ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนว่า จขกท เป็นประเภท ครูโพสต์(พัก)ลักจำ ฉะนั้นคนมีครูอย่าลองของ คนมีท้องให้ร้องทักไม่งั้นจะติดดอย
ไม่ต้องขอให้ผมโชว์พอร์ตว่าประสบความสำเร็จแค่ใหน ผมไม่โชว์เด็ดขาดเพราะผมทำโฟโต้ชอปไม่เป็นและไม่ต้องขอเข้ากลุ่มลาย
(ไลน์)เพราะไม่มี
ในคลิปเป็นการวิเคราะห์กราฟเดย์ SET ด้วยเครื่องมือง่ายๆประกอบด้วย กราฟแท่งเทียนกับอินดิเคเตอร์ 2 ตัว คือ RSI และ MSTO เท่านั้น เรียกว่าสายมโนของแท้ Real Mano เพราะเครื่องมือที่ใช้เป็นเครื่องมือประเภท Leading Indicator ไม่มีกราฟหรืออินดี้ตัวเลยบอกจุดซื้อจุดขายอย่างชัดเจนต้องใช้การคาดเดาอย่างเป็นเหตุเป็นผลจากประสบการณ์ส่วนตัวเป็นหลัก (:
ในคลิปเป็นการใช้ กราฟแท่งเทียน(Candlestick) เพื่อบอกราคาความเป็นมาเป็นไปในอดีตเพื่อหาแนวรับแนวต้าน และใช้หาจุดกลับตัวโดยดูจากตัวแท่งเทียนเองและรูปแบบของราคา(Price Action/pattern) ร่วมกับกับอินดี้(Indicator)ใช้บอกภาวะของตลาดหาไดเวอร์เจน(divergance) ใช้บอกความเป็น Bullish/Bearish ภาวะกระทิง/หมี หากถามว่ากระทิงกับหมีเกี่ยวอะไรกับหุ้น บางคนแถวนี้หรือคลิปสอนหุ้นทั่วไปก็อาจจะให้รับตำตอบประมาณว่า มาจากอาการของสัตว์ เวลาสัตว์ต่อสู้กระทิงจะขวิดขี้นหากเป็นหมีก็จะใช้มือตบลง จึงนำมาเรียกอาการของหุ้นเมื่อขี้นหรือลงแรงๆ
แต่ จขกท อยากจะอธิบายเพิ่มให้อีกหน่อยเพื่อให้สมกับเป็นนักวิเคราะห์ (: หากจะบอกเพื่อให้จำอย่างข้อความข้างต้นก็จะดูง่ายไป เลยต้องเพิ่มหน่อย
ภาวะกระทิง Bullish น่าจะมาจากลักษณะนิสัยของมัน คึกคักถึกบึกบึนทรงพลังเปรียบได้กับขี้นหุ้นที่ขี้นแรงๆเป็นอย่าง กระทิง
ภาวะหมี Bearish ก็เช่นกันถามว่าหมีมีพลังมั้ยก็มีครับแต่โดยลักษณะของหมีมักจะอยู่ลำพังเชื่องช้างุ่มง่ามและที่สำคัญ หมีเป็นสัตว์ที่ต้องจำศีลเมื่อฤดูหนาวมาถึงและเมื่อถึงเวลานั้น หมีมันก็จะเอาแต่นอนเป็นบรรยากาศที่ เงียบเหงาซบเซาไร้เรี่ยวแรง เปรียบได้กับหุ้นขาลง ง่อ! เป็นไงแจ่มเลยมั้ยอธิบายแบบนี้ จำใหม่นะครับ ไม่ใช่กระทิงขวิดขี้นหรือหมีตบลง อันนั้นเอาไว้หลอกมือใหม่
สุดท้ายก็จะเป็น Indicator อย่าง RSI กับ STOCHASTIC หลายท่านอาจมองว่าเป็นเครื่องมือที่ซ้ำซ้อนแต่อินดี้ 2 ตัวนี้ให้ความแกว่งเร็วช้าไม่เท่ากันซึ่ง STO จะเร็วกว่ามากซึ่งช่วงระหว่าง RSI เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆยังไม่ถึงจุดที่จะบอกอะไรเราก็เลยต้อง STO เพื่อบอกจุด Overbought/sold นั่นเอง นอกจากนั้นทั้ง 2 ตัวยังใช้บอก Divergance เพื่อหาประมาณการณ์จุดกลับตัวร่วมกับกราฟแท่งเทียนได้อย่างดีอีกด้วย
สุดท้ายนี้ทั้งหมดผมคิดเองเออคนเดียวแต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่ผู้ที่เริ่มต้นสนใจศึกษาเทคนิคคอล ลองดูครับน่าจะเอาไปปรับใช้ได้บ้าง ไปแล้วครับ
