[ทู้บ้านนกเสิ่นเจิ้น ใครเป็นใคร สตีฟ แม็คมาน กับ สตีฟ แม็คมานามาน ทำไมชื่อคล้ายกันมาก]

ทู้นี้ความรู้ล้วนๆคร่า

จากบทสนทนา นก angry bird อันลือลั่น
https://ppantip.com/topic/38076953
กระทู้นี้ ต้นกำเนิด นก angry bird แอ๊บเป็นแฟนหงส์ อวดว่ามีความรู้มากมาย แต่ไม่รู้จัก สตีฟ แม็คมาน
https://ppantip.com/topic/37798880
ให้ดู คห ย่อย ของ 10 และ 12 ยาวมาก
ที่สมาชิกหมายเลข 4609054  จับนกแอ๊บ เป็นแฟนหงส์แดงได้ คร่า

ใครเป็นใคร สตีฟ แม็คมาน กับ สตีฟ แม็คมานามาน ไมชื่อคล้ายกันขนาดนี้

สตีฟ แม็คมาน Steve McMahon




ประวัติส่วนตัว

          สตีเฟ่น โจเซฟ "สตีฟ" แม็คมาน (เกิด 20 สิงหาคม 1961) เป็นอดีตนักฟุตบอลอาชีพชาวอังกฤษ, ผู้จัดการทีม และผู้สันทัดกรณีทาง สปอร์ตส์ เทเลวิชั่น เขาเล่นในตำแหน่งกองกลางในช่วงปี 1979-1998 แต่ช่วงเวลาที่โดดเด่นที่สุดในชีวิตการค้าแข้งของเขาคือการเล่นให้กับ ลิเวอร์พูล ในช่วงปลายทศวรรษ 80 แม็คมาน มีชื่อติดอยู่ในอันดับที่ 42 จากผู้เล่นที่ดีที่สุดตลอดกาล 100 คน ที่ถูกโหวตโดยเหล่าผู้สนับสนุนสโมสรอย่างแฟน ๆ "เดอะ ค็อป" นอกจากนั้นเขายังเคยเล่นให้กับ เอฟเวอร์ตัน, แอสตัน วิลล่า และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งหลังจากที่เขาประกาศแขวนสตั๊ดแล้ว ก็ได้เริ่มต้นงานโค้ชชิ่งและอาชีพผู้จัดการทีมกับสโมสร สวินดอน ทาวน์ เอฟซี ตามมาด้วยสโมสร แบล็คพูล เอฟซี ซึ่งเขาสามารถพาทั้งสองทีมเลื่อนชั้นได้สำเร็จอีกด้วย และหลังจากนั้น เขาก็ได้รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมในระยะเวลาสั้น ๆ ให้กับสโมสร เพิร์ธ กลอรี่ ใน เอ ลีก ออสเตรเลีย ปัจจุบันเขาได้ผันตัวไปเป็นผู้สันทัดกรณีให้กับ อีเอสพีเอ็น สตาร์สปอร์ตส์ ของภูมิภาคเอเชีย

ประวัติการค้าแข้ง

- เอฟเวอร์ตัน (1979-1983)

          แม็คมาน เกิดที่ย่าน เฮลวู้ด เมือง ลิเวอร์พูล และเขาได้เริ่มต้นฟุตบอลอาชีพด้วยการลงเล่นให้กับสโมสร เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเขาได้รับการสนับสนุนที่ดีจากทีมในฐานะของผู้เล่นดาวรุ่ง หลังจากที่เขาปรากฏตัวเป็นครั้งแรกในบทบาทของเด็กเก็บบอล เขาลงสนามเป็นเกมแรกให้กับ "ท๊อฟฟี่เมน" เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 1980 ในเกมที่เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 3-1 ณ สนาม โรเกอร์ พาร์ค (อดีตรังเหย้าของ "แมวดำ") และเขาก็ได้รับการโหวตจากแฟนบอล เอฟเวอร์ตัน ให้เป็นผู้เล่นแห่งปีเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 1980-81 ซึ่งการลงบัญชาเกมให้กับ "ท๊อฟฟี่เมน" จนกระทั่งได้รับการไว้วางใจให้เป็นกัปตันทีม หลังจากผ่านไป 4 ฤดูกาล เขาลงสนามไปทั้งสิ้น 100 เกมลีกและซัดไป 11 ประตูในลีก ก่อนที่เจ้าตัวจะเก็บข้าวของย้ายออกไปซบอกสโมสร แอสตัน วิลล่า ในที่สุด

