กระทู้นี้จะมารีวิวโทนเนอร์สำหรับผิวเป็นสิวที่กำลังใช้อยู่ฮะ เพราะตัวจขกท. เป็นคนหน้ามัน ผิวแบบ Acne Prone Skin คือเป็นสิวแบบไม่ได้เห่อทั้งหน้า แบบสิววัยรุ่น หรือสิวแพ้สารเคมี แต่ก็มีสิวมาแบบประปราย แต่มาเรื่อยๆนะฮะ หรือบางทีสิวยุบรอยแดงยังไม่ทันหายก็ขึ้นมาอีก ตั้งแต่วัยรุ่น จนตอนนี้ แล้วน้องสิวก็ยังคงไม่ห่างหายไปไหน T T
แต่ก็มีข้อดีของคนผิวประเภทนี้คือหน้าจะแก่ช้ากว่าคนผิวปกติ (มีความมั่นหน้านิสนึง) หรือผิวแห้ง อันนี้ไม่ได้จ้อจี้ เพราะเคยอ่านเจอบทความ จากเว็บจากต่างประเทศว่ามีงานวิจัยรองรับด้วยนะเออ เวลาเจอผู้ใหญ่ก็ชอบโดนถามว่าปีไหนแล้วหนู? ก็ได้แต่ยิ้มแห้งใส่พร้อมตอบว่าทำงานนานแล้วฮะแหะๆ
ว่าแล้วก็มาเริ่มรีวิว Skin Care ในกลุ่ม Toner ของเราที่ใช้อยู่มีอะไรบ้าง
1. Klean & Kare - Normal Saline (500 ml – 50 บาท)
ใช่แล้วจ้า อ่านไม่ผิดหรอก น้ำเกลือฉลากเขียวที่ใช้ล้างคอนแทคเลนส์ ล้างจมูก ล้างแผล นั่นแหละจ้า เป็น skin care hack ที่แท้ทรูเลย! ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าใช้กับผิวเป็นสิวแล้วเวิร์ค! จนมีหนนึงไปหาหมอสิวที่ไปประจำช่วงที่สิวบุกเยอะๆ ถามคูณหมอว่าใช้โทนเนอร์อะไรดี หมอก็บอกประมาณว่าไม่ต้องใช้อะไรเยอะแยะมารบกวนผิวหรอก ใช้น้ำเกลือฉลากเขียวก็พอแล้ว นี่ก็ห๊ะ!..อย่างนี้ก็ได้เหรอ แต่ก็ลองหน่อยไม่เสียหายเพราะราคาก็ไม่แพง พอศึกษาส่วนประกอบดูก็เมคเซนส์อยู่ เพราะไม่มีพาราเบน ความเข้มข้นของเกลือเท่ากับน้ำในเซลผิวคือ 0.9% ซึ่งพอลองใช้ไปเรื่อยๆแล้วเออ มันช่วยได้อย่างที่หมอบอกจริงๆ แล้วแผลจากสิวก็หายไวขึ้นด้วย
วิธีใช้ก็เหมือนโทนเนอร์ทั่วไปเลย เช็ดแล้วไม่รู้สึกเหนอะ ผิวไม่แห้ง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะใครที่แพ้ง่าย ตอนแรกที่ใช้ใหม่ๆ ก็กลัวว่าใช้กับสิวหัวอักเสบแล้วจะแสบมั้ย ก็ไม่แฮะ ช่วงไหนที่เป็นสิวมีรอยแดง ผิวแพ้รัว ๆ ก็ใช้แต่ตัวนี้แหละเน้นๆ พร้อมกับยาแต้มกับแผ่นแปะสิวอีกหน่อย ไม่ถึงสัปดาห์ค่อยกลับมาดูเป็นผู้เป็นคนได้ เชื่อนี่ ลองดู
ขวดที่นำมารีวิวขนาด 500 ml แต่ถ้าใครใช้น้ำเกลือทำอย่างอื่นเช่นล้างเลนส์ ล้างจมูก ฯลฯ แนะนำให้ซื้อขวดเล็ก 100 ml ก็พอ เพราะตัวน้ำเกลือ จะมีอายุการใช้งาน 30 วัน นับไปหลังจากวันที่เปิดขวดใช้ ถ้าซื้อขวดใหญ่มาแล้วใช้ไม่หมดจะเสียดายเปล่าๆ ถึงราคาจะถูกมากกกกอยู่แล้วก็เหอะ
สภาพสำลีก่อนและหลังเช็ด
พลีหน้าสด โนฟิลเตอร์ โนรีทัช ที่แท้ทรู
ราคา : 5/5
ความโอนโยน : 5/5
ประสิทธิภาพปราบสิว : 4/5
คือไม่ได้ใช้ปุ๊บสิวหายปั้บ เพราะนี่ก็ไม่ใช่ยา แต่เป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดผิวในขั้นต้น และเหมาะเป็นโทนเนอร์ยืนพื้นในการเตรียมผิวก่อนขั้นตอนถัดไปสำหรับคนที่สิวขึ้นง่ายมากกว่า
