สวัสดีค่ะเพื่อนๆทุกคน วันนี้เรายืมรหัสพี่มาเขียนบอกเล่าเรื่องราวที่เป็นกังวลมานานหลังพบว่าหน้าของตัวเองมีปัญหาฝ้าหนักมาก เริ่มเป็นมา 2 ปีแล้วค่ะ แต่ด้วยความไม่ได้สนใจอะไรเพราะยังไม่ได้ห่วงสวยมากนัก จนฝ้ามันกระจายไปหลายจุดหนักกว่าเดิมจนอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว
สาเหตุการเกิดของเรามาจากช่วงวัยมัธยมเริ่มหาครีมทาหน้ามาใช้เพื่อให้ “หน้าขาว” “หน้าใส” ใช้หลายตัวมากตามคำบอกของคนใกล้ตัว โดยที่ไม่ได้รู้หรอกค่ะว่ามันดีจริงไหม มีส่วนผสมของอะไรบ้าง ใครว่าดีตอนนั้นก็ควักเงินซื้อรัวๆจ้า ʕ·ᴥ· ʔ
เพิ่งหยุดใช้พวกครีมโนเนมตอน ม.6 และหลังจากนั้นก็หาครีมบำรุงดีๆเยอะแยะมากมายที่ขายในช็อปแบรนด์ แต่สุดท้ายอย่างที่ทุกคนทราบกันว่า “ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” ต่อให้เรเซอร์ (เจ็บบบ มากกกก) ก็ไม่หายค่ะ เพราะงั้นเราจึงมาปรับพฤติกรรมที่จะทำให้เสี่ยงในการเกิดฝ้าแทน พร้อมกับบำรุงให้ตรงจุดด้วยนั่นเอง
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้า หลักๆของเรา คือ
ครีมหน้าขาว และการแพ้เครื่องสำอางบางประเภท
รังสี UV บ้านเรานี่ก็ด้วยค่ะ แดด!!!!! แรง!!!! มากกกก !!!!! ทำลายผิวสุด
ความร้อน ไอร้อน จากเตาไฟ และทุกๆที่ค่ะ
วิธีรักษาฝ้าของเราคือการเลือกใช้ครีมบำรุง ครีมรักษาฝ้า ( Melasma ) ที่มีส่วนผสมต่างๆที่ช่วยรักษาอย่างตรงจุด โดยตัวที่เราเลือกใช้มาสักพักและรู้สึกดีขึ้นหลังใช้มา 1 เดือนกว่า คือ Oxe’cure Anti-Melasma Cream หลอดนี้ค่ะ
ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เราเลือกใช้ เช่น
Glabridin และ Tranexamic acid : ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินและการกระจายของฝ้า พร้อมซ่อมแซมผิวด่างดำ
Alpha arbutin : ยับยั้งการผลิต Melanin
Allantoin : ช่วยลดอาการอักเสบ ทำให้รอยดำจากการอักเสบลดลง ผิวชุ่มชื้น
Chamomile : ช่วยลดอาการแพ้ การระคายเคือง
ปัจจุบันใช้มาสองหลอดแล้วค่ะ เป็นคนที่เวลาใช้อะไรจะใช้แค่เพียงแบรนด์เดียวเพื่อต้องการเห็นผลอย่างชัดเจน กลัวว่าถ้าใช้แบรนด์อื่นเพิ่มแล้วถ้าหาย หรือแย่ลง จะไม่รู้ว่าจากแบรนด์อะไร และตัวนี้เราใช้มาจะเข้า 2 เดือนแล้ว ฝ้ามันจางลงแต่ไม่ถึงขั้นหายไปนะคะ ผลจากการใช้เรารู้สึกประทับใจมาก
วิธีใช้ : ใช้ประจำหลังอาบน้ำเลยค่ะ เพื่อให้เห็นผลชัดเจนเราใช้ต่อเนื่องไม่เว้นวัน ใช้ เช้า เย็น หลังทาครีมทาฝ้าแล้วก็ตามด้วยครีมบำรุงหน้า กันแดด และอื่นๆ
หลังใช้ OXE’CURE ANTI-MELASMA CREAM ส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าหน้าดีขึ้น เพราะเป็นหนักจริงๆค่ะ ผิวชุ่มชื้นและรู้สึกถึงความใสของผิวในขณะที่รอยฝ้าจางลง อ้อ! ผลจากการใช้ของแต่ละคนแตกต่างกันนะคะ ของเราใช้เวลานานหน่อยแต่ก็เห็นผลจากการใช้ที่ดีเลยอยากบอกต่อให้กับเพื่อนๆที่มีปัญหาเดียวกัน
ลองดูค่ะ หาวิธีที่ถนอมผิวเราก่อนที่จะไปรักษากับขั้นตอนที่เสี่ยงและฟีตแบครุนแรงกับผิว