อาทิตย์หน้า คนตกรถมีเฮ แน่นอน
( ( ( คนตกรถ ) ) ) ทำคลิปวิเคราะห์กราฟปลอบใจตัวเองแบบง่ายๆมาฝากครับ ดูฟรีไม่ต้องมี 50000 ก็ดูได้
ไม่ต้องขอให้ผมโชว์พอร์ตว่าประสบความสำเร็จแค่ใหน ผมไม่โชว์เด็ดขาดเพราะผมทำโฟโต้ชอปไม่เป็นและไม่ต้องขอเข้ากลุ่มลาย
(ไลน์)เพราะไม่มี
ในคลิปเป็นการวิเคราะห์กราฟเดย์ SET ด้วยเครื่องมือง่ายๆประกอบด้วย กราฟแท่งเทียนกับอินดิเคเตอร์ 2 ตัว คือ RSI และ MSTO เท่านั้น เรียกว่าสายมโนของแท้ Real Mano เพราะเครื่องมือที่ใช้เป็นเครื่องมือประเภท Leading Indicator ไม่มีกราฟหรืออินดี้ตัวเลยบอกจุดซื้อจุดขายอย่างชัดเจนต้องใช้การคาดเดาอย่างเป็นเหตุเป็นผลจากประสบการณ์ส่วนตัวเป็นหลัก (:
ในคลิปเป็นการใช้ กราฟแท่งเทียน(Candlestick) เพื่อบอกราคาความเป็นมาเป็นไปในอดีตเพื่อหาแนวรับแนวต้าน และใช้หาจุดกลับตัวโดยดูจากตัวแท่งเทียนเองและรูปแบบของราคา(Price Action/pattern) ร่วมกับกับอินดี้(Indicator)ใช้บอกภาวะของตลาดหาไดเวอร์เจน(divergance) ใช้บอกความเป็น Bullish/Bearish ภาวะกระทิง/หมี หากถามว่ากระทิงกับหมีเกี่ยวอะไรกับหุ้น บางคนแถวนี้หรือคลิปสอนหุ้นทั่วไปก็อาจจะให้รับตำตอบประมาณว่า มาจากอาการของสัตว์ เวลาสัตว์ต่อสู้กระทิงจะขวิดขี้นหากเป็นหมีก็จะใช้มือตบลง จึงนำมาเรียกอาการของหุ้นเมื่อขี้นหรือลงแรงๆ
แต่ จขกท อยากจะอธิบายเพิ่มให้อีกหน่อยเพื่อให้สมกับเป็นนักวิเคราะห์ (: หากจะบอกเพื่อให้จำอย่างข้อความข้างต้นก็จะดูง่ายไป เลยต้องเพิ่มหน่อย
ภาวะกระทิง Bullish น่าจะมาจากลักษณะนิสัยของมัน คึกคักถึกบึกบึนทรงพลังเปรียบได้กับขี้นหุ้นที่ขี้นแรงๆเป็นอย่าง กระทิง
ภาวะหมี Bearish ก็เช่นกันถามว่าหมีมีพลังมั้ยก็มีครับแต่โดยลักษณะของหมีมักจะอยู่ลำพังเชื่องช้างุ่มง่ามและที่สำคัญ หมีเป็นสัตว์ที่ต้องจำศีลเมื่อฤดูหนาวมาถึงและเมื่อถึงเวลานั้น หมีมันก็จะเอาแต่นอนเป็นบรรยากาศที่ เงียบเหงาซบเซาไร้เรี่ยวแรง เปรียบได้กับหุ้นขาลง ง่อ! เป็นไงแจ่มเลยมั้ยอธิบายแบบนี้ จำใหม่นะครับ ไม่ใช่กระทิงขวิดขี้นหรือหมีตบลง อันนั้นเอาไว้หลอกมือใหม่
สุดท้ายก็จะเป็น Indicator อย่าง RSI กับ STOCHASTIC หลายท่านอาจมองว่าเป็นเครื่องมือที่ซ้ำซ้อนแต่อินดี้ 2 ตัวนี้ให้ความแกว่งเร็วช้าไม่เท่ากันซึ่ง STO จะเร็วกว่ามากซึ่งช่วงระหว่าง RSI เคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆยังไม่ถึงจุดที่จะบอกอะไรเราก็เลยต้อง STO เพื่อบอกจุด Overbought/sold นั่นเอง นอกจากนั้นทั้ง 2 ตัวยังใช้บอก Divergance เพื่อหาประมาณการณ์จุดกลับตัวร่วมกับกราฟแท่งเทียนได้อย่างดีอีกด้วย
สุดท้ายนี้ทั้งหมดผมคิดเองเออคนเดียวแต่ก็หวังว่าจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยแก่ผู้ที่เริ่มต้นสนใจศึกษาเทคนิคคอล ลองดูครับน่าจะเอาไปปรับใช้ได้บ้าง ไปแล้วครับ
อาทิตย์หน้า คนตกรถมีเฮ แน่นอน