2. Scinic Tea Tree Clearing Toner (260 ml – 550 บาท)
ตอนแรกที่มาเล่นตัวทีทรีออยคือซื้อขวดที่เป็น essential oil เพียวๆ ยี่ห้อของออสเตรเลียมา แต่รู้สึกไม่ค่อยเวิร์ค คือสิวอ่ะหาย แต่ใช้ essential oil โดยตรงกับผิวหน้าแล้ว...เบิร์นจ้า จากเป็นสิวได้รอยดำรอยแดงแสบจากผิวเบิร์นมาแทน
พอมาเจอตัวนี้ที่ร้านวัตสันก็เลยลองสอยมาหน่อย เพราะใช้เป็นโทนเนอร์คงไม่แรงเท่าออยเพียวๆ โดยขวดนี้มีความเข้มข้นของทีทรีออยอยู่ที่ 200 ppm ไม่มีน้ำหอมและพาราเบน แต่มีแอลกอฮอล เวลาใช้จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของทีทรีออย แต่ไม่ตึงไม่วาว ใช้สลับกับน้ำเกลือ Klean & Kare มาสักระยะแล้วยังไม่รู้สึกแพ้ ไม่แสบผิวเท่าทีทรีออยเพียวๆ แต่ถ้าช่วงหน้าแดงๆ จากสิวอักเสบใช้แล้วจะทวีความแดง เพราะเจ้าทีทรีออยนี่แหละ ถึงเจือจางแล้วก็ยังคงความเบิร์น เบบี้เบิร์นอยู่เบาๆ เหมาะกับไว้ใช้เป็นโทนเนอร์ป้องกันสิวขึ้นเพิ่ม หรือเป็นไม่เยอะ
ราคา : 4/5
ความโอนโยน : 3.5/5
ประสิทธิภาพปราบสิว : 4/5
3. Clinda-M (15 ml – 69 บาท)
นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง skin care hack ของผมเอง ยาแต้มสิวคลินด้าเอ็มตัวฮิตของชาวพันทิปนี่แหละ เอามาใช้เสมือนเป็นโทนเนอร์แล้วรู้สึกว่ามันเวิร์คกว่าเอามาทาที่หัวสิวปกติอีก...แอบฮาร์ดคอร์ 555 แต่วิธีนี้ใช้ได้ไม่บ่อยนะ เพราะอาจจะดื้อยา
ตัวยาคลินด้าไมซินเป็นยาปฏิชีวนะ ช่วงที่กลับมาใช้ใหม่ๆจะรู้สึกเลยว่าสิวหายไวมาก แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มดื้อยาแล้วก็ไม่ค่อยได้ผลละ ถ้าใครเคยใช้แล้ว ควรพักช่วงยาวๆ แล้วค่อยกลับมาใช้ใหม่
เรื่องความอ่อนโยนไม่ต้องพูดถึง..เพราะแอลกอฮอลมาเต็มๆ 555 ใช้แล้วผิวแห้งตึงแน่นอน แต่นี่เป็นคนผิวมันเลยไม่ค่อยจะสะทกกับแอลกอฮอลล์ ก็อย่างที่ว่าไว้ว่าตัวนี้จริงๆ มันเป็นยา เหมาะกันใช้ช่วงเร่งรัดให้สิวไปไว แต่ก็ต้องอย่าใช้บ่อยนะเพราะจะดื้อยา บางรายอาจจะเกิดความระคายเคืองได้ เตือนแล้วนะ /เสียงเชฟป้อม 5 5 5
ราคา : 3.5/5
ความโอนโยน : 2.5/5 (ก็แฮลกอฮอลเน้นๆขนาดนี้)
ประสิทธิภาพปราบสิว : 4/5 (เฉพาะตอนใช้ใหม่ๆนะ พอดื้อยาแล้วก็บ๊ายยย ยาวๆ)
4. Meishoku Skin Lotion For Men (80 ml - 538 บาท)
โทนเนอร์สิวยอดฮิตจากญี่ปุ่น ในไทยมีขายแล้วที่มัตซึโมโตะ ตัวที่เอามารีวิวเป็นสูตรสำหรับผู้ชาย อย่างแรกที่รู้สึกว่าต่างกับรุ่นปกติของผู้หญิงเลยคือ สูตรนี้มี Salicylic Acid (ซาลิไซลิก แอซิด) และกลิ่นน้ำหอมเตะจมูกมากกกกกกกกก จนงงว่าเป็นโทนเนอร์สูตรรักษาสิวจะอัดน้ำหอมมาเพื่อ....
