มนุษย์จะสร้างสิ่งสมมุติเพื่อมากำหนดสิ่งสมมุติ และมีการคิดค้นทฤษฎีต่างๆมาเพื่ออธิบายสิ่งสมมุติเหล่านั้น
เนื่องเพราะมิรู้ขอบเขตจึงกำหนดขอบเขต ทฤษฎีต่างๆ มันจึงต้องอยู่ ภายใต้ ขอบเขตของสมมุติฐานที่กำหนดให้ จึงเป็นจริง
ทุกสิ่งที่เราเห็น เราได้ยิน เรารับรู้ เราสัมผัส ล้วนเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เท่าที่เขตจำกัดของความรับรู้ของแต่ล่ะคนรับได้เท่านั้น
หากแต่ธรรมชาติยังมีปรากฏการณ์เหนือสัมผัส เหนือความรับรู้ได้ของเรา แต่เรามิอาจสัมผัส
ประสบการณ์จากประสาทสัมผัสง่ายๆ ที่ผมเชื่อว่าทุกคนหากได้ทำ ผลที่ออกมา คุณจะรู้สึกประหลาดใจ ซึ่งผมได้ลองให้คนในครอบครัว
ลองปฏิบัติและทำดู ผลที่ออกมาทุกคนรับรู้ได้เหมือนกัน แต่อาจจะมากน้อยขึ้นแต่ละคน แต่รับรู้ได้ว่ามันดีขึ้น ชัดขึ้น เช่นเรื่องจมูกทิพย์
ยกตัวอย่างเมื่อตอนผมกินเจ พอย่างเข้าวันที่สามของการกินเจ จมูกผมจะสัมผัสถึงกลิ่นเหม็นสาปของคนกินเนื้อชัดเจนมาก
ถึงขนาดเปิดประตูเข้าไปใน ออฟฟิส รู้สึกตกใจนี่มันหมอกอะไร แต่ความจริงหาใช่หมอกไม่ กลับเป็นกลิ่นเหม็น
ที่มันจะตลบอบอวลเป็นดั่งหมอกให้เราสัมผัสได้ ( เป็นเหมือนหมอกจริงๆเลยครับ เห็นได้สัมผัสได้เลย )
บางคนแรงมาก มันออกมาทั้งทางลมหายใจ และกลิ่นตัว แม้อยู่ไกลกันคนล่ะฝั่ง ห่างกันสามสี่เมตร กลิ่นมันยังคลุ้งมากระทบ
จนบางทีผมเองทนไม่ได้ ต้องหลบออกไป ต้องใช้แมสเข้าช่วย ตลอดเทศกาลกินเจเลย และเป็นแบบนี้ทุกปี
ในรถหากมีคนกินเนื้อเข้าไปนั่ง ผมจะรู้ได้ทันทีว่ามีคนกินเนื้อมานั่งในรถ แม้คนนั่งจะไม่อยู่แล้วเพราะกลิ่นมันจะอบอวลอยู่อย่างนั้นไม่หาย
แม้ว่าจะเปิดประตูหน้าต่างรถ เพื่อระบายอากาศ และนำรถไปตากแดดกลางแจ้งแล้ว กลิ่นมันจะยังคงอยู่อย่างนั้น
สามสี่วันถึงจะจางหายไป
จากประสบการณ์ที่ผมประสบ ผมถึงไม่แปลกใจ สุนัขที่เขาว่ามีจมูกดีกว่าเราหลายร้อยเท่า
สามารถตามกลิ่นในอากาศแม้จะผ่านไปหลายวันแล้ว กลับบ้านได้ถูกต้อง เพราะกลิ่นที่เรามองไม่เห็น มันมิได้จางหายไปง่ายๆ
ดังที่เราเข้าใจ หากแต่มันยังคงตลบอบอวลในอากาศ เหมือนดั่งเช่นที่อบอวลอยู่ในรถผมถึงสามสี่วัน แม้คนอื่นจะมิได้กลิ่น
แต่เรากลับได้กลิ่น ( เหมือนมีจมูกทิพย์ ขึ้นมาทันที )
เลยย้อนนึกไปถึงเคยอ่านเจอที่หลวงปู่มั่นเคยพูดไว้ว่า พวกเทวดาไม่อยากมาใกล้พวกมนุษย์ เพราะเหม็นสาบคาวมนุษย์
