายของบ้านเรา
พอเดินออกมาเจอถนน ถนนหนทางที่สิงคโปร์เขาดูสะอาด ฟุตบาททางเดินผมชอบมากเลยปูพื้นไม่มีสะดุด ถ้าเป็นไทยนะพื้นทรุดแตกสะดุดตั้งแต่ก้าวแรกเลย555
เดินมาสักกิโลตาม gps ผมก็มาถึง ย่าน ไชน่าทาวน์ เมืองเขาก็กลิ่นอายคล้ายเยาวราชบ้านเราแต่ดูสะอาดกว่า
เดินเขามานิดหน่อยก็ถึงที่พักเลยหาง่าย
อยู่เยื้องกับวัดศรีมาริอัมมันต์เลย หาง่าย
ทางเข้าที่พักเป็นแค่ประตูเล็กๆบานเดียว พอเข้ามาขึ้นบันไดก็เจอล็อบบี้ ที่นี้เป็นโฮลเทลครับ อารมณ์เหมือนนอนอยู่บ้าน
ที่นี้เขาเก็บค่ามัดจำกุญแจ 10 เหรียญพอเช็คเอาท์เขาก็คืนครับ ทางเดินมีภาพวาดฝาผนังตามจุดที่ว่างๆให้ดูรกๆเขาไว้ ไม่ให้กำแพงมันโล่งดูสวยดีครับอาร์ทๆ
ในห้องที่ผมจองไว้เข้ามาก็เป็นเตียงสองชั้น นอนได้ 4 คนครับห้องไม่ได้กว้างมากพอดีวางของรื้อของสะดวก
ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมชายหญิงเลยนะครับ
ที่นี้คนพักเยอะเหมือนกันนับรองเท้าที่ถอดไว้ได้เกือบร้อยคู่ ที่พักดูเรียบง่ายสะอาดดีครับคนดูแลเป็นกันเองถึงคุยกันไม่รู้เรื่องแต่ยิ้มแย้มต้อนรับดี
แบกเป้ ลากกระเป๋าเที่ยวต่างประเทศ(สิงค์โปร)ครั้งแรกด้วยตัวเอง
ในทริปนี้ผมได้เพื่อนร่วมทริปอีก 3 คนร่วมผมเป็น 4 โดยแต่ละคนไม่เคยไปสิงคโปร์เลยสักครั้งแถมเลยรู้เรื่องจะไปถูกไหม แถมผมนั้นทักษะด้านภาษาต่ำเตี้ยได้ประมาณ yes no ok goodbyb 555 อีกต่างหากแต่ยังดีที่มีเพื่อนคนนึงที่พอดูภาษาอังกฤษได้เลยคิดว่าคงไปรอดเวลาหลงทาง (ขนาดเที่ยวในไทยยังหลงไปนอกจะไม่หลงได้ไง555) ที่ผมเลือกจะไปสิงคโปร์เป็นที่แรกเพราะสิงค์โปรการเดินทางไปแต่ละที่สะดวกมีรถไฟใต้ดินทั้งเมือง จะได้ไม่มีปัญหาในการเดินทางไปเที่ยวในที่ต่าง ๆ ในทริปนี้ผมจองตั๋วเครื่องบินกับที่พักล่วงหน้าถึง 3 เดือน จากที่ไม่รู้อะไรเลยแถมผมไม่อยากดูรีวิวของคนที่ไปมาก่อนเพื่อที่จะไปดูด้วยตัวเองเลยทำให้ไม่รู้จักจุดไหนเลยว่าเป็นยังไงการจองที่พักยิ่งลำบาก แถมเพื่อนแต่ละคนก็ไม่รู้เรื่องพอกันและจองไม่เป็นอีกต่างหากความซวยเลยตกมาอยู่ที่ผม 555 เรื่องจองตั๋วเครื่องบินผมไม่มีปัญหาผมใช้ app ทราเวลโลก้าในการจองผมจองล่วงหน้าถึง 3 เดือนได้ตั๋วขาไปเป็นไลอ้อนแอร์ขากลับแอร์เอเชีย ไปกลับประมาณ 4,400 ถึงว่าไม่แพงแถมเป็นหน้าฝนด้วยผมไปยังกลัวฝนจะตกเลยโชดดีที่ไปแล้วไม่เจอฝนเลยสักเม็ด ^_^ ส่วนปัญหาต่อมาเป็นเรื่องที่พักในสิงคโปร์ ในสิงคโปร์ผมก็รู้จักอยู่สองอย่าง คือ merlion รูปปั้นแมวพ่นน้ำ อุ๋งๆ(มันใช่หรา) กับ universal studios สวนสนุกระดับโลก ส่วนที่อื่นผมไม่รู้จักเลยทำให้ไม่รู้ว่าจะจองที่ไหนดี เลยต้องเปิดดู google ว่าที่พักในสิงค์โปรหลังจากดูแล้วที่พักหลักๆที่คนไทยเวลาไปเที่ยวจะอยู่ 3-4 จุด 1.