ตอนที่เช็ดผิวจะรู้สึกตึงๆ แสบผิวเล็กๆ น่าจะเพราะเจ้าส่วนผสม Salicylic Acid ถ้าใช้ช่วงกลางวันต้องตบกันแดดตามไม่งั้นเบิร์นแน่นอน ตัวนี้ทดลองไปประมาณ 4-5 วัน เหมือนจะมีผดขึ้นที่บริเวณกรอบหน้า โดยเฉพาะไรผมด้านหน้า เลยเซย์บายหยุดใช้ชั่วคราว
ราคา : 3/5
ความโอนโยน : 2/5 (หักตรงมีน้ำหอม และใช้แล้วระคายเคืองเล็ก ๆ)
ประสิทธิภาพปราบสิว : 3/5
สรุป
จากที่นำมารีวิวมาทั้งหมด 4 ตัว สำหรับ จขกท.ที่ปลื้มที่สุด ก็จะมี Klean & Kare - Normal Saline กับ Scinic Tea Tree Clearing Toner ที่ใช้หลักๆ ทุกวันสลับกัน ถ้าให้เลือกตัวไหนท็อปสุดก็น้ำเกลือ Klean & Kare ฉลากเขียวนี่แหละ ที่เห็นจะเป็นลูกรัก ถือว่าเป็น Skin Care ในกลุ่ม Toner เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวผสม หรือ ผู้ที่กำลังรักษาผิวหน้าที่เป็นสิวได้อย่างดี อันนี้คุณหมอก็แนะนำ อีกอย่างเลยคุณหมอบอกว่าไม่ใช่น้ำเกลือยี่ห้อไหนก็ใช้ได้นะคะ จะต้องดูน้ำเกลือที่ระบุบว่า ใช้กับผิวหน้าได้เท่านั้น! ในส่วนของราคาก็ถือว่าเป็นมิตร ราคาถูกสบายกระเป๋า อีกด้วย จบแล้วสำหรับการรีวิว หากเพื่อน ๆ ใช้ตัวไหนอยู่ หรือ มีข้อแนะนำ พูดคุยกันได้ ขอบคุณที่ติดตาม บายยยย....
[CR] รีวิว โทนเนอร์ปราบสิว สำหรับคนโดนสิวบุก
แต่ก็มีข้อดีของคนผิวประเภทนี้คือหน้าจะแก่ช้ากว่าคนผิวปกติ (มีความมั่นหน้านิสนึง) หรือผิวแห้ง อันนี้ไม่ได้จ้อจี้ เพราะเคยอ่านเจอบทความ จากเว็บจากต่างประเทศว่ามีงานวิจัยรองรับด้วยนะเออ เวลาเจอผู้ใหญ่ก็ชอบโดนถามว่าปีไหนแล้วหนู? ก็ได้แต่ยิ้มแห้งใส่พร้อมตอบว่าทำงานนานแล้วฮะแหะๆ
ว่าแล้วก็มาเริ่มรีวิว Skin Care ในกลุ่ม Toner ของเราที่ใช้อยู่มีอะไรบ้าง
ใช่แล้วจ้า อ่านไม่ผิดหรอก น้ำเกลือฉลากเขียวที่ใช้ล้างคอนแทคเลนส์ ล้างจมูก ล้างแผล นั่นแหละจ้า เป็น skin care hack ที่แท้ทรูเลย! ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกว่าใช้กับผิวเป็นสิวแล้วเวิร์ค! จนมีหนนึงไปหาหมอสิวที่ไปประจำช่วงที่สิวบุกเยอะๆ ถามคูณหมอว่าใช้โทนเนอร์อะไรดี หมอก็บอกประมาณว่าไม่ต้องใช้อะไรเยอะแยะมารบกวนผิวหรอก ใช้น้ำเกลือฉลากเขียวก็พอแล้ว นี่ก็ห๊ะ!..อย่างนี้ก็ได้เหรอ แต่ก็ลองหน่อยไม่เสียหายเพราะราคาก็ไม่แพง พอศึกษาส่วนประกอบดูก็เมคเซนส์อยู่ เพราะไม่มีพาราเบน ความเข้มข้นของเกลือเท่ากับน้ำในเซลผิวคือ 0.9% ซึ่งพอลองใช้ไปเรื่อยๆแล้วเออ มันช่วยได้อย่างที่หมอบอกจริงๆ แล้วแผลจากสิวก็หายไวขึ้นด้วย
