นายศุภนันท์ ฤทธิไพโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ เอ็นเนอร์ยี่ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือไอเฟค(IFEC) เข้าแจ้งความกับตำรวจกองปราบปรามให้ดำเนินการกับนักธุรกิจที่ร่วมกับพรรคพวกกลุ่มหนึ่ง กระทำตัวเป็น“มาเฟียใส่สูท”บังคับนำตัวเขาไปข่มขู่กดดันให้ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัททิ้งทั้งหมดและให้ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท
โดย นายศุภนันท์ เล่าว่า เมื่อกลางเดือน ต.ค.59ที่ผ่านมา “มาเฟียใส่สูท”กลุ่มนี้ ได้ส่งลูกน้องมาบังคับให้ขึ้นรถยนต์แล้วพาขับวนรอบกทม. โดยระหว่างรถเคลื่อนที่ชายฉกรรจ์ที่บังคับพาขึ้นรถได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ขายหุ้นทิ้งและลาออกจากทุกตำแหน่งของบริษัทและบริษัทในเครือก่อนจะพากลับมาส่งที่เดิม จากนั้นประมาณปลายต.ค.61 “มาเฟียใส่สูท” ส่งลูกน้องอีกกลุ่มหนึ่งมาบังคับให้ขึ้นไปแล้วไปร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อกดดันให้ลาออกและขายหุ้นอีกครั้ง ก่อนจะส่งตัวกลับที่เดิม
นายศุภนันท์ กล่าวอีกว่า แรงกดดันทั้ง2ครั้งในลักษณะการข่มขู่ ทำให้ตนตัดสินใจขายหุ้นออกเมื่อวันที่ 4 พ.ย.59 และกลายเป็นประเด็นให้ “มาเฟียใส่สูท” นำไปร้องต่อก.ล.ต.ให้ลงโทษตนในภายหลัง ทั้งนี้ ทางกลุ่มมาเฟียดังกล่าว ยังไม่ยอมหยุด โดยให้คนโทร.มาแจ้งอ้างว่าให้ไปร่วมประชุมที่สำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง ด้วยความกลัวจึงเรียกรถจยย.รับจ้างให้ขับไปส่งพร้อมเป็นพยานการเดินทาง ซึ่งเมื่อไปถึงก็ถูกพาเข้าไปในห้องแห่งหนึ่งที่มีกลุ่ม“มาเฟียใส่สูท”อยู่หลายคน ทั้งหมดพยายามกดดันให้เซ็นใบลาออกจากตำแหน่งกรรมการ แต่ตนไม่ยอมจึงถูกกักขังอยู่ในห้องตั้งแต่เช้าถึงบ่าย 3 โมง ก่อนจะถูกบังคับขึ้นรถตู้พากลับไปที่บ้าน หลังจากนั้น “มาเฟียใส่สูท” กลุ่มนี้ได้เข้าไปในบ้านแสดงท่าที่กดดันและข่มขู่มารดาและคนในครอบครัวนานนับชั่วโมงก่อนจะพากันกลับไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารIFEC กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันกลุ่ม“มาเฟียใส่สูท”ยังคงพยายามส่งสัญญาณเชิงข่มขู่บังคับอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ลาออกจากตำแหน่งอื่น ๆ ในบริษัทในย่อยของบริษัท รวมทั้งพยายามป้องกันไม่ให้เข้าร่วมในการตรวจสอบและดำเนินการกับการทุจริตในบริษัทและบริษัทย่อยที่กลุ่ม“มาเฟียใส่สูท”กำลังถูกกล่าวหา และถูกร้องขอให้บริษัทตรวจสอบการทุจริตโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)ตามที่มีผู้ร้องเรียน