- แอสตัน วิลล่า (1983-1985)

          เขาตบเท้าเข้าร่วมทัพ "สิงห์ผงาด" เมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 1983 ด้วยค่าตัว 175,000 ปอนด์ (ประมาณ 9.3 ล้านบาท) และเปิดตัวเป็นครั้งแรกต่อหน้าแฟน ๆ ในเกมลีก เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 1983 ในเกมที่สามารถเอาชนะ เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน 4-3 ณ สนาม วิลล่า พาร์ค ซึ่ง แม็คมาน ได้พิสูจน์ตัวเองจนเข้าไปอยู่ในใจของสาวก "วิลเลี่ยนส์" ในฐานะมิดฟิลด์ อย่างไรก็ตาม แอสตัน วิลล่า จบอันดับที่ 10 ในฤดูกาลแรกของเขา ในขณะที่สโมสรก่อนหน้าอย่าง เอฟเวอร์ตัน จบสูงถึงอันดับที่ 3 อยู่เหนือกว่าต้นสังกัดปัจจุบันของเขากว่า 7 ตามมาด้วยฤดูกาล 1984-85 ยิ่งแย่ไปกว่านั้นเมื่อ แอสตัน วิลล่า จบซีซั่นด้วยอันดับที่ 10 อีกครั้ง ในขณะเดียวกัน เอฟเวอร์ตัน คว้าแชมป์ในฤดูกาลนั้นไปครอง

- ลิเวอร์พูล (1985-1991)

          แม็คมาน ได้ตกลงสัญญาเข้าร่วมสโมสร ลิเวอร์พูล เมื่อวันที่ 12 กันยายน 1985 ด้วยค่าตัว 350,000 ปอนด์ (ประมาณ 18 ล้านบาท) และยังเป็นการเสริมทัพรายแรกของการเข้ามาคุมทีมของกุนซือคนใหม่อย่าง เคนนี่ ดัลกลิช และเข้ามาอุดช่องว่างหลังจากที่เสีย แกรม ซูเนสส์ ไปเมื่อปีก่อนหน้านี้ เขาถูกส่งลงสนามทันที หลังจากเซ็นสัญญาได้เพียงแค่สองวัน เมื่อวันที่ 14 กันยายน 1985 ในเกมลีก ที่เสมอกับ อ็อกฟอร์ด ยูไนเต็ด 2-2 ณ สนาม เมเนอร์ กราวน์ด และสำหรับประตูแรกของเขาไม่ต้องรอนานเพียงแค่หนึ่งสัปดาห์ให้หลัง เมื่อวันที่ 21 กันยายน 1985 ในเกมพบกับอดีตต้นสังกัดเก่าอย่าง เอฟเวอร์ตัน ซึ่งเขายิงประตูที่สามในนาทีที่ 42 ให้ ลิเวอร์พูล ทุบคู่แข่งสำคัญอย่าง "ท๊อฟฟี่เมน" 3-2





