ในโลกนี้จะมีสักกี่คน ที่สามารถเปลี่ยนตัวเองจากคนไร้บ้านให้กลายเป็นนักกีฬาระดับโลกได้ และหนึ่งในนั้นก็คือ "Jimmy Butler"
Jimmy Butler เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ.1989 ในเมือง Tomball เมืองเล็กๆที่ห่างจากHoustonประมาณ40ไมล์ ซึ่งทั้งเมืองมีประชากรประมาณ 10,000 คน
ในวัยเด็ก กีฬาโปรดของจิมมี่นั้นไม่ใช่บาสเกตบอลแต่เป็นฟุตบอล โดยจิมมี่เล่าว่าในตอนแรกเขานั้นชอบฟุตบอลมากแต่เพราะเหตุผลที่ว่า เขาดันไปถูกใจบาสเกตบอลขึ้นมาซะก่อน ทำให้เขาเลิกเล่นฟุตบอลและเปลี่ยนมาเล่นบาสเกตบอลแทน
แต่ชีวิตของเขา ก็ไม่เคยง่าย
คุณพ่อของจิมมี่ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่จิมมี่ยังเป็นทารก มิหนำซ้ำจิมมี่ในวัย 13 ปียังถูกคุณแม่ของเขาไล่ออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ว่า "ฉันไม่ชอบสายตาของแกเลย" จิมมี่กล่าว
ชีวิตจากนั้น จิมมี่ต้องอาศัยไปนอนตามบ้านของเพื่อนๆเขาและย้ายบ้านไปมาอยู่ประจำ ทำให้จิมมี่นั้นขาดเรียนอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้ววันนึงจิมมี่ก็ได้พบกับ Jordan Leslie ชายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ในครั้งแรกที่พบกัน เลสลี่เห็นจิมมี่กำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่จึงเข้าไปท้าจิมมี่แข่ง 3 แต้ม และด้วยความที่ทั้งสองถูกชะตากันพวกเขาจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยความรวดเร็ว
เลสลี่เล่าว่าในตอนแรกนั้น เขาพูดกับจิมมี่ว่า"คืนนี้นายสามารถมาค้างที่บ้านฉันได้นะ แม่ฉันไม่ว่าอะไรหรอก" แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกถูกชะตากับจิมมี่มาก จาก1คืนจึงกลายเป็น2 และจาก 2 คืนจึงกลายเป็นเดือน และสุดท้าย จิมมี่ก็กลายเป็นหนึ่งในครอบครัวของบ้านเลสลี่ ซึ่งเหตุผลไม่ใช่เพราะบาสเกตบอล แต่เป็นเพราะความรักที่ครอบครัวเลสลี่มอบให้กับจิมมี่
หลังจากจิมมี่จบจากไฮสคูลเขาไม่ได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัย เขาจึงเข้าเรียนที่ Tyler Junior College ซึ่งเป็นวิทยาลัยสำหรับบุคคลที่ไม่ได้ต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย แต่ต้องการความรู้ที่สูงกว่าระดับมัธยมปลาย
โดยจะมีค่าเล่าเรียนที่ถูกกว่า
ในปีแรกบัตเลอร์ทำแต้มเฉลี่ย 18.1 แต้ม , 7.7 รีบาวด์ และ 3.1 แอสซิสต์ และด้วยความโชคดีของเขา บัตเลอร์ได้พบกับ Buzz Williams ผู้ช่วยโค้ชของมหาวิทยาลัย Marquette ที่กำลังดูฟอร์มการเล่นของผู้เล่นอีกคนนึงอยู่ ด้วยความถูกใจในฟอร์มของจิมมี่ หลังจากที่เขาได้รับเลือกให้เป็นโค้ชคนใหม่ของมหาวิทยาลัย เขาได้เสนอทุนการศึกษาให้กับจิมมี่ และแน่นอนว่าเขาตอบตกลง
ในขณะที่จิมมี่เล่นให้กับ Marquette เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและได้รับรางวัล All-Big East Honorable Mention ถึง2ปีซ้อน ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาได้รับเลือกจาก Chicago Bulls เป็นลำดับที่ 30 ในปี 2011
ในช่วงแรกนั้น เขาได้รับบทบาทเป็นตัวสำรอง แต่เพราะอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวจริง ทำให้เขาได้รับโอกาสในการเล่นมากขึ้น โดยจิมมี่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและได้รับเลือกให้ติด NBA All-Defensive second team ในฤดูกาล 2013–14
--------------------------------------------------------
ถดูกาล 2014–15 เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลที่จิมมี่ได้แจ้งเกิดอย่างแท้จริง โดยเขาได้รับรับรางวัล NBA Most Improved Player อีกทั้งยังได้รับการโหวตให้เป็นตัวสำรองของNBA Allstar ในปี 2015 หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการโหวตให้ติด All Star ถึง 4 ปีซ้อน ในปัจจุบันจิมมี่อยู่ทีม Minnesota Timberwolves มีสัญญา 5 ปี 92ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามอง
