ใครที่ได้ดูหนัง 2215 เชื่อบ้ากล้าก้าวแล้วบ้าง?? เข้ามาคุยกัน หรือใครที่ยังไม่เคยดูก็เข้ามาเถอะเรามีเรื่องจะคุยให้ฟัง

เราได้มีโอกาสเข้าไปดูหนัง 2215 เชื่อบ้ากล้าก้าว รอบพิเศษเมื่อวันที่ 13 กันยายน เห็นหน้าเพจก้าวบอกว่าจะมีรอบพิเศษแล้วจะได้พบกับพี่ตูนตัวเป็นๆ เหมือนว่ารอบนี้จะเป็นรอบของสื่อมวลชนด้วยแต่ว่าจะเปิดให้คนนอกเข้าชมได้ด้วย เรากับเพื่อนก็ได้รีบทำการลงทะเบียนลงทันทีทันใด เพราะไหนๆ เรื่องนี้เขาก็เปิดให้ดูฟรีกันอยู่แล้ว จะฟรีทั้งทีมันก็ควรจะมีพี่ตูนและทีมงานก้าวรายรอบด้วยสิถึงจะฟิน

          งานนี้จัดที่อาคารนิมิบุตร สนามกีฬาแห่งชาติ คนบ้านนอกย่านลาดพร้าวอย่างเราก็ต้องไป BTS สิคะ งานเริ่มตอน 16.00 น.  เราเลยไปถึงที่สนามกีฬาตอน 15.40 น.



          พอไปถึงก็เห็นพี่ตูนกำลังยืนให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนกันอยู่เลย เราเลยใช้จังหวะนี้เดินดูนิทรรศการของพี่ตูน  ทีมวิ่งของพี่ตูน และคิงเพาเวอร์ เก็บภาพมาฝากพอกรุบกริบกันนะคะ แต่เรามีสิ่งที่รู้สึกเสียดายไปอย่างนึงคือ เราลืมถ่ายรูปรองเท้าวิ่งของพี่ตูน ที่ใช้วิ่งจริงตั้งแต่เบตงถึงแม่สายเราได้เข้าไปยืนดูใกล้ๆ ก็รับรู้ได้ถึงความขลัง ละเมียดละไมกับสิ่งที่เห็น จนลืมถ่ายรูปเก็บไว้





แล้วนี่คือจุดรับตั๋วหนังค่ะ บรรยากาศเหมือนหน้าโรงหนังจริงๆ เลย สำหรับตั๋วหนังในวันนี้ของเราเป็นสติ๊กเกอร์วงกลมสีขาวติดหน้าอก



แล้วก็เดินเตร็ดเตร่ในงานไปเรื่อยๆ พี่ตูนก็เดินไปยังจุดนั้นจุดนี้ จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเรา พี่ตูนตัวเป็นๆ ชัดๆ ระดับ HD  แบบไม่ต้องฝ่าฝูงชน โอ่วววววว หม่ายก้อดดดดดด แทบจะละลายตรงนั้นเลย



เวลา 17.00 น. เราก็เดินเข้าโรงหนังนิมิบุตร ซึ่งแทบจะทุกที่ในบริเวณงานจะมีตู้บริจาคตั้งอำนวยความสะดวกให้กับเรา แน่นอนค่ะ ทางเข้าโรงหนังก็มีเช่นกัน



ส่วนกฎในการดูหนังก็จะเหมือนโรงหนังทั่วไปนั่นแหละ อาจจะมีเพิ่มมานิดหน่อยตรงห้ามนำอาหารและเครื่องดื่มเข้าโรงหนังเลย



พอก้าวเข้าสู่โรงหนังและเดินขึ้นบันไดภาพที่เห็นคือภาพนี้ค่ะ



เห็นแล้วร้องว้าววววววว ไม่คิดว่าทางทีมงานจะแปลงโฉมลุงนิมิบุตรให้ดูหล่ออลังการได้ขนาดนี้ และเนื่องจากว่ารอบนี้เป็นรอบสื่อมวลชนก็จะมีพิธีการนิดนึงคือการให้สัมภาษณ์ รมต.กระทรวงการท่องเที่ยว, คุณอัยวัฒน์ เจ้าของคิงเพาเวอร์, แล้วก็พี่ตูน ได้พูดถึงการฉายหนังครั้งนี้เล็กๆ น้อย ๆ โดยมีพี่เปอร์ เป็นพิธีกร