วิธีใช้ก็เหมือนโทนเนอร์ทั่วไปเลย เช็ดแล้วไม่รู้สึกเหนอะ ผิวไม่แห้ง เหมาะสำหรับทุกสภาพผิว โดยเฉพาะใครที่แพ้ง่าย ตอนแรกที่ใช้ใหม่ๆ ก็กลัวว่าใช้กับสิวหัวอักเสบแล้วจะแสบมั้ย ก็ไม่แฮะ ช่วงไหนที่เป็นสิวมีรอยแดง ผิวแพ้รัว ๆ ก็ใช้แต่ตัวนี้แหละเน้นๆ พร้อมกับยาแต้มกับแผ่นแปะสิวอีกหน่อย ไม่ถึงสัปดาห์ค่อยกลับมาดูเป็นผู้เป็นคนได้ เชื่อนี่ ลองดู
ขวดที่นำมารีวิวขนาด 500 ml แต่ถ้าใครใช้น้ำเกลือทำอย่างอื่นเช่นล้างเลนส์ ล้างจมูก ฯลฯ แนะนำให้ซื้อขวดเล็ก 100 ml ก็พอ เพราะตัวน้ำเกลือ จะมีอายุการใช้งาน 30 วัน นับไปหลังจากวันที่เปิดขวดใช้ ถ้าซื้อขวดใหญ่มาแล้วใช้ไม่หมดจะเสียดายเปล่าๆ ถึงราคาจะถูกมากกกกอยู่แล้วก็เหอะ
พลีหน้าสด โนฟิลเตอร์ โนรีทัช ที่แท้ทรู
ราคา : 5/5
ความโอนโยน : 5/5
ประสิทธิภาพปราบสิว : 4/5
คือไม่ได้ใช้ปุ๊บสิวหายปั้บ เพราะนี่ก็ไม่ใช่ยา แต่เป็นตัวช่วยในการทำความสะอาดผิวในขั้นต้น และเหมาะเป็นโทนเนอร์ยืนพื้นในการเตรียมผิวก่อนขั้นตอนถัดไปสำหรับคนที่สิวขึ้นง่ายมากกว่า
2. Scinic Tea Tree Clearing Toner (260 ml – 550 บาท)
ตอนแรกที่มาเล่นตัวทีทรีออยคือซื้อขวดที่เป็น essential oil เพียวๆ ยี่ห้อของออสเตรเลียมา แต่รู้สึกไม่ค่อยเวิร์ค คือสิวอ่ะหาย แต่ใช้ essential oil โดยตรงกับผิวหน้าแล้ว...เบิร์นจ้า จากเป็นสิวได้รอยดำรอยแดงแสบจากผิวเบิร์นมาแทน
พอมาเจอตัวนี้ที่ร้านวัตสันก็เลยลองสอยมาหน่อย เพราะใช้เป็นโทนเนอร์คงไม่แรงเท่าออยเพียวๆ โดยขวดนี้มีความเข้มข้นของทีทรีออยอยู่ที่ 200 ppm ไม่มีน้ำหอมและพาราเบน แต่มีแอลกอฮอล เวลาใช้จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของทีทรีออย แต่ไม่ตึงไม่วาว ใช้สลับกับน้ำเกลือ Klean & Kare มาสักระยะแล้วยังไม่รู้สึกแพ้ ไม่แสบผิวเท่าทีทรีออยเพียวๆ แต่ถ้าช่วงหน้าแดงๆ จากสิวอักเสบใช้แล้วจะทวีความแดง เพราะเจ้าทีทรีออยนี่แหละ ถึงเจือจางแล้วก็ยังคงความเบิร์น เบบี้เบิร์นอยู่เบาๆ เหมาะกับไว้ใช้เป็นโทนเนอร์ป้องกันสิวขึ้นเพิ่ม หรือเป็นไม่เยอะ
ราคา : 4/5
ความโอนโยน : 3.5/5
ประสิทธิภาพปราบสิว : 4/5
3. Clinda-M (15 ml – 69 บาท)
นี่ก็เป็นอีกหนึ่ง skin care hack ของผมเอง ยาแต้มสิวคลินด้าเอ็มตัวฮิตของชาวพันทิปนี่แหละ เอามาใช้เสมือนเป็นโทนเนอร์แล้วรู้สึกว่ามันเวิร์คกว่าเอามาทาที่หัวสิวปกติอีก...แอบฮาร์ดคอร์ 555 แต่วิธีนี้ใช้ได้ไม่บ่อยนะ เพราะอาจจะดื้อยา