จะเห็นได้ว่ากว่าจิมมี่จะมาถึงจุดนี้ เขาต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย แต่สุดท้ายเขาก็เอาชนะมันได้ จิมมี่ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า อุปสรรคนั้นเป็นเพียงแค่บททดสอบของชีวิตที่ผ่านเข้ามา และจะมีเพียงผู้ที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้นจึงจะคู่ควรกับคำว่า"ประสบความสำเร็จ
ประวัติ Jimmy Butler จากคนไร้บ้านสู่การ์ดระดับออลสตาร์ By NBA Tales
Jimmy Butler เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ.1989 ในเมือง Tomball เมืองเล็กๆที่ห่างจากHoustonประมาณ40ไมล์ ซึ่งทั้งเมืองมีประชากรประมาณ 10,000 คน
ในวัยเด็ก กีฬาโปรดของจิมมี่นั้นไม่ใช่บาสเกตบอลแต่เป็นฟุตบอล โดยจิมมี่เล่าว่าในตอนแรกเขานั้นชอบฟุตบอลมากแต่เพราะเหตุผลที่ว่า เขาดันไปถูกใจบาสเกตบอลขึ้นมาซะก่อน ทำให้เขาเลิกเล่นฟุตบอลและเปลี่ยนมาเล่นบาสเกตบอลแทน
แต่ชีวิตของเขา ก็ไม่เคยง่าย
คุณพ่อของจิมมี่ทิ้งครอบครัวไปตั้งแต่จิมมี่ยังเป็นทารก มิหนำซ้ำจิมมี่ในวัย 13 ปียังถูกคุณแม่ของเขาไล่ออกจากบ้านด้วยเหตุผลที่ว่า "ฉันไม่ชอบสายตาของแกเลย" จิมมี่กล่าว
ชีวิตจากนั้น จิมมี่ต้องอาศัยไปนอนตามบ้านของเพื่อนๆเขาและย้ายบ้านไปมาอยู่ประจำ ทำให้จิมมี่นั้นขาดเรียนอยู่บ่อยครั้ง แต่แล้ววันนึงจิมมี่ก็ได้พบกับ Jordan Leslie ชายที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาไปตลอดกาล
ในครั้งแรกที่พบกัน เลสลี่เห็นจิมมี่กำลังเล่นบาสเกตบอลอยู่จึงเข้าไปท้าจิมมี่แข่ง 3 แต้ม และด้วยความที่ทั้งสองถูกชะตากันพวกเขาจึงกลายเป็นเพื่อนสนิทกันด้วยความรวดเร็ว
เลสลี่เล่าว่าในตอนแรกนั้น เขาพูดกับจิมมี่ว่า"คืนนี้นายสามารถมาค้างที่บ้านฉันได้นะ แม่ฉันไม่ว่าอะไรหรอก" แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง เขารู้สึกถูกชะตากับจิมมี่มาก จาก1คืนจึงกลายเป็น2 และจาก 2 คืนจึงกลายเป็นเดือน และสุดท้าย จิมมี่ก็กลายเป็นหนึ่งในครอบครัวของบ้านเลสลี่ ซึ่งเหตุผลไม่ใช่เพราะบาสเกตบอล แต่เป็นเพราะความรักที่ครอบครัวเลสลี่มอบให้กับจิมมี่
หลังจากจิมมี่จบจากไฮสคูลเขาไม่ได้รับข้อเสนอจากมหาวิทยาลัย เขาจึงเข้าเรียนที่ Tyler Junior College ซึ่งเป็นวิทยาลัยสำหรับบุคคลที่ไม่ได้ต้องการศึกษาต่อในมหาวิทยาลัย แต่ต้องการความรู้ที่สูงกว่าระดับมัธยมปลาย
โดยจะมีค่าเล่าเรียนที่ถูกกว่า
ในปีแรกบัตเลอร์ทำแต้มเฉลี่ย 18.1 แต้ม , 7.7 รีบาวด์ และ 3.1 แอสซิสต์ และด้วยความโชคดีของเขา บัตเลอร์ได้พบกับ Buzz Williams ผู้ช่วยโค้ชของมหาวิทยาลัย Marquette ที่กำลังดูฟอร์มการเล่นของผู้เล่นอีกคนนึงอยู่ ด้วยความถูกใจในฟอร์มของจิมมี่ หลังจากที่เขาได้รับเลือกให้เป็นโค้ชคนใหม่ของมหาวิทยาลัย เขาได้เสนอทุนการศึกษาให้กับจิมมี่ และแน่นอนว่าเขาตอบตกลง
ในขณะที่จิมมี่เล่นให้กับ Marquette เขาโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและได้รับรางวัล All-Big East Honorable Mention ถึง2ปีซ้อน ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาได้รับเลือกจาก Chicago Bulls เป็นลำดับที่ 30 ในปี 2011
ในช่วงแรกนั้น เขาได้รับบทบาทเป็นตัวสำรอง แต่เพราะอาการบาดเจ็บของผู้เล่นตัวจริง ทำให้เขาได้รับโอกาสในการเล่นมากขึ้น โดยจิมมี่สามารถโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและได้รับเลือกให้ติด NBA All-Defensive second team ในฤดูกาล 2013–14
--------------------------------------------------------
ถดูกาล 2014–15 เรียกได้ว่าเป็นฤดูกาลที่จิมมี่ได้แจ้งเกิดอย่างแท้จริง โดยเขาได้รับรับรางวัล NBA Most Improved Player อีกทั้งยังได้รับการโหวตให้เป็นตัวสำรองของNBA Allstar ในปี 2015 หลังจากนั้นเขาก็ได้รับการโหวตให้ติด All Star ถึง 4 ปีซ้อน ในปัจจุบันจิมมี่อยู่ทีม Minnesota Timberwolves มีสัญญา 5 ปี 92ล้านเหรียญสหรัฐ และเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่น่าจับตามอง
จะเห็นได้ว่ากว่าจิมมี่จะมาถึงจุดนี้ เขาต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย แต่สุดท้ายเขาก็เอาชนะมันได้ จิมมี่ได้แสดงให้เราเห็นแล้วว่า อุปสรรคนั้นเป็นเพียงแค่บททดสอบของชีวิตที่ผ่านเข้ามา และจะมีเพียงผู้ที่ไม่ยอมแพ้เท่านั้นจึงจะคู่ควรกับคำว่า"ประสบความสำเร็จ