          เขาเป็นผู้เล่นตัวสำคัญของ ลิเวอร์พูล ที่มีส่วนร่วมกับทีมในการคว้าดับเบิ้ลแชมป์ในฤดูกาลนั้น ด้วยการความแชมป์ลีกสูงสุด และแชมป์ เอฟเอ คัพ ที่เอาสามารถชนะ เอฟเวอร์ตัน ไปได้ 3-1 ซึ่งเป็นการพบกันครั้งแรกในรอบชิงชนะเลิศ สำหรับฟุตบอลรายการนี้ของทั้งคู่อีกด้วย แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงแค่ตัวสำรองที่ไม่ได้รับโอกาสให้ลงสนามก็ตาม

          ในปีต่อมา แม็คมาน ได้รับโอกาสสูงสุดในการลงเล่นที่สนาม เวมบลีย์ ในเกม ลีก คัพ รอบชิงชนะเลิศ พบกับ อาร์เซน่อล ซึ่งเขาผ่านบอลให้กับ เอียน รัช ทำประตูแรกของเกมได้สำเร็จ แต่สุดท้ายพวกเขาต้องพ่ายไปอย่างน่าเสียดาย 1-2 นอกจากนี้เขายังเป็นผู้เล่นที่ยิงได้ถึง 4 ประตู ในเกมที่ถล่มเอาชนะ ฟูแล่ม 10-0 ในรายการ ลีก คัพ ซึ่ง แม็คมาน พลาดจุดโทษในเกมเดียวกันนั้น ไม่อย่างนั้นเขาจะเป็นผู้ที่ทำได้ 5 ประตูในเกมนั้น แต่เขาก็มาซัดแฮตทริกได้ในรอบต่อไปที่พบกับ เลสเตอร์ ซิตี้ และในท้ายที่สุด เขายิงรวม 9 ประตูในฟุตบอล ลีก คัพ ฤดูกาลนั้น และ 5 ประตูในลีก รวมทั้งหมด 14 ลูกในทุกรายการ

          ในปี 1989 แม็คมาน มีส่วนช่วยให้ ลิเวอร์พูล ไล่ล่าดับเบิ้ลแชมป์อย่าง ลีกสูงสุด และ เอฟเอ คัพ เขาต้องการที่จะนำถ้วยรางวัลที่เก่าแก่กลับไปยังถิ่น แอนฟิลด์ เพื่ออุทิศให้กับแฟนบอล 96 ท่านที่เสียชีวิตในเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่ ฮิลส์โบโร่ แต่พวกเขาต้องเสียแชมป์ลีกสูงสุดให้กับ "ไอ้ปืนใหญ่" อาร์เซน่อล ในแมตช์ตัดสินแชมป์ปีนั้น

          แกรม ซูเนสส์ ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ในปี 1991 และเขาได้ยกเลิกข้อตกลงกับเหล่าบรรดาผู้เล่นซีเนียร์บางคนของทีมในทันที ซึ่งก็รวมไปถึงเขาด้วย และ ซูเนสส์ ตัดสินใจขาย แม็คมาน, ฮิวตัน, เบียร์ดส์ลี่ย์ และ สตีฟ สตวนตัน นับว่าเป็นปล่อยตัวผู้เล่นที่ดีที่สุดของ ลิเวอร์พูล ภายใต้การทำทีมของ ดัลกลิช หลังจากที่เขาเล่นไป 15 เกมในฤดูกาล 1991-92 แม็คมาน ก็ย้ายไปร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยค่าตัว 900,000 ปอนด์ (ประมาณ 48 ล้านบาท) ในวันที่ 24 ธันวาคม 1991 หลังจากที่เขาลงรับใช้ "หงส์แดง" ยาวนานกว่า 277 เกม และยิงรวมทั้งสิ้น 50 ประตู ซึ่งภายหลัง ซูเนสส์ ออกมายอมรับว่าเขาได้ตัดสินใจปล่อยนักเตะตัวสำคัญเร็วเกินไป ซึ่งควรจะเก็บไว้ใช้งานได้อีกบ้าง

- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (1991-1994)

