อยากทราบว่าสมัยนี้ทำไมต้องให้เด็กเข้าเตรียมอนุบาลก่อนครับ

คือผมเห็นเด็กตัวเล็ก ๆ 2 ขวบก็ไปศูนย์เด็กเล็กแล้ว บางคนยังพูดไม่ค่อยคล่องเลย เห็น ผปค.ไปรับ-ส่งทุกเช้าเย็น อยากรู้ว่าเรียนแบบนี้มันได้อะไร ทำไมรีบป้อนอะไรกันจัง
เตรียมอนุบาล 2 ปี
อนุบาล 2 - 3 ปี
จากนั้นค่อยขึ้น ป.1

อยากทราบว่าทำแบบนี้ นอกจากได้เพื่อนแล้วเด็กได้อะไรบ้าง ส่งผลดีต่อเด็กอย่างไร?
เท่าที่ผมสังเกตจากคนรอบข้าง น้อง ๆ หรือหลาน ๆ ในรุ่นที่เข้าศูนย์เด็กเล็ก และอนุบาลหลาย ๆ ปี ก็ไม่เห็นว่าจะฉลาด หรือเรียนรู้อะไรได้ดีกว่าคนรุ่นก่อน ๆ ในทางตรงกันข้าม สิ้นเปลืองทรัพยากร และงบประมาณมากกว่า ผู้ปกครองก็ต้องไปรับ-ส่งเช้าเย็น ถ้าจะบอกว่าเป็นการช่วยผู้ปกครองในการดูแลลูก ๆ ผมว่าเหตุผลข้อนี้ตัดไปได้เลย ลูกใคร คนนั้นต้องดูแล ไม่ใช่มาพึ่งพาศูนย์เด็กเล็ก หรือจะบอกว่าทำให้พัฒนาการของเด็กไปไวขึ้น ข้อนี้ก็ไม่น่าจะจริงอีก
ผมไม่แน่ใจว่าเขาเริ่มให้เด็กเข้าศูนย์ตั้งแต่เมื่อไหร่ พ.ศ. อะไร แต่สมัยก่อนรุ่นผมไม่มีศูนย์เด็กเล็ก(เตรียมอนุบาล)
ไม่มีอนุบาล มีแต่เด็กเล็ก ซึ่งก็เรียนแค่ปีเดียว จากนั้นก็ขึ้น ป.1 ได้เลย พอขึ้นไปเรียนประถมแล้ว ก็เรียนได้ปกติ ไม่เห็นมีใครที่ว่าไม่เคยผ่านศูนย์เด็กเล็กแล้วจะทำให้พัฒนาการช้า ก็เรียนกันได้

Tag ไกลบ้าน และหน้าต่างโลก เพราะอยากรู้ประเทศอื่นเป็นเหมือนประเทศไทยไหม เคยเห็นคนไทยชอบนำเสนอการศึกษาของฟินแลนด์ บางช่องก็อวยเกินไป ไม่รู้ว่าของจริงจะดีเหมือนที่เขานำเสนอรึเปล่า
อยากรู้ว่าประเทศอื่น ๆ เป็นอย่างไรบ้าง
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
คนเราความจำเป็นต่างกัน อย่าเอาความคิดตัวเองตัดสินคนอื่นค่ะ บางคนพ่อแม่ต้องทำงาน ไม่มีคนดูแลลูก ก็เลยต้องฝากเลี้ยงเพื่อที่จะหาเงินมาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องครอบครัว อย่ามัวแต่คิดว่ามีลูกต้องเลี้ยงเอง ถ้าคิดแบบนี้ก็ไม่ต้องทำมาหากิน ไม่ต้องมีลูกกันแล้วล่ะค่ะ คนมีลูกมีค่าใช้จ่ายเยอะอยู่แล้ว อีกอย่างการที่เค้าให้ลูกเข้าเรียนตั้งแต่ 2 ขวบ ถ้าลูกเค้ามีความสุขดี มันก็ไม่ได้มีใครเดือดร้อนจริงไหมคะ