ไชน่าทาวน์ ย่านคนจีนคล้ายๆเยาวราชบ้านเรา 2.ลิตเติ้ลอินเดีย 3.คลาร์กคีย์ ย่านร้านแสงสีร้านอาหารริมน้ำ 4.เกลัง ย่านโคมแดง(ประมาณซ่องแบบถูกกฏหมายของสิงคโปร์ที่พักถูกคนไทยไปเยอะเหมือนกัน) หลังจากดูแล้วผมเลยเลือก ไชน่าทาวน์เพราะเป็นแหล่งของกินเหมือนเยาวราชบ้านเรา ในไชน่าทาวน์ผมได้จองไปสองวัน ส่วนคืนที่สามผมว่าต้องการที่จะตื่นเช้าเพื่อที่จะไปถ่ายรูป merlion เลยหาที่พักใน app ทราเวลโวก้าพิกัด merlion แต่พอเปิดไปดันเจอย่านไชน่าทาวน์ 555 สรุปแล้วจริง ๆไชน่าทานว์มันก็ห่างจาก merlion ไม่ไกล แต่ผมอยากเปลี่ยนที่พักเลยไปเจอฝั่ง คลาร์กคีย์ ที่แทนเขาว่าสวยตื่นมาเห็นวิวริมน้ำ เลยได้ทำการไปทั้งตั๋วเครื่องบินแหละโรงแรมที่พักและรอเดินทางในอีก 3 เดือนชั่งยาวนานจริง ๅ
ผ่านไป 3 เดือน
เนื่องจากเครื่องผมออกไฟท์ 7.40 จะไปต่างประเทศต้องไปก่อนสัก 2 ชั่วโมงทำให้ผมต้องตื่นตั้งแต่ตี 3 นั่งแท็กซี่ไปสนามบินดอนเมือง ถึงเวลาตี 4 มาถึงก็หิวเลยต้องจัดสักมื้อก่อนออกเดินทาง
เช้าๆร้านในศูนย์อาหารยังไม่ค่อยเปิดมีไม่มีร้านเลยได้นาดหน้ามาจานในราคา 780บาทแถวบ้านกินได้ตั้ง 2 จาน 555 หลังกินได้สักพักเพื่อนร่วมชะตากรรมที่ผมจะพาไปตกระกำลำบากมาโผล่มาที่ละตัว 555 กะว่าหลงแน่นอน ก่อนจะเดินทางที่ขาดไม่ได้ก็คือ อินเตอร์เน็ต เพราะต้องเอาไว้ลงเฟสอวดเพื่อนที่ไทยตลอดทาง 555 เพื่อนมันยังไม่ได้ซื้อมาส่วนผมซื้อ sim2fly ของ ais ล่วงหน้าใน shapee ราคา 299 แต่ต้องไปลงทะเบียนเปิดซิมที่ศูนย์ ais ก่อนเดินทางสักวันส่วนเพื่อนผมซื้อที่สนามบินพร้อมเปิดเบอร์ในราคาเต็ม 399 ซิมนี้ใช้ได้ 4g 8 วัน ความเร็วก็โอเคอยู่ครับ มีอีกแบบคือไปซื้อเน็ตที่สิงค์โปรได้ครับ
เมื่อพร้อมแล้วก็ไปเช็คอินขึ้นเครื่องรอเวลา 7 โมง
วันนี้โชดดีที่ฝนตกตั้งแต่เมื่อคืนเช้านี้ท้องฟ้าเลยโล่งแต่หน้าต่างยังเปียกอยู่เลย
จากไทยไปสิงค์โปรในเวลาในการเดินทาง 2 ชั่วโมง 40 นาที เวลาในสิงค์โปรจะเร็วกว่าในไทย 1 ชั่วโมงสมมุติในไทยเวลา 8.00 น. แต่สิงค์โปรจะเป็น 9.00 น. ตอนอยู่บนเครื่องแอร์จะแจกใบตรวจคนเข้าประเทศให้เตรียมปากกาไปสักด้านด้วยจะได้ไม่ต้องไปหาเอาข้างหน้ามันจะลำบาก