โดยเราก็เพิ่งรู้ว่าเมื่อปีที่แล้วที่คิงเพาเวอร์ให้การสนับสนุนกับโครงการก้าวคนละก้าว คือเป็นครั้งแรกที่พี่ตูนได้คุยกับคุณอัยวัฒน์ถึงสิ่งที่พี่ตูนกำลังจะทำซึ่งใช้เวลาพูดคุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงคุณอัยวัฒน์ก็ได้ให้เงินสนับสนุนอย่างเต็มที่เลย รวมถึงครั้งนี้ด้วย เรียกว่าบารมีพี่ตูนได้ไหมนะที่ได้สปอนเซอร์ใจใหญ่ขนาดนี้ และพี่ตูนก็ได้กล่าวถึงจุดประสงค์ของการฉายหนังในครั้งนี้ว่าอยากจะช่วยโรงพยาบาลศิริราช ร่วมกันบริจาคซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ให้กับอาคารนวมินทรบพิตร 89 พรรษา เพื่อให้ผู้ป่วยสามัญได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น

        เมื่อจบพิธีการนี้ก็ถึงเวลาการฉายหนังซึ่งเนื้อหาก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับโครงการตั้งแต่ก่อนที่พี่ตูนจะวิ่งวันแรก บอกเล่าเรื่องราวระหว่างทางที่ในไลฟ์ไม่มีให้เราดู บรรยากาศการแก้ปัญหา มิตรภาพ รอยยิ้ม ความเสียสละ ความเจ็บปวด ความดื้อรั้น เรียกได้ว่าหนังเรื่องนี้ถูกเรียบเรียงขึ้นมาเป็นอย่างดี ไม่รู้จะสปอยเนื้อหาหนังให้ฟังได้อย่างไรดี แต่เอาเป็นว่าความรู้สึกหลังดูจบมันทำให้เรารู้สึกว่า..ใจของพี่ตูนโคตรยิ่งใหญ่เลย และต้องคนแบบนี้แหละที่จะสามารถทำอะไรยิ่งใหญ่แบบนี้ได้ประสบความสำเร็จ  มันต้องเชื่อ ต้องบ้า ต้องกล้าจริงๆ ถึงจะวิ่งได้ครบ 2215 กิโลเมตรในระยะเวลา 55 วัน

        (ในพารากราฟนี้จะมีการสปอยเกิดขึ้น) ตลอดระยะเวลาการฉายหนังทำให้เรารู้สึกเหมือนเป็นไบโพล่า มีความตลก ความปลาบปลื้ม ตื้นตัน เรานี่แอบร้องไห้ไม่รู้ตั้งกี่ที ฉากแรกที่ร้องเลยคือที่หมอเมย์เอาเข็มแทงเข้าที่ขาพี่ตูน (ฉากนี้มีในทีเซอร์) แต่พอมาดูจริงได้ยินเสียงพี่ตูนร้องที่ดังและนานกว่าในทีเซอร์มันบีบหัวใจมาก ไม่รู้ทำไงร้องไห้เลย แต่ที่เหมือนจะทำให้เราเสียศูนย์หนักคือในตอนแรกที่หนังได้เล่าเรื่องราวของน้องแพรวที่ประสบอุบัติเหตุรถชนจนกระดูกขาแตกละเอียดยิบ คุณหมอก็ได้ทำการรักษาผ่าตัดยึดกระดูกไว้ แล้วก็ได้เงินจากที่พี่ตูนวิ่งบางสะพานเอามาซื้ออุปกรณ์รักษาขาน้องแพรว แล้วเนื้อหาของน้องแพรวก็ถูกพูดถึงเพียงเท่านี้ในช่วงต้นเรื่อง เนื้อเรื่องก็ดำเนินเหตุการณ์ไปเรื่อยๆ ที่ทำให้รู้ว่าพี่ตูนต้องเจออะไรบ้าง ทีมงานเหนื่อยขนาดไหน ชาวบ้านบริจาคกันเยอะ จนกระทั่งท้ายเรื่องภาพของน้องแพรวขึ้นมาอีกครั้ง เป็นภาพที่น้องเค้าสามารถเอาขาแตะกับพื้นได้ และเดินทำกายภาพบำบัดได้ เท่านั้นคุณเอ้ยยยยยยยยยยย น้ำตาไหลเลยอ่ะ เราไม่คิดมาก่อนว่าจะได้เห็นภาพนี้ นั่นหมายความว่ามีความเป็นไปได้สูงที่น้องแพรวจะกลับมาเดินได้อีกครั้ง พอเลยกลั้นไม่อยู่แล้ว น้ำตาไหลเหมือนท่อแตก