มาตอบในส่วนของตัวเองค่ะ เรามีลูก 2 คน ลูกสาวคนโตเราให้เข้าเรียนตั้งแต่อนุบาล ส่วนคนเล็กเราให้เรียน 3 ขวบค่ะ ที่เราให้ลูกสาวคนโตเรียนตั้งแต่ 2 ขวบ เพราะเป็นที่ความพร้อมของลูกเราเอง เค้าร่ำร้องอยากจะไปโรงเรียนตั้งแต่ยังไม่ 2 ขวบ (ลูกสาวเราพูดได้ตั้งแต่ 1.6 ขวบค่ะ) ถามแต่เมื่อไหร่จะได้ไปโรงเรียน อาจเพราะเราเล่านิทานเกี่ยวกับโรงเรียนเยอะ โรงเรียนที่เราเลือกเป็นแนว Project Approach ไม่เร่งเรียนค่ะ เพราะฉะนั้นวันๆลูกเราก็ไปทำกิจกรรมสนุกที่โรงเรียน ทำศิลปะวาดรูประบายสี ร้องเล่นเต้นระบำ เค้าเป็นเด็กที่ไม่เคยร้องไห้ว่าไม่อยากไปโรงเรียนตั้งแต่วันแรกที่เราไปส่ง มีแต่ร้องไห้อยากไปโรงเรียนเวลาเค้าไม่สบาย หรือปิดเทอม และเค้าก็เป็นแบบนั้นมาจนปัจจุบัน ป.4 แล้ว ที่เราส่งเค้าไปเรียนตอน 2 ขวบไม่ได้อยากให้เค้าฉลาดหรืออัจฉริยะ แต่เพราะเค้าอยากไปเท่านั้นเอง

มาที่ลูกชายคนเล็ก ด้วยความที่เค้าเป็นเด็กพูดช้า พูดตอน 2 ขวบ กว่าจะพูดรู้เรื่องคือ 2ขวบครึ่ง เราเลยไม่ได้ให้เค้าเรียนตอนเตรียมอนุบาล เข้าเรียนทีเดียวตอน 3 ขวบเลย ปัญหาอย่างนึงสำหรับลูกคนเล็กเลยคือ ร้องไห้ไม่อยากไปโรงเรียนทุกวันในตอนเช้า แต่พอไปรับกลับ บอกที่โรงเรียนสนุกมากเลย เป็นแบบนี้ทุกวันร้องอยู่เป็นอาทิตย์ๆ จนคนเค้ารู้กันทั่ว เราให้ลูกเรียนแบบ Project Approach เช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่ได้เร่งเรียนค่ะ เน้นเรียนๆเล่นๆทำกิจกรรมมากกว่า และเค้าก็ร้องไห้มันทุกครั้งที่เริ่มเปิดเทอมใหม่ เป็นแบบนี้ตลอดจนอ.3 เปลี่ยนโรงเรียนก็ร้องค่ะ แต่พอเค้าปรับตัวได้แล้ว คิดว่าเริ่มโตแล้วก็เลิกร้องตอนอ.3 เทอม 2 ปัจจุบันป.1 แล้ว

ที่เราพิมพ์มาเยอะแยะ แค่อยากบอกว่า คนเรามีหลายร้อยเหตุผลค่ะที่จะส่งลูกไปเรียนเตรียมอนุบาล อย่าเอาความคิดตัวเองตัดสินคนอื่นว่าส่งไปเรียนทำไม จะรีบเร่งเรียนทำไม เพราะมันไม่ได้เป็นแบบนั้นเสมอไปค่ะ
ความคิดเห็นที่ 11
"ลูกใครคนนั้นต้องดูแล"

คนที่คิดแบบนี้นี่ชัดเจนเลยว่าไม่เคยมีลูก ไม่เคยทำงานหาเงินเลี้ยงใคร หรือไม่ก็วาสนาดีมีฐานะมาแต่กำเนิด

อีกอันที่เป็นได้คืออยู่แต่ในครอบครัวใหญ่ แต่เห็น จขกท มีหลานไปเรียน คงไม่เข้าข่ายนี้


ไม่แปลกที่จะมีคนไม่เข้าใจ  แต่ถ้าเรายังไม่ทันเรียนรู้ปัญหา ก็ไม่ควรไปตัดสินว่าคนอื่นแก้ปัญหาผิดวิธีครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่