กลิ่นสาปมันเหม็นคละคุ้งไปไกล หลวงปู่มั่นยังบอกว่า เทวดาเป็นผู้มีตาทิพย์หูทิพย์ แลเห็นได้ไกลฟังเสียงได้ไกล
รู้เรื่องดีชั่วของชาวมนุษย์
ประสบการณ์ที่ผมประสบด้วยตัวเอง เรื่องกลิ่น ใหม่ๆเลยผมหลงคิดว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษมองเห็นกลิ่นที่คละคลุ้ง
แต่หลังจากให้คนในครอบครัวลองกินเจ ปรากฏว่าผลออกมาคล้ายๆกัน รับรู้ได้ถึงกลิ่นเหม็นสาปเหมือนกัน
ผมถึงสรุปว่า มันเป็นธรรมดาที่ใครๆเขาก็เป็นกันได้ สัมผัสได้
ผมจึงเชื่อว่าในโลกเรายังมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ธรรมดา แต่เพราะเรามิอาจรับรู้หรือสัมผัส จึงคิดว่ามันไม่ธรรมดา
เช่นหูทิพย์ ตาทิพย์ แท้จริงแล้ว หากเราได้รับการฝึกที่ถูกต้อง เมื่อถึงเวลา ถึงพร้อมถึงปัจจัย ถึงพร้อมถึงขอบเขตของธรรมชาตินั้นๆ
ความธรรมดาทางธรรมชาติมันก็จะปรากฏให้เห็น ให้สัมผัสได้เอง มันจึงมิใช่เป็นของวิเศษเหนือโลกอะไรเลย หากแต่เรายังเข้าไม่ถึง
มันก็เป็นเช่นนั้นเอง
:
:
:
ผมถึงสรุปจากประสบการณ์ได้ว่า คนเราเมื่อฝึกหรือทำอะไรให้แตกต่างจากคนปกติเขาทำกัน
ผลที่ออกมาย่อมทำให้เราแตกต่างเป็นธรรมดา
คนเหมือนกัน ต่างกันแค่ Input กับ Output แค่นั้นเอง
:
:
:
---ผลึกหิน---
@@@เพราะ Input ที่ต่าง Output ก็เลยต่าง ก็แค่นั้นเอง@@@ —-ผลึกหิน—-
เนื่องเพราะมิรู้ขอบเขตจึงกำหนดขอบเขต ทฤษฎีต่างๆ มันจึงต้องอยู่ ภายใต้ ขอบเขตของสมมุติฐานที่กำหนดให้ จึงเป็นจริง
ทุกสิ่งที่เราเห็น เราได้ยิน เรารับรู้ เราสัมผัส ล้วนเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ เท่าที่เขตจำกัดของความรับรู้ของแต่ล่ะคนรับได้เท่านั้น
หากแต่ธรรมชาติยังมีปรากฏการณ์เหนือสัมผัส เหนือความรับรู้ได้ของเรา แต่เรามิอาจสัมผัส
ประสบการณ์จากประสาทสัมผัสง่ายๆ ที่ผมเชื่อว่าทุกคนหากได้ทำ ผลที่ออกมา คุณจะรู้สึกประหลาดใจ ซึ่งผมได้ลองให้คนในครอบครัว
ลองปฏิบัติและทำดู ผลที่ออกมาทุกคนรับรู้ได้เหมือนกัน แต่อาจจะมากน้อยขึ้นแต่ละคน แต่รับรู้ได้ว่ามันดีขึ้น ชัดขึ้น เช่นเรื่องจมูกทิพย์
ยกตัวอย่างเมื่อตอนผมกินเจ พอย่างเข้าวันที่สามของการกินเจ จมูกผมจะสัมผัสถึงกลิ่นเหม็นสาปของคนกินเนื้อชัดเจนมาก
ถึงขนาดเปิดประตูเข้าไปใน ออฟฟิส รู้สึกตกใจนี่มันหมอกอะไร แต่ความจริงหาใช่หมอกไม่ กลับเป็นกลิ่นเหม็น
