**ตอนที่ 1**
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองก่อน เราเป็นชาย (เทียม) หรือเกย์ที่คนทั่วไปเข้าใจนั่นแหละ 5555++++ เอ๊ะ !! หรือไม่ใช่ ปีนี้เราก็อายุ 25 จะ 26 ปีแล้ว โสดด้วยหละ 555 ทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของกรุงเทพ ทำงานมาตั้งแต่ปี 2560 เข้าเรื่องเลยละกัน ตั้งแต่เรียนประถม มาจนถึงมัธยม สิ่งที่เกลียดที่สุดคือ การเป็นทหาร
ขนาดวิชาเรียนลูกเสือเนตรนารีเรายังแอบหนีเรียนวิชานี้เลย ในขณะที่เรียนมัธยมปลาย ถึงเวลาที่จะต้องเลือกสายเรียนต่อในมหวิทยาลัย เราก็เลือกเรียนกฎหมาย เพราะๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรหนะหรือ เราไปรู้มาว่าถ้าหากรับราชการจะถูกละเว้นจากการเกณฑ์ทหาร เพราะครูที่โรงเรียนแกได้รับการยกเว้น ในใจก็เอาว่ะ เรียนสาขานี้แหละ จะได้รับราชการเร็วๆ ถึงในใจจะอยากเรียนสาขาเย็บปักถักร้อยก็ตาม
หลังจากเรียนจบมัธยม ก็เดินทางตามความฝันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังมากมาย (หวังถูกละเว้นทางทหารอะนะ 55) ก็เรียนมาจนถึงปี 2 ได้รับข่าวร้ายจากอาจารย์ที่สอนว่า ถ้าจะได้รับการละเว้นจากการเกณฑ์ทหารต้องรับราชการครู เท่าน๊านนนนนนนนน เท่าน๊านนนนน
ความฝันต้องพังลงไป อนาคตที่สุดก็หมดหวังไป เหลือเพียงหัวใจที่ยับเยิน เอาว่ะ พูดกับตัวเองเรียนมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ถอยไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นก็เรียนจนจบปริญญา ภายใน 3 ปี ครึ่ง สาขาวิชานิติศาสตร์ พอจบก็ไฟแรงนี่สิ หางานทำทุกที่ ทั้งในเว็บ หนังสือพิมพ์ โทรถามบริษัทต่างๆว่าที่ไหนรับบ้าง จนสุดท้าย และท้ายสุดจิงๆๆ 55555+++ เสียงโทรศัพท์จากบริษัทแห่งหนึ่งโทรมาขอนัดสัมพาทงาน เราก็ได้งานทำ ทำงานมาด้วยผ่อนผันทหารมาด้วย จน ปีสุดท้ายของอายุผ่อนผันทหาร วันเวลาก็บีบใจเข้ามาทุกที ก่อนที่จะถึงวันเกณฑ์ทหาร มันเหมือนเป็นลางยังไงไม่รู้ มีการสั่งเสียเรื่องงาน เรื่องหนี้สินต่างๆ ไว้กับเพื่อนกับแม่ 5555++ ว่าถ้าเราไปทหารทุกคนต้องเครียงาน ให้เราด้วยนะ (แต่ในใจคือยังไงก..ก็ไม่โดน) และแล้ววันเวลาก็มาถึง
เดี๋ยวมาเล่าต่อตอนที่ 2 นะ ทำงานก่อน 555 แอบเขียนเดี๋ยวเจ้านายจับได้
เมื่อชาย(เทียม)..ต้องไปทหาร
ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวเองก่อน เราเป็นชาย (เทียม) หรือเกย์ที่คนทั่วไปเข้าใจนั่นแหละ 5555++++ เอ๊ะ !! หรือไม่ใช่ ปีนี้เราก็อายุ 25 จะ 26 ปีแล้ว โสดด้วยหละ 555 ทำงานอยู่บริษัทเอกชนแห่งหนึ่งทางตอนใต้ของกรุงเทพ ทำงานมาตั้งแต่ปี 2560 เข้าเรื่องเลยละกัน ตั้งแต่เรียนประถม มาจนถึงมัธยม สิ่งที่เกลียดที่สุดคือ การเป็นทหาร ขนาดวิชาเรียนลูกเสือเนตรนารีเรายังแอบหนีเรียนวิชานี้เลย ในขณะที่เรียนมัธยมปลาย ถึงเวลาที่จะต้องเลือกสายเรียนต่อในมหวิทยาลัย เราก็เลือกเรียนกฎหมาย เพราะๆๆๆๆๆๆๆๆ อะไรหนะหรือ เราไปรู้มาว่าถ้าหากรับราชการจะถูกละเว้นจากการเกณฑ์ทหาร เพราะครูที่โรงเรียนแกได้รับการยกเว้น ในใจก็เอาว่ะ เรียนสาขานี้แหละ จะได้รับราชการเร็วๆ ถึงในใจจะอยากเรียนสาขาเย็บปักถักร้อยก็ตาม หลังจากเรียนจบมัธยม ก็เดินทางตามความฝันที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวังมากมาย (หวังถูกละเว้นทางทหารอะนะ 55) ก็เรียนมาจนถึงปี 2 ได้รับข่าวร้ายจากอาจารย์ที่สอนว่า ถ้าจะได้รับการละเว้นจากการเกณฑ์ทหารต้องรับราชการครู เท่าน๊านนนนนนนนน เท่าน๊านนนนน ความฝันต้องพังลงไป อนาคตที่สุดก็หมดหวังไป เหลือเพียงหัวใจที่ยับเยิน เอาว่ะ พูดกับตัวเองเรียนมาจนถึงขั้นนี้แล้ว ถอยไม่ได้แล้ว หลังจากนั้นก็เรียนจนจบปริญญา ภายใน 3 ปี ครึ่ง สาขาวิชานิติศาสตร์ พอจบก็ไฟแรงนี่สิ หางานทำทุกที่ ทั้งในเว็บ หนังสือพิมพ์ โทรถามบริษัทต่างๆว่าที่ไหนรับบ้าง จนสุดท้าย และท้ายสุดจิงๆๆ 55555+++ เสียงโทรศัพท์จากบริษัทแห่งหนึ่งโทรมาขอนัดสัมพาทงาน เราก็ได้งานทำ ทำงานมาด้วยผ่อนผันทหารมาด้วย จน ปีสุดท้ายของอายุผ่อนผันทหาร วันเวลาก็บีบใจเข้ามาทุกที ก่อนที่จะถึงวันเกณฑ์ทหาร มันเหมือนเป็นลางยังไงไม่รู้ มีการสั่งเสียเรื่องงาน เรื่องหนี้สินต่างๆ ไว้กับเพื่อนกับแม่ 5555++ ว่าถ้าเราไปทหารทุกคนต้องเครียงาน ให้เราด้วยนะ (แต่ในใจคือยังไงก..ก็ไม่โดน) และแล้ววันเวลาก็มาถึง เดี๋ยวมาเล่าต่อตอนที่ 2 นะ ทำงานก่อน 555 แอบเขียนเดี๋ยวเจ้านายจับได้