เราคบกับแฟนมานาน 6 ปีแล้ว เราเงินเดือนเยอะกว่าแฟน และใช้ของราคาไม่แพงเพราะเด็กๆที่บ้านไม่มีเงิน
ในขณะที่แฟนเกิดมารวย ติดแบรนด์ ติดภาพลักษณ์ให้ตัวเองดูดีตลอด ใช้ของแบรนด์เป็นหลัก
ปกติเราส่งเงินให้ที่บ้านเป็นส่วนใหญ่ พอมาคบแฟนไม่ให้ส่งกลัวเราส่งเยอะเกิน ทั้งๆที่เงินเราก็หา แต่เราก็ยังแอบส่งเรื่อยๆนะ
พอคบกันแฟนบอกว่าเรื่องเงินเรื่องใหญ่ให้เอาเงินมารวมกันจะได้ไม่ต้องคิดว่าเงินคนนั้นคนนี้ เราไม่เห็นด้วย แต่แฟนก็โน้มน้าวจนเรายอม
จากนั้นเราซื้อคอนโด ซึ่งแฟนยุให้ซื้อบอกว่าซื้อตอนนี้ราคาถูกกว่าต่อไปนานไปจะดี จริงๆเราไม่เห็นด้วยเพราะว่าเป็นหนี่ก้อนโต แต่ก็ยอม แต่คอนโดเป็นชื่อเรา แล้วก็ซื้อรถ เราอยากได้รถคันเล็กๆ ราคาถูกๆ แค่พอใช้งานได้ แต่แฟนเราจะเอารถใหญ่ๆ ราคาแพงๆ เราก็อ่ะตามใจ
แฟนเราก็ทำงานนะ แต่ก็ไม่พอใช้จ่าย บังคับให้เราไปทำโอทีบ่อยๆ งานเราเหนื่อยและเครียดมีโอทีแต่ก็ไม่มีใครอยากทำกัน เราก็พยายาม แต่บางทีก็ไม่ไหว เคยขอร้องแฟนว่าไม่ไปทำโอทีได้ไหมแฟนก็บอกให้อดทนๆ เราไม่พอใจเพราะมันเครียดมากจริงๆ เคยทะเลาะกันยกใหญ่เพราะเรื่องนี้ แฟนบอกว่างั้นไม่ต้องแล้ว แต่สุดท้ายก็มาคะยั้นคะยอขอให้ไปอยู่ดี
ปัญหาเริ่มเยอะขึ้น เพราะเศรษฐกิจไม่ดีบวกกับเรามาเรียนต่อ เรียนไปทำงานไปมันก็จะมีรายได้ลดลง ก็ต้องทำโอทีเพิ่ม รถที่มีก็ขายไป  ช่วงที่เรามาเรียนแฟนพอมีเงินก็ไม่บอกแล้วก็ไปซื้อรถมาใหม่ คราวนี้เป็นชื่อแฟน แล้วพอต่อมาเศรษฐกิจไม่ดีเงินไมพอก็มาบังคับเราให้ไปมำโอทีอีก เรารู้สึกไปโอเคเลยที่เวลามีเงินเอาไปซื้อของฟุ่มเฟือยแทนที่จะเอาไปผ่อนหนี้ พอไม่พอก็ให้เราไปทำงาน
เรารู้สึกไม่โอเคเลย อยากเลิก แต่เรื่องอื่นๆ เช่น นิสัยอะไรพวกนี้ก็ดีหมด ถ้าเป็นแบบนี้เพื่อนๆจะคบต่อไหม เรากลัวนานไปมีลูกแล้วเราต้องแยกจากลูกไปทำโอที เรารู้สึกว่าแฟนเราดูแลเราไม่ได้ แม้ว่าเค้าจะรักเรามากก็ตาม หรือมันเป็นเรื่องปกติเพราะเดี๋ยวนี้ผู้หญิงก็ทำงานเก่งขึ้นรึเปล่า
เคยมีเพื่อนพูดถึงคนอื่นว่าแฟนที่บังคับให้ผู้หญิงไปทำงานคือจริงๆไม่ได้รักผู้หญิงหรอก เค้ารักตัวเองมากกว่า เรางี้อึ้งเลย แต่เพื่อนก็ไม่รู้เรื่องนี้อ่ะนะ
เราควรเลิกดีไหม ขอความเห็นหน่อยนะ สับสนจัง