ที่มันจะตลบอบอวลเป็นดั่งหมอกให้เราสัมผัสได้ ( เป็นเหมือนหมอกจริงๆเลยครับ เห็นได้สัมผัสได้เลย )
บางคนแรงมาก มันออกมาทั้งทางลมหายใจ และกลิ่นตัว แม้อยู่ไกลกันคนล่ะฝั่ง ห่างกันสามสี่เมตร กลิ่นมันยังคลุ้งมากระทบ
จนบางทีผมเองทนไม่ได้ ต้องหลบออกไป ต้องใช้แมสเข้าช่วย ตลอดเทศกาลกินเจเลย และเป็นแบบนี้ทุกปี
ในรถหากมีคนกินเนื้อเข้าไปนั่ง ผมจะรู้ได้ทันทีว่ามีคนกินเนื้อมานั่งในรถ แม้คนนั่งจะไม่อยู่แล้วเพราะกลิ่นมันจะอบอวลอยู่อย่างนั้นไม่หาย
แม้ว่าจะเปิดประตูหน้าต่างรถ เพื่อระบายอากาศ และนำรถไปตากแดดกลางแจ้งแล้ว กลิ่นมันจะยังคงอยู่อย่างนั้น
สามสี่วันถึงจะจางหายไป
จากประสบการณ์ที่ผมประสบ ผมถึงไม่แปลกใจ สุนัขที่เขาว่ามีจมูกดีกว่าเราหลายร้อยเท่า
สามารถตามกลิ่นในอากาศแม้จะผ่านไปหลายวันแล้ว กลับบ้านได้ถูกต้อง เพราะกลิ่นที่เรามองไม่เห็น มันมิได้จางหายไปง่ายๆ
ดังที่เราเข้าใจ หากแต่มันยังคงตลบอบอวลในอากาศ เหมือนดั่งเช่นที่อบอวลอยู่ในรถผมถึงสามสี่วัน แม้คนอื่นจะมิได้กลิ่น
แต่เรากลับได้กลิ่น ( เหมือนมีจมูกทิพย์ ขึ้นมาทันที )
เลยย้อนนึกไปถึงเคยอ่านเจอที่หลวงปู่มั่นเคยพูดไว้ว่า พวกเทวดาไม่อยากมาใกล้พวกมนุษย์ เพราะเหม็นสาบคาวมนุษย์
กลิ่นสาปมันเหม็นคละคุ้งไปไกล หลวงปู่มั่นยังบอกว่า เทวดาเป็นผู้มีตาทิพย์หูทิพย์ แลเห็นได้ไกลฟังเสียงได้ไกล
รู้เรื่องดีชั่วของชาวมนุษย์
ประสบการณ์ที่ผมประสบด้วยตัวเอง เรื่องกลิ่น ใหม่ๆเลยผมหลงคิดว่าตัวเองมีสัมผัสพิเศษมองเห็นกลิ่นที่คละคลุ้ง
แต่หลังจากให้คนในครอบครัวลองกินเจ ปรากฏว่าผลออกมาคล้ายๆกัน รับรู้ได้ถึงกลิ่นเหม็นสาปเหมือนกัน
ผมถึงสรุปว่า มันเป็นธรรมดาที่ใครๆเขาก็เป็นกันได้ สัมผัสได้
ผมจึงเชื่อว่าในโลกเรายังมีปรากฏการณ์ทางธรรมชาติ ที่ธรรมดา แต่เพราะเรามิอาจรับรู้หรือสัมผัส จึงคิดว่ามันไม่ธรรมดา
เช่นหูทิพย์ ตาทิพย์ แท้จริงแล้ว หากเราได้รับการฝึกที่ถูกต้อง เมื่อถึงเวลา ถึงพร้อมถึงปัจจัย ถึงพร้อมถึงขอบเขตของธรรมชาตินั้นๆ
ความธรรมดาทางธรรมชาติมันก็จะปรากฏให้เห็น ให้สัมผัสได้เอง มันจึงมิใช่เป็นของวิเศษเหนือโลกอะไรเลย หากแต่เรายังเข้าไม่ถึง
มันก็เป็นเช่นนั้นเอง
:
:
:
ผมถึงสรุปจากประสบการณ์ได้ว่า คนเราเมื่อฝึกหรือทำอะไรให้แตกต่างจากคนปกติเขาทำกัน
ผลที่ออกมาย่อมทำให้เราแตกต่างเป็นธรรมดา
คนเหมือนกัน ต่างกันแค่ Input กับ Output แค่นั้นเอง
:
:
:
---ผลึกหิน---