03.ละครย่อมมีตอนอวสาน กับความรักครั้งที่2 ของพี่ชาย

"จุดเริ่มต้น" ของพี่ชายกับความรักครั้งที่ 2

        ตอนที่แล้วก็ได้เล่าเกี่ยวกับความรักครั้งแรกที่จบลงด้วยการเลิกกันทั้งที่กำลังจะแต่งงานกันด้วยซ้ำ ชีวิตคู่ไม่ใช่จะสมหวังเสมอไป ....

        หลังจากรักแรกพังลง ก็อยู่เป็นโสดมาพักใหญ่ พี่ชายเราก็มีคนเข้ามาคุยด้วยอีกแล้วคะ "โทรหากันไปมา" ตอนแรกๆเราก็แอบสงสัยนะถามแม่ตลอดว่าพี่คุยกับคนไหนอยู่ แม่บอกไม่รู้เหมือนกันแต่คุยทุกวัน มารู้ทีหลังเด็กแถวบ้านจ้าาา 555+ คนนี้เรารู้จักดีพอสมควรคะ เป็นรุ่นพี่เรา 1ปี บ้านอยู่ไกล้กัน (ขับรถ 10นาทีถึง) ใช้อักษรย่อว่า ถ. ก็แล้วกันนะคะ ถ.เป็นเด็กเรียบร้อยมากคะ งานบ้านงานเรือนไม่ต้องห่วงเลยผ่านฉลุย ขยันทำมาหากิน งานบ้าน งานสวนไร่นา ค้าขาย เลี้ยงวัว ทำได้หมด (ทำงานที่บ้านคะ เพราะเรียนจบแค่ ม.6) ถ.หน้าตางั้นๆ ไม่สวยโดดเด่นแค่พอดูได้ (เราไม่ได้อคตินะ แต่เราสวยกว่า5555+) แต่จะมีข้อเสียอยู่ 1อย่างคือเป็นคนขี้โรค ป่วยบ่อย เป็นประจำเดือนทีอาการปวดท้องเหมือนจะเป็นจะตาย ต้องกินยาต้มตลอด (เป็นยาสมุนไพรเอามาต้มน้ำกินคะ) สองคนนี้เค้าคุยกันเป็นปีคะ ไปมาหาสู่กัน แม่เราก็ชอบนะโดยส่วนตัว ถ.เป็นเด็กดีเรียบร้อย ว่านอนสอนง่าย พ่อแม่พูดอ่ะไรฟังและทำตามทุกอย่าง

        เจ๊บมากับความรักครั้งแรก จึงใช้เวลาดูใจกันนานหน่อย ปีกว่าๆ ก็ตกลงปลงใจให้ผู้ใหญ่ไปคุยกันเรื่องแต่งงาน คุยกันง่ายเพราะเห็นกันมาตั้งแต่เด็กนิสัยใจคอก็เห็นๆกันอยู่ ถึงวันงานทุกอย่างถูกจัดเตรียมไว้พร้อม พิธีเริ่มขึ้นและจบลงด้วยความเรียบร้อย หลังแต่งงานเสร็จ ถ.ก็ย้ายเข้ามาอยู่บ้านเรา (ซึ่งคุยกันไว้ก่อนแต่งว่าต้องมาอยู่บ้านเราคะ) ทุกอย่างลงตัวแฮปปี้มากๆ เราเองก็ชอบพี่สะใภ้คนนี้ นิสัยเข้ากันได้ดี ไปไหนไปด้วย มีงานก็ช่วยกันทำ รักเหมือนพี่สาวคนนึงเลยละ พี่เราก็ดูรัก ถ. มากเช่นกัน ... หลังจากนั้นไม่นาน ถ. ก็ตั้งท้องลูกคนแรก (แม่เราอยากอุ้มหลานพูดให้ฟังบ่อยๆคะ ดีใจกันใหญ่เลยทีนี้) ทุกอย่างไปได้สวย เราขอข้ามรายละเอียดปลีกย่อยไปตอนสำคัญเลยแล้วกัน แต่งงานอยู่กินกันมา 10เดือน เรื่องที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อพ่อแม่ของ ถ. เข้ามามีส่วนร่วมกับชีวิตคู่มากเกินไป การสนับสนุนลูกถือเป็นเรื่องที่ดี แต่การเข้ามาของพ่อแม่ ถ. มันไม่ใช่ .....