อย่าวไรก็ตาม หลังวานนี้ตนพบข่าวประธานบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งถูกผู้ร่วมธุรกิจจัดฉากวางแผนฆ่าเพราะเกิดความขัดแย้งภายในบริษัท ทำให้มารดา ครอบครัว และตนเองเป็นห่วงในสวัสดิภาพและความปลอดภัย เกรงว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อลักษณะเดียวกัน จึงมาแจ้งความขอความคุ้มครองจากตำรวจดังกล่าว
ปธ.IFECร้องป.ช่วยคุ้มครองถูก”มาเฟียใส่สูท”อุ้ม3รอบ
โดย นายศุภนันท์ เล่าว่า เมื่อกลางเดือน ต.ค.59ที่ผ่านมา “มาเฟียใส่สูท”กลุ่มนี้ ได้ส่งลูกน้องมาบังคับให้ขึ้นรถยนต์แล้วพาขับวนรอบกทม. โดยระหว่างรถเคลื่อนที่ชายฉกรรจ์ที่บังคับพาขึ้นรถได้พยายามเกลี้ยกล่อมให้ขายหุ้นทิ้งและลาออกจากทุกตำแหน่งของบริษัทและบริษัทในเครือก่อนจะพากลับมาส่งที่เดิม จากนั้นประมาณปลายต.ค.61 “มาเฟียใส่สูท” ส่งลูกน้องอีกกลุ่มหนึ่งมาบังคับให้ขึ้นไปแล้วไปร้านอาหารแห่งหนึ่งเพื่อกดดันให้ลาออกและขายหุ้นอีกครั้ง ก่อนจะส่งตัวกลับที่เดิม
นายศุภนันท์ กล่าวอีกว่า แรงกดดันทั้ง2ครั้งในลักษณะการข่มขู่ ทำให้ตนตัดสินใจขายหุ้นออกเมื่อวันที่ 4 พ.ย.59 และกลายเป็นประเด็นให้ “มาเฟียใส่สูท” นำไปร้องต่อก.ล.ต.ให้ลงโทษตนในภายหลัง ทั้งนี้ ทางกลุ่มมาเฟียดังกล่าว ยังไม่ยอมหยุด โดยให้คนโทร.มาแจ้งอ้างว่าให้ไปร่วมประชุมที่สำนักงานทนายความแห่งหนึ่ง ด้วยความกลัวจึงเรียกรถจยย.รับจ้างให้ขับไปส่งพร้อมเป็นพยานการเดินทาง ซึ่งเมื่อไปถึงก็ถูกพาเข้าไปในห้องแห่งหนึ่งที่มีกลุ่ม“มาเฟียใส่สูท”อยู่หลายคน ทั้งหมดพยายามกดดันให้เซ็นใบลาออกจากตำแหน่งกรรมการ แต่ตนไม่ยอมจึงถูกกักขังอยู่ในห้องตั้งแต่เช้าถึงบ่าย 3 โมง ก่อนจะถูกบังคับขึ้นรถตู้พากลับไปที่บ้าน หลังจากนั้น “มาเฟียใส่สูท” กลุ่มนี้ได้เข้าไปในบ้านแสดงท่าที่กดดันและข่มขู่มารดาและคนในครอบครัวนานนับชั่วโมงก่อนจะพากันกลับไป
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารIFEC กล่าวอีกว่า ในปัจจุบันกลุ่ม“มาเฟียใส่สูท”ยังคงพยายามส่งสัญญาณเชิงข่มขู่บังคับอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ลาออกจากตำแหน่งอื่น ๆ ในบริษัทในย่อยของบริษัท รวมทั้งพยายามป้องกันไม่ให้เข้าร่วมในการตรวจสอบและดำเนินการกับการทุจริตในบริษัทและบริษัทย่อยที่กลุ่ม“มาเฟียใส่สูท”กำลังถูกกล่าวหา และถูกร้องขอให้บริษัทตรวจสอบการทุจริตโดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ(DSI)ตามที่มีผู้ร้องเรียน
อย่าวไรก็ตาม หลังวานนี้ตนพบข่าวประธานบริษัทพลังงานแห่งหนึ่งถูกผู้ร่วมธุรกิจจัดฉากวางแผนฆ่าเพราะเกิดความขัดแย้งภายในบริษัท ทำให้มารดา ครอบครัว และตนเองเป็นห่วงในสวัสดิภาพและความปลอดภัย เกรงว่าอาจจะตกเป็นเหยื่อลักษณะเดียวกัน จึงมาแจ้งความขอความคุ้มครองจากตำรวจดังกล่าว