          แม็คมาน เปิดตัวเป็นครั้งแรกในชุดของ "เรือใบสีฟ้า" เพียงแค่ 2 วันหลังจากเซ็นสัญญา ในเกมบ็อกซิ่งเดย์ที่เอาชนะ นอริช ซิตี้ 2-1 ณ สนาม ไมน์ โร้ด แม็คมาน ได้เขามาช่วยยกระดับเกมรุกและคุณภาพของทีม แต่โชคไม่ดีที่องค์ประกอบของเพื่อนร่วมทีมรอบ ๆ ตัวเขาไม่เหมือนกับ ลิเวอร์พูล เขาลงสนามให้ "ซิตี้" 87 เกมในลีก ก่อนที่เขาจะผันตัวมาเป็นผู้เล่น-ผู้จัดการทีมให้กับ สวินดอน ทาวน์

เกียรติประวัติและผลงานที่ผ่านมา

นักฟุตบอล

- ลิเวอร์พูล
          - แชมป์ ดิวิชั่น หนึ่ง 3 สมัย : (1985-86, 1987-88, 1989-90)
          - แชมป์ เอฟเอ คัพ 2 สมัย : (1985-86, 1988-89)
          - แชมป์ เอฟเอ ชาริตี้ ชิลด์ 4 สมัย : (1986, 1988, 1989, 1990)

credit
http://www.siamliverpool.com/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%9F-%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99-38/#akCARCuv6dFRq3bx.99


ทำไม ไม่อ่าน แม็คมาฮอน

จริงๆตอนแรกนักพากย์ไทย เรียกแม็คมาฮอน ชัดเจนมาก
เหมือนตอน Dirk Kuyt เข้ามาใหม่ๆ นสพ หรือสื่อ จะเรียกต่างๆกัน เช่น เดิร์ก ไคท์ เดิร์ก คอยท์ หรือ เดิร์ก (คำหยาบ ท์)
จนฟังนักพากย์ฝรั่ง เรียก เดิร์ก เค้าท์ ก็เลยเรียกตาม

อดีตก็เช่นกัน จนฟังนักพากย์ฝรั่ง  เรียก แม็คมาน ก็เลย แม็คมาน มาตลอด

ลองฟังดูค่า
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
-------------------------------------------------
ส่วน สตีฟ แม็คมานามาน Steve McManaman ที่แฟนบอลยุคหลังรู้จักกันมากว่าคนแรก


(Steve McManaman)


วันเดือนปีเกิด : 11.02.1972

สถานที่เกิด : บูเทิ่ล, ลิเวอร์พูล อังกฤษ

สัญชาติ : อังกฤษ

สโมสรอื่นๆ ที่ลงเล่น : เรอัล มาดริด, แมนฯ ซิตี้

ซื้อมาจาก : ระบบเยาวชน

เซ็นสัญญากับทีม : 19.02.1990 (เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ)

ประเดิมทีมชาติ :16.11.1994 กับ ไนเจีเรีย

ติดทีมชาติ : อังกฤษ 37 นัด 3 ประตู (24 นัด 0 ประตูในชุดลิเวอร์พูล) 06.10.2001

ประเดิมสนามให้ลิเวอร์พูล : 15.12.1990

ลงเล่นเกมสุดท้าย : 16.05.1999

ประตูแรก : 21.08.1991

ประตูสุดท้าย :  01.05.1999

หมดสัญญา : 01.07.1999

ลงเล่นในลีก/ประตู : 272 / 46

ลงเล่นทุกรายการ/ประตู :  364 / 66







ออกตัวก่อนว่าฉายา สตีฟ แม็คมานามาน ที่เคยได้ยินไม่ว่าจะเป็น “ปีกกระดูกยุง” หรือ “ปีกขี้ก้าง” อาจจะติดปากไม่น้อย แต่ดูเหมือนให้นิยามการเล่นของนักเตะรายนี้ไม่ “โดน” เท่าไหร่ รวมถึงอธิบายเส้นทางชีวิตหรือลีลาในสนามของปีกรายนี้ไม่ดีพอจนขอบัญญัติไว้ตามความเห็นส่วนตัวว่า “ปีกไม้เลื้อย”