มันเป็นภาษาอังกฤษหมดเลยส่วนใครกรอกไม่เป็นเป็นหาในเน็ตจดไปก่อนได้ครับส่วนผมลอกเพื่อนเอา 555 ขนาดภาษาไทยจะเกือบตกภาษาอังกฤษคงไม่รอดแคล้วจะเขียนมั่วคงจะโดนตม.จับตัวไว้เป็นแน่
เมื่อถึงสนามบินลงจากเครื่องตรงตามเวลาเป๊ะไม่เหมือนรฟท.เลทประจำ555 (แต่เขาว่าเดียวนี้แอบเป๊ะตรงเวลาเหมือนกันนะเขาพัฒนาแล้ว) เพื่อนผมลงเครื่องได้มันก็หาเก้าอี้เขียนใบตม.ตรงจุดเดินออกเลย แต่ยังไม่ทันเขียนก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาพูด $@฿#&%&”$ สรุปเขาไล่ให้ไปเขียนขนาดนอกให้เดินออกจากเครื่องตรวจก่อน 555 อาบเขาไม๊ละนั้น ออกจากเครื่องตรวจก็จะมีโต๊ะให้นั่งเขียนส่วนคนที่เขียนแล้วก็ออกไปเดินถ่ายรูปเล่นเก๋ได้ 555
พอเขียนเสร็จ ก็เดินไปตม.ต่อแต่เดินมาพักนึงก็ยังหาไม่เจอคนอื่นเขาไปกันหมดแล้ว(หลงตั้งแต่สนามบินเลย T^T) ทางขวาขึ้นรถไฟซ้ายทางเดินยาวๆ ผมเลยให้เพื่อนไปถามเจ้าหน้าที่ที่ยืนเฝ้าดูเขาพูด ฿#&@฿^&” แล้วชี้ไปทางรถไฟ เขาคงคิดว่าเราจะเข้าใจ555 คงจะให้ขึ้นรถไฟแต่พวกผมคุยกันว่าไม่มีตั๋วรถไฟขึ้นได้หรอกจะทำไงเลยไปถามเจ้าหน้าที่อีกคนเขาก็ชี้ไปทางซ้ายทางเดินยาว ๆ แต่ละคนเลยต้องแบกเป้ลากกระเป๋าไปทางเดินแทน ทางเดินจะมีเหมือนทางเลื่อนสามารถขึ้นได้เลยเราได้ไม่เมื่อย
เดินไปถ่ายรูปไปเกะกะชาวบ้านไปเรื่อยจนเขาแทบจะมองหน้าละ 555. แต่พอเขามองไปทางขวาไอ้รถไฟที่เห็นตอนแรกมันก็คือที่เดียวกะที่เราไป สรุปเขาให้ขึ้นฟรี พวกเราจะเดินให้เมื่อยเพื่อ...555 มาครั้งแรกเอาเป็นประสบการณ์ละกัน พอมาสุดท้ายเราก็จะเจอตม.คนยืนต่อแถวกันเต็มในผ่านได้ก็รอด ใครไม่ผ่านโดนจับส่งกลับไทยแน่นอน 555 โชดดีละกันครับ เมื่อผ่านตม.เราก็ต้องเดินไปรับกระเป่าที่โหลดใต้เครื่อง พวกผมรอดจากมือตม.มาได้อย่างปลอดภัย แต่...กระเป๋าเพื่อนผมไม่รอด
กระเป๋าใหม่เอี่ยมกลายเป็นทหารผ่านศึกยังกะผ่านสงครามมาเลยขนาดขอติดสติ๊กเกอร์ห้ามโยน 555 ในเอากระเป๋าดีๆมาใช้แนะนำหาถุงกันกระแทกกันรอยใส่ด้วย สนามบินกันไปรษณีย์เขาเป็นคู่แข่งไม่มีใครยอมให้ 0_0 หลังจากลากกระเป๋าออกมาทาง mrt พวกผมก็มาซื้อบัตร mrt บัตรที่คนไทยเวลามากันจะมีสองประเภท อย่างแรกคือ tourist pass เป็นบัตรแบบเดินทางไม่อั้น 3 วันจะใช้เท่าไรก็ได้ ราคา 45 เหรียญ(จำไม่ได้น่าจะประมาณนี้)อีกประเภทคือตั๋วแบบ EZ-Link เป็นบัตรแบบเติมเงิน