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ หากดีขึ้นกว่าเดิมด้วยจะมาบอกเล่าอีกจ้า ᵔᴥᵔ
[CR] อายุ 20 หน้าเป็น “ฝ้า” หนักมาก [ มีรูป + ทริค ] ♥
สาเหตุการเกิดของเรามาจากช่วงวัยมัธยมเริ่มหาครีมทาหน้ามาใช้เพื่อให้ “หน้าขาว” “หน้าใส” ใช้หลายตัวมากตามคำบอกของคนใกล้ตัว โดยที่ไม่ได้รู้หรอกค่ะว่ามันดีจริงไหม มีส่วนผสมของอะไรบ้าง ใครว่าดีตอนนั้นก็ควักเงินซื้อรัวๆจ้า ʕ·ᴥ· ʔ
เพิ่งหยุดใช้พวกครีมโนเนมตอน ม.6 และหลังจากนั้นก็หาครีมบำรุงดีๆเยอะแยะมากมายที่ขายในช็อปแบรนด์ แต่สุดท้ายอย่างที่ทุกคนทราบกันว่า “ฝ้าไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้” ต่อให้เรเซอร์ (เจ็บบบ มากกกก) ก็ไม่หายค่ะ เพราะงั้นเราจึงมาปรับพฤติกรรมที่จะทำให้เสี่ยงในการเกิดฝ้าแทน พร้อมกับบำรุงให้ตรงจุดด้วยนั่นเอง
ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดฝ้า หลักๆของเรา คือ
ครีมหน้าขาว และการแพ้เครื่องสำอางบางประเภท
รังสี UV บ้านเรานี่ก็ด้วยค่ะ แดด!!!!! แรง!!!! มากกกก !!!!! ทำลายผิวสุด
ความร้อน ไอร้อน จากเตาไฟ และทุกๆที่ค่ะ
วิธีรักษาฝ้าของเราคือการเลือกใช้ครีมบำรุง ครีมรักษาฝ้า ( Melasma ) ที่มีส่วนผสมต่างๆที่ช่วยรักษาอย่างตรงจุด โดยตัวที่เราเลือกใช้มาสักพักและรู้สึกดีขึ้นหลังใช้มา 1 เดือนกว่า คือ Oxe’cure Anti-Melasma Cream หลอดนี้ค่ะ
ส่วนประกอบสำคัญที่ทำให้เราเลือกใช้ เช่น
Glabridin และ Tranexamic acid : ลดการสร้างเม็ดสีเมลานินและการกระจายของฝ้า พร้อมซ่อมแซมผิวด่างดำ
Alpha arbutin : ยับยั้งการผลิต Melanin
Allantoin : ช่วยลดอาการอักเสบ ทำให้รอยดำจากการอักเสบลดลง ผิวชุ่มชื้น
Chamomile : ช่วยลดอาการแพ้ การระคายเคือง
ปัจจุบันใช้มาสองหลอดแล้วค่ะ เป็นคนที่เวลาใช้อะไรจะใช้แค่เพียงแบรนด์เดียวเพื่อต้องการเห็นผลอย่างชัดเจน กลัวว่าถ้าใช้แบรนด์อื่นเพิ่มแล้วถ้าหาย หรือแย่ลง จะไม่รู้ว่าจากแบรนด์อะไร และตัวนี้เราใช้มาจะเข้า 2 เดือนแล้ว ฝ้ามันจางลงแต่ไม่ถึงขั้นหายไปนะคะ ผลจากการใช้เรารู้สึกประทับใจมาก
วิธีใช้ : ใช้ประจำหลังอาบน้ำเลยค่ะ เพื่อให้เห็นผลชัดเจนเราใช้ต่อเนื่องไม่เว้นวัน ใช้ เช้า เย็น หลังทาครีมทาฝ้าแล้วก็ตามด้วยครีมบำรุงหน้า กันแดด และอื่นๆ
หลังใช้ OXE’CURE ANTI-MELASMA CREAM ส่วนตัวแล้วเรารู้สึกว่าหน้าดีขึ้น เพราะเป็นหนักจริงๆค่ะ ผิวชุ่มชื้นและรู้สึกถึงความใสของผิวในขณะที่รอยฝ้าจางลง อ้อ! ผลจากการใช้ของแต่ละคนแตกต่างกันนะคะ ของเราใช้เวลานานหน่อยแต่ก็เห็นผลจากการใช้ที่ดีเลยอยากบอกต่อให้กับเพื่อนๆที่มีปัญหาเดียวกัน
ลองดูค่ะ หาวิธีที่ถนอมผิวเราก่อนที่จะไปรักษากับขั้นตอนที่เสี่ยงและฟีตแบครุนแรงกับผิว
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงตรงนี้นะคะ หากดีขึ้นกว่าเดิมด้วยจะมาบอกเล่าอีกจ้า ᵔᴥᵔ
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้