ในยุคสมัยที่แข้งหงส์แดงถูกเรียกว่าสไปซ์บอยกันหลายคน แถมแม็คก้าเป็นหนึ่งในนักเตะที่มีข่าวให้ขนมจีบกับสมาชิกในวง สไปซ์เกิร์ล รายหนึ่ง แม้สุดท้ายความสัมพันธ์ดังกล่าวจะยืนยาวก็ตาม เอียน รัช เคยถูกถามว่านักเตะลิเวอร์พูลคนไหนที่ขึ้นมาจากระบบเยาวชนของลิเวอร์พูล และเล่นได้ตื่นตาตื่นใจที่สุด คำตอบคือ สตีฟ แม็คมานามาน



อดีตเด็กที่เชียร์เอฟเวอร์ตัน แต่มาอยู่ในอคาเดมี่ของลิเวอร์พูลตั้งแต่อายุ 14 ปี และสิบวันหลังจากลงเล่นให้ทีมชาติอังกฤษชุดอายุไม่เกิน 21 ปีครั้งแรก เขาก็ได้โอกาสลงเล่นเกมแรกในสีเสื้อหงส์แดงกับเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด  ที่แอนฟิลด์ ในฐานะตัวสำรอง หลังจากนั้น 1 ปีครึ่งต่อมา แม็คก้า กลายเป็น 11 ตัวจริงในเกมเปิดฤดูกาล 1991/92  เขาเล่นได้น่าตื่นตาตื่นใจอย่างมากเมื่อทำได้ 10 ประตูจาก 51 เกม ด้วยความเร็วลีลาการลากเลื้อยที่สวยงาม เขาโชว์ผลงานสุดยอดจนได้รับตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศกับซันเดอร์แลนด์ที่เวมบลี่ย์ และยังทำผลงานต่อเนื่องในฤดูกาลต่อมาด้วยการลงเล่น 41 นัดทำ 7 ประตู ในฤดูกาล 1993/94 ผลงานของแม็คก้าตกลงไปเมื่อทำได้เพียง 2 ประตู และเริ่มมีเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับสัญชาตญานในการทำประตูของปีกรายนี้



อย่างไรก็ตามเมื่อ รอย อีแวนส์ เข้ามาคุมทีมในปี 1994 แม็คก้า กลายเป็นตัวอิสระแม้ว่าจะเล่นริมเส้นเป็นหลัก แต่ก็เป็นจุดกระตุ้นให้ฟอร์มของเขายกระดับขึ้น ลิเวอร์พูลโฉมใหม่ไฉไลอย่างมากในช่วงเวลานั้น ทีมประเดิมเกมแรกด้วยการถล่ม คริสตัล พาเลซ 6-1 ในเกมแรกของฤดูกาล และแม็คก้า เหมา 2 ลูก ซึ่งเป็นการทำประตูครั้งแรกในรอบ 363 วันอีกด้วย แม็คก้ากลายเป็นขวัญใจแฟนบอลหงส์แดงเต็มภาคภูมิอีกครั้ง หลังฟอร์มสุดยอดในนัดชิง ลีก คัพ สมัยที่ 5 ซึ่งแม็คก้าเหมา 2 ประตู และคว้าตำแหน่ง แมน ออฟ เดอะ แมตช์ อีกครั้ง เขายังท็อปฟอร์มตลอดฤดูกาล 1995/96 ซึ่งน่าจะเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับเขา และลิเวอร์พูล เมื่อทีมมีฟอร์มสุดยอดลุ้นแชมป์ตั้งแต่ต้น แต่จบลงด้วยด้วยความผิดหวังทุกอย่างรวมถึงการพ่ายในเอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศต่อแมนฯ ยูไนเต็ด

--มีต่อ----
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่