         หนังเรื่องนี้นะต่อให้คุณไม่ใช่นักกีฬาแต่เชื่อเหอะว่ามันเป็นแรงบันดาลใจให้กับทุกคนทุกอาชีพได้อย่างดี เพียงแค่ทำหน้าที่ของเราให้เต็มที่และถ้ามีโอกาสที่จะทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสังคมได้ก็ทำเถอะ แล้วมันจะหล่อหลอมกันเป็นก้อนใหญ่จรรโลงสังคมให้ดีเอง

       ดูเสร็จเหมือนพี่ตูนได้ปลุกไฟในการออกกำลังกายของเราอีกครั้งเราจึงได้ตัดสินใจออกมาวิ่งกับพี่ตูนเมื่อวันเสาร์ที่ 15 กันยายน ที่ผ่านมา (แต่งานนี้เค้าได้มีการลงทะเบียนกันล่วงหน้าแล้วนะ คนที่ลงทะเบียนจะได้รับสิทธิ์ดูหนังฟรีรอบพิเศษ) แต่เนื่องจากเราดูแล้วจึงขอมาวิ่งกับพี่ตูน มาแบบใจมากเพราะก็ไม่รู้ว่างานนี้เขาจำกัดสิทธิ์เฉพาะคนที่ลงทะเบียนไว้หรือป่าว แต่ก็อยากมาอ่ะ อยากมาวิ่งกับพี่ตูน วิ่งแบบพี่ตูน วิ่งแบบพี่ตูน วิ่ง ๆ ๆ ๆ



งานนี้ใครที่ไม่ได้ลงทะเบียนก็สามารถวิ่งได้นะคะ เพียงแต่จะไม่ได้รับสิทธิ์ในการลงทะเบียนและถ้าวิ่งเก่งๆ คนที่ลงทะเบียนร้อยคนแรกจะได้รับเหรียญรางวัล หึหึ อย่าหวังไกลขนาดนั้นเลย เอาแค่วิ่งเข้าเส้นชัยก็พอใจแล้ว หลังจากที่วิ่งจบก็มีการต่อแถวถ่ายรูปเซลฟี่กับพี่ตูน พี่ก้อยด้วยนะ หางแถวยาวมากกกกก คดแล้วคดอีกเหมือนเล่นเกมส์งูหางยาวๆ เราเลยขอเลือกที่จะไปยืนชื่นชมพี่ตูนจากระยะไกลก็แล้วกัน เพราะการได้เห็นพี่ตูนยกมือไหว้ อ่อนน้อม ยิ้มแย้มกับทุกคนที่เข้ามาเซลฟี่ ตัวพี่ตูนก็สูงนะแต่เวลาพี่เค้าก้มยกมือไหว้ขอบคุณคนที่มาคือก้มลงไปเยอะมาก โค้งแล้วโค้งอีก ความเป็นพี่ตูนแบบนี้ก็ทำได้แค่แอบยิ้มให้กับความน่ารักนี้เบาๆ

สุดท้ายนี้เราขอขอบคุณก้าวคนละก้าวที่ยังอยากจะทำสิ่งยิ่งใหญ่เพื่อสังคมของเราแบบต่อเนื่อง แล้วตัวเราเองก็จะขอสนับสนุนโครงการก้าวคนละก้าวตลอดไป ซึ่งรวมถึงครั้งนี้ที่มีการบริจาคให้กับโรงพยาบาลศิริราชด้วยเช่นกัน ถึงแม้ว่ารอบฉายหนังจะจบไปแล้ว แต่การบริจาคยังคงสามารถทำต่อไปได้เรื่อยๆ รายละเอียดการบริจาคกดเข้าไปดูได้ที่สปอยเลยค่ะ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

และเราขอส่งท้ายไปด้วยภาพอวดการวิ่งกับพี่ตูนที่ผ่านมา อิอิ อยากให้เชื่อว่าเราไปวิ่งกับพี่ตูนมาจริงๆ ^^

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่