         พ่อและแม่ของ ถ. มาบ้านเราบ่อยคะ อย่างที่บอกบ้านอยู่ใกล้กัน แรกๆก็คิดว่าห่วงลูกสาวเขา นานๆมาเริ่มพูดเรื่องทรัพย์สิน - -* คือบ้านเราจะฐานะดีกว่าบ้าน ถ. (บ้านเราแค่พอมีพอกินคะไม่ได้ร่ำรวยอะไร ใช้ชีวิตพอเพียง) ครั้งแรกมาพูดให้พี่ชายเราซื้อรถกระบะ บอกว่าจะได้สะดวกเวลามีใครเจ็บไข้ไม่สบาย เพราะบ้านเค้าก็ไม่มี - -* ีพี่ชายเราจึงคิดว่าสมเหตุสมผลซื้อได้ แม่จะได้สะดวกเวลาไปหาหมอ เพราะต้องเข้าไปพบหมอในเมืองเดือนละครั้งอยู่แล้ว อ่ะเคตัดสินใจซื้อคะไปดูรถกันนนนน พี่ชายชอบ Toyota Vigo Champ Smart Cab ทุกคนเห็นด้วยจบปิ้ง ตอนนั้นพี่ชายเรามีเงินเก็บแค่หลักหมื่น เนื่องจากใช้เงินไปกับการจัดงานแต่งเยอะพอสมควร และซองที่ได้จากการจัดงานทางบ้านของ ถ. เก็บไว้ทั้งหมด .... แม่เราก็เลยบอกไม่เป็นไรงั้นเอาที่ดินไปเข้าธนาคาร แล้วค่อยผ่อนกับธนาคาร (ราคารถน่าจะประมาณ 8แสนกว่านี่ละคะ เราก็จำไม่ได้ละ ผ่อนปีละ 1แสน) พอจะซื้อแม่โทรหาเราให้เราศึกษารายละเอียดและจองรถให้ (จองรถชื่อเราคะ 555+ ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวเลย แต่วันโอนใช้ชื่อแม่เพื่อมีความเป็นกลาง ระหว่าง 2พี่น้อง) พอมีรถก็หาเรื่องเที่ยวแทบทุกวันเห่อรถใหม่ ส่วนเราไม่อ่ะชอบอยู่บ้านกับแม่ทำขนมกินกัน ปล่อยให้บ้านโน่นเค้าไปกัน จบเรื่องรถ.... ทิ้งระยะไม่นานค่ะ เข้ามาก้าวก่ายเรื่องที่ดินอีกแล้วว ทั้งพ่อและแม่ ถ. มาที่บ้านบอกให้แม่เราโอนที่ดินให้พี่ชาย ด้วยเหตุผลที่ว่ากลัวเราจะไปแย่ง เห้ยยย คือบับว่า เราอยู่ของเราเฉยๆเลยไม่มีวี่แววจะแย่งจะทะเลาะกันพี่น้องกันนะะะะะะ ----อ่อ ลืมบอก ตอนนั้นเราเรียน ป.ตรี อยู่กรุงเทพคะ นานๆกลับบ้านที ช่วงปีใหม่+สงกรานต์ ---- ถูกพาดพิงแบบนี้โมโหสิคะ แต่ไม่พูดไรนะ แค่รับรู้ไว้ว่าโดนกล่าวหา .... แม่เราไม่พอใจคะ แต่ก็ไม่ได้พูดอ่ะไรเงียบๆเฉยๆ มาพูดครั้งที่ 2 และ 3 พูดย้ำเรื่องที่ดิน กดดันให้แม่เราไปโอนที่ดินเป็นชื่อพี่ชายเรา ทั้งที่ในครอบครัวไม่เคยคิดเรื่องนี้ เรากับพี่คุยกันตลอดว่าแม่อยู่กับเราอีกนานเรื่องมรดกไม่ใช่ประเด็นสำคัญเลย แล้วทำไมเขาถึงกล้ามาพูดมันไม่เห็นเกี่ยวกับการที่ลูกสาวเค้าแต่งงานกับพี่เราเลย มรดกส่วนนี้มันขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของแม่เราไม่ใช่เหรอ ว่าส่วนไหนจะให้ใคร ไม่ได้เกี่ยวกับลูกสะใภ้ที่เขามาทีหลัง ที่ดินทั้งหมดพี่เราก็ใช่ทำเงินเพื่อมาเลี้ยงครอบครัว ไม่ได้แบ่งแยกว่าตรงนี้ของน้องตรงนั้นของพี่ บอกตามตรงเราเองเริ่มไม่พอใจคะ มันเหมือนเป็นการยุแยงให้ครอบครัวเราทะเลาะกันยังไงไม่รู้ ครั้งแรกพี่เราก็เหมือนลังเลๆคะ จะให้แม่โอนให้เป็นส่วนตัวแต่เราโทรไปคุยปรับความเข้าใจกัน หลังๆเริ่มมีปากเสียงกันคะ ช่วงนั้น ถ.ท้องได้ 4เดือน เริ่มมีปากเสียงกันคะ ระหว่างพ่อแม่เขา กับแม่เรา ส่วนพี่ชายกับแฟนยังรักกันดีคะ จนถึงวันที่ต้องเลือก......