ตัวยาคลินด้าไมซินเป็นยาปฏิชีวนะ ช่วงที่กลับมาใช้ใหม่ๆจะรู้สึกเลยว่าสิวหายไวมาก แต่พอใช้ไปเรื่อยๆ ก็จะเริ่มดื้อยาแล้วก็ไม่ค่อยได้ผลละ ถ้าใครเคยใช้แล้ว ควรพักช่วงยาวๆ แล้วค่อยกลับมาใช้ใหม่
เรื่องความอ่อนโยนไม่ต้องพูดถึง..เพราะแอลกอฮอลมาเต็มๆ 555 ใช้แล้วผิวแห้งตึงแน่นอน แต่นี่เป็นคนผิวมันเลยไม่ค่อยจะสะทกกับแอลกอฮอลล์ ก็อย่างที่ว่าไว้ว่าตัวนี้จริงๆ มันเป็นยา เหมาะกันใช้ช่วงเร่งรัดให้สิวไปไว แต่ก็ต้องอย่าใช้บ่อยนะเพราะจะดื้อยา บางรายอาจจะเกิดความระคายเคืองได้ เตือนแล้วนะ /เสียงเชฟป้อม 5 5 5
ราคา : 3.5/5
ความโอนโยน : 2.5/5 (ก็แฮลกอฮอลเน้นๆขนาดนี้)
ประสิทธิภาพปราบสิว : 4/5 (เฉพาะตอนใช้ใหม่ๆนะ พอดื้อยาแล้วก็บ๊ายยย ยาวๆ)
4. Meishoku Skin Lotion For Men (80 ml - 538 บาท)
โทนเนอร์สิวยอดฮิตจากญี่ปุ่น ในไทยมีขายแล้วที่มัตซึโมโตะ ตัวที่เอามารีวิวเป็นสูตรสำหรับผู้ชาย อย่างแรกที่รู้สึกว่าต่างกับรุ่นปกติของผู้หญิงเลยคือ สูตรนี้มี Salicylic Acid (ซาลิไซลิก แอซิด) และกลิ่นน้ำหอมเตะจมูกมากกกกกกกกก จนงงว่าเป็นโทนเนอร์สูตรรักษาสิวจะอัดน้ำหอมมาเพื่อ....
ตอนที่เช็ดผิวจะรู้สึกตึงๆ แสบผิวเล็กๆ น่าจะเพราะเจ้าส่วนผสม Salicylic Acid ถ้าใช้ช่วงกลางวันต้องตบกันแดดตามไม่งั้นเบิร์นแน่นอน ตัวนี้ทดลองไปประมาณ 4-5 วัน เหมือนจะมีผดขึ้นที่บริเวณกรอบหน้า โดยเฉพาะไรผมด้านหน้า เลยเซย์บายหยุดใช้ชั่วคราว
ราคา : 3/5
ความโอนโยน : 2/5 (หักตรงมีน้ำหอม และใช้แล้วระคายเคืองเล็ก ๆ)
ประสิทธิภาพปราบสิว : 3/5
สรุป
จากที่นำมารีวิวมาทั้งหมด 4 ตัว สำหรับ จขกท.ที่ปลื้มที่สุด ก็จะมี Klean & Kare - Normal Saline กับ Scinic Tea Tree Clearing Toner ที่ใช้หลักๆ ทุกวันสลับกัน ถ้าให้เลือกตัวไหนท็อปสุดก็น้ำเกลือ Klean & Kare ฉลากเขียวนี่แหละ ที่เห็นจะเป็นลูกรัก ถือว่าเป็น Skin Care ในกลุ่ม Toner เหมาะสำหรับผิวมัน ผิวผสม หรือ ผู้ที่กำลังรักษาผิวหน้าที่เป็นสิวได้อย่างดี อันนี้คุณหมอก็แนะนำ อีกอย่างเลยคุณหมอบอกว่าไม่ใช่น้ำเกลือยี่ห้อไหนก็ใช้ได้นะคะ จะต้องดูน้ำเกลือที่ระบุบว่า ใช้กับผิวหน้าได้เท่านั้น! ในส่วนของราคาก็ถือว่าเป็นมิตร ราคาถูกสบายกระเป๋า อีกด้วย จบแล้วสำหรับการรีวิว หากเพื่อน ๆ ใช้ตัวไหนอยู่ หรือ มีข้อแนะนำ พูดคุยกันได้ ขอบคุณที่ติดตาม บายยยย....
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้