ราคา 12 บัตรจะมีแค่ 5 เหรียญอีก 7 เหรียญเป็นค่าบัตร (ผมเอาบัตรไปคืนตอนขากลับเขาให้แค่เงินที่เหลือในบัตรไม่ให้ค่าบัตร 7 เหรียญคืนเพราะงั้นเก็บไว้เป็นที่ระลึกน่าจะดีกว่าครับบัตรนี้สามารถขึ้นรถไฟไป เกาะเซนโตซ่าได้ด้วย แต่แบบ tourist pass ใช้ไปเกาะเซนโตซ่าไม่ได้ต้องไปซื้อเพิ่ม ผมแนะนำว่าในไปให้ใช้ EZ-Link ดีกว่าผมเติมเงินเพิ่มไปอีก 10 เหรียญตอนกลับยังเห็น 3 เหรียญกว่าขนาดใช้ทั้งวัน เขาไม่รับเติมเงินที่คนขายครับเขาไล่ให้มาเติมที่ตู้อัตโมมัติแทน รวมเวลาในสนามบินที่เดิหลงบวกกับผ่านตม.เกือบ 3 ชั่วโมง
รถไฟ mrt สิงคโปร์มีผ่านทั้งเมืองเดินทางสะดวกจุดหมายผมต้องไปลงสถานี China town ต้องเปลี่ยนสายรถไฟฟ้ารอบนึง ตอนแรกผมจะให้ไปลงสถานี outram park แต่เพื่อนผมเห็นสถานี tanah merah ถึงก่อนเลยให้ลง พอลงไปก็หาทางไปต่อไม่ถูกเดินออกไปก็เจอถนนเลย หลงตั้งแต่สนามบินยัน mrt 555 ผมเลยบอกให้ไปลงที่เดิมสถานี outram park พอนั่งเถียงกันสักพักก็มีคนพูดภาษาไทยบอกต้องลงไปใต้ดินครับ สงสัยเขาคงรำคาญเสียงเสียงพวกเรา ^_^ พวกผมเลยหาทางไปต่อได้ 555
หลังจากมาถึงสถานี china town จะมีทางออกหลายทาง
พวกผมจะไป ย่านchina townเห็นป้ายเขียนว่า china town point เลยออกทางทางนี้ โผล่ออกมาก็เจอเหมือนห้างขายของบ้านเรา
พอเดินออกมาเจอถนน ถนนหนทางที่สิงคโปร์เขาดูสะอาด ฟุตบาททางเดินผมชอบมากเลยปูพื้นไม่มีสะดุด ถ้าเป็นไทยนะพื้นทรุดแตกสะดุดตั้งแต่ก้าวแรกเลย555
เดินมาสักกิโลตาม gps ผมก็มาถึง ย่าน ไชน่าทาวน์ เมืองเขาก็กลิ่นอายคล้ายเยาวราชบ้านเราแต่ดูสะอาดกว่า
เดินเขามานิดหน่อยก็ถึงที่พักเลยหาง่าย
อยู่เยื้องกับวัดศรีมาริอัมมันต์เลย หาง่าย
ทางเข้าที่พักเป็นแค่ประตูเล็กๆบานเดียว พอเข้ามาขึ้นบันไดก็เจอล็อบบี้ ที่นี้เป็นโฮลเทลครับ อารมณ์เหมือนนอนอยู่บ้าน
ที่นี้เขาเก็บค่ามัดจำกุญแจ 10 เหรียญพอเช็คเอาท์เขาก็คืนครับ ทางเดินมีภาพวาดฝาผนังตามจุดที่ว่างๆให้ดูรกๆเขาไว้ ไม่ให้กำแพงมันโล่งดูสวยดีครับอาร์ทๆ
ในห้องที่ผมจองไว้เข้ามาก็เป็นเตียงสองชั้น นอนได้ 4 คนครับห้องไม่ได้กว้างมากพอดีวางของรื้อของสะดวก
ส่วนห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำรวมชายหญิงเลยนะครับ
ที่นี้คนพักเยอะเหมือนกันนับรองเท้าที่ถอดไว้ได้เกือบร้อยคู่ ที่พักดูเรียบง่ายสะอาดดีครับคนดูแลเป็นกันเองถึงคุยกันไม่รู้เรื่องแต่ยิ้มแย้มต้อนรับดี