       พอพ่อแม่ ถ. ไม่ได้ดั่งใจก็เริ่มสร้างปัญหาคะ ไปคุยกับคนแถวนั้นว่าแม่เรางกบ้างละ ไม่ยอมโอนที่ดินให้ลูกไปสร้างครอบครัวบ้างละ เห็นแก่ตัวบ้างละ บลาๆๆ เยอะคะ (ทีตอนตัวเองค่าซองวันงานแต่งเก็บเรียบ ไม่ให้ลูกมาตั้งตัวสักบาท) พ่อแม่ ถ.ตั้งข้อเสนอว่า ถ้าไม่โอนที่ดินให้เป็นชื่อพี่ชายเรา จะให้ลูกเขาเลิกกับพี่เราคะ และให้ลูกเก็บข้าวของกลับไปอยู่บ้านตัวเองวันนั้นเลย เราบอกเลยนะคะว่าพี่ชายกับแฟนรักกันดีไม่เคยมีปัญหากัน แต่ ถ.จะเป็นเด็กดีที่เชื่อฟังพ่อแม่เสมอ กลับไปอยู่บ้านเป็นเดือน ถ.แอบโทรมาหาพี่เราตลอด จนโดนจับได้แม่เขาสั่งให้เลิกติดต่อซะงั้น ...... มีอีกหลายเรื่องคะที่แม่เขาพยายามเข้ามาเจ้ากี้เจ้าการ เหมือนจะมาเป็นใหญ่ในบ้านเราประมาณนั้นเลย ทะเลาะกันหนักขึ้นแม่เราอดทนเพราะไม่อยากให้พี่ชายเรารู้สึกแย่ๆเป็นครั้งที่2 และหมดความอดทนในที่สุด เมื่อฝ่าย ผญ โทรมาบอกว่าจะเอาเด็กออก ตอนนั้นตั้งครรภ์ได้เกือบ 5เดือนแล้วคะ ซึ่งคงจะถูกแม่เขากดดันมาอีกทีนั่นละ พี่ชายเราคุยไม่ทันจบเค้าวางสายไป ปล่อยโฮเลยจ้า ความหวังที่จะมีลูกคนแรก พี่ชายทั้งขอร้องและอ้อนวอนให้เก็บลูกไว้ คลอดเมื่อไหร่พี่ชายเราจะเอามาเลี้ยงเอง ผญ ก็รับปากนะคะ (แยกกันอยู่ ฝ่าย ผญ บอกเลิก) ผ่านไปไม่ถึงเดือนได้ข่าวว่าลื่นห้องน้ำแท้งลูก พี่เราถึงกับช๊อค รีบโทรไปถามสรุปแท้งลูกจริงๆคะ แต่อ้างว่าลื่นล้มห้องน้ำ จริงเท็จยังไงอันนี้ไม่ทราบเลย....

       บ้านเราดูเงียบๆไปเลย ไม่ค่อยคุยกัน เราโทรไปแม่ก็คุยแปปๆวางสาย เราเองก็รู้สึกแย่มากๆ ความหวังที่จะมีเด็กน้อยมาเป็นที่รักของครอบครัวจบลงแบบไม่คาดคิด...พี่ชายเราเก็บตัวอยู่บ้านทำแต่งานไม่ออกไปไหนเลย เราโทรหาทุกวันรับสายบ้างไม่รับบ้าง เสียใจและช็อคกับสิ่งที่เกิดขึ้น มันฝังอยู่ในส่วนลึกของทุกคน เราจะไม่มีวันลืมเหตุการณ์นี้......

      “ความรักครั้งที่2 กับการสูญเสียอีกครั้ง”

     “รอติดตามตอนต่อไปนะค่ะ กับความรักครั้งที่3”

   #ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่าน
   #อาจจะพิม วกไปวนมานะคะต้องขออภัย
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่