สวัสดีค่ะ วันนี้อยากจะมาเล่าประสบการณ์การเข้ารพ.ที่ออสเตรเลียเพราะเราเกิดเป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน เรามาทำงานที่ออสเตรเลียด้วย Work and Holiday Visa ตอนแรกเราไปทำงานที่ซิดนีย์ประมาณเกือบ 6 เดือน ใครอยากรู้เรื่องการทำงานออฟฟิศในซิดนีย์ของเราไปอ่านกระทู้เก่าได้เลยนะคะ >>>
(CR) *** Work and Holiday life in Sydney ออสซี่จ๋าเราต้องรอด ***
https://ppantip.com/topic/37555476
เนื่องด้วยเงื่อนไขของวีซ่าตัวนี้ถ้าอยากจะต่อวีซ่าปีที่สองต้องขึ้นมาทางเหนือของออสเตรเลีย แล้วทำงาน Hospitality field เป็นเวลา 88 วัน นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราย้ายจากซิดนีย์มาอยู่ที่เมือง Cairns เพื่อหางานทำเพื่อต่อวีซ่าในปีหน้าค่ะ
โดยเราได้ซื้อประกันสุขภาพกับ Allianz ที่ประเทศไทยแบบ Basic เลย 9,500 บาท ตอนมาก็ซื้อไปงั้นๆแหละค่ะ คิดว่าเราขนยามาเต็มที่ ชั้นไม่มีทางป่วยเป็นอะไร แต่ตอนอยู่ซิดนีย์เราก็เป็นกระเพราะปัสสวะอักเสบค่ะ ปัสสวะเป็นเลือด ที่นี่คือเวลาเราป่วยทั่วไปที่ไม่ได้อุบัติเหตุร้ายแรง ทุกคนจะต้องไปที่ Medical Center ค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องทำการนัดล่วงหน้า จะไปหาหมอเลยไม่ได้ ตอนนั้นเราคือเจ็บท้องน้อยมาก แค่ไม่ปัสสวะยังเจ็บเลยค่ะ เจ็บจนจะร้องไห้ ซึ่งเป็นเวลาสองทุ่มกว่า Medical Center ส่วนใหญ่คือปิดหมดแล้วค่ะ ต้องไปพรุ่งนี้เช้า (อย่างทรมาณ..คิดในใจอยู่ไทยป่านนี้กรูเรียกแท็กซี่ไปวิชัยยุทธแระ) ที่นี่คือถ้าคุณไม่ได้แบบจะตายไปรพ. เค้าก็ไล่คุณกลับบ้านค่ะ พอวันต่อไปเราไปหาหมอที่ Medical Center หมอก็ให้ใบสั่งยาปฏิชีวณะมาค่ะ แล้วเราก็ต้องเอาใบสั่งยาไปซื้อยาที่ร้านขายยาเองค่ะ (ตลกเนาะ)
ถ้าเป็นการป่วยทั่วๆไปแบบนี้เราสำรองจ่ายไปก่อนค่ะแล้วส่งเอกสารไปเบิกเงินทีหลัง จะอธิบายให้เห็นภาพนะคะ
กรณีป่วยไม่มาก
1. นัดหมอที่ Medical Center ใกล้บ้าน
2. พบหมอ (ค่าหมอเฉยๆ ปกติ $70 ที่ซิดนีย์กับ Cairns พอๆกัน) >> เก็บใบเสร็จค่าหมอ และขอ Medical Certificate มาด้วยค่ะ
3. ได้ใบสั่งยาจากหมอ ก็เอาใบสั่งยาไปซื้อยาที่ร้านขายยา >> เก็บใบเสร็จค่ายามาด้วย
4. เมล์ไปหา Allianz ที่ไทย เค้าจะส่งเอกสารให้เรามากรอกเคลมประกัน กรอกเอกสารเสร็จสแกนหรือถ่ายรูปเอกสารที่กรอก + ใบเสร็จทั้งหมด + สำเนาพาสปอร์ต + ตั๋วเครื่องบิน (เก็บดีๆเลยนะคะ อย่าบินมาแล้วทิ้ง) ส่งเมล์กลับไปหา Allianz
5. รอค่ะ ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ (ปกติก็ 2-3 วัน) Allianz จะเมล์กลับมาว่าเคลมได้ แต่จำนวนเท่าไหร่เราต้องส่งเอกสารตัวจริงไปอีกที
6. ส่งเอกสารตัวจริงไปที่ไทย
7. รอประมาณ 1 เดือนได้เมล์แจ้งว่าเคลมได้คืนเท่าไหร่ โอนเข้าบัญชีที่ไทยวันไหน
ของเราจากกระเพราะปัสสวะอักเสบที่ซิดนีย์ ถ้าจำไม่ผิดหมดไปประมาณ $250 เคลมคืนได้จริงๆค่ะ ประมาณ 6,700 บาท (จำนวนเงินขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) ถึงจะได้เงินช้าหน่อยแต่เราก็ประทับใจนะคะเพราะมันเคลมได้จริงๆ ครบจำนวนเงิน ไม่มีมาเล่นแง่ว่าเคลมได้แค่นี้ๆ
ทีนี้พอย้ายเมืองมาคราวนี้ป่วยรอบสองค่ะ 6 เดือนให้หลังจากป่วยรอบแรก แต่รอบนี้เราไม่ปัสสวะเป็นเลือดค่ะ แล้วก็เจ็บไม่มาก ก็เลยคิดว่าไม่น่าเป็นอะไรหรอก ไปซื้อยาจากร้านยามากินเองค่ะ (ร้านยาที่นี่ถ้าไปซื้อยาเองจะเป็นยาไม่แรง ไม่ใช่ยาแก้อักเสบหรือยาปฏิชัวินะ) หลังจากที่มีอาการปัสสวะกระปริดกระปรอยและเจ็บเวลาปัสสวะสุด 7 วัน วันที่ 8 เราไข้ขึ้นค่ะ หนาวสั่นสะท้านมาก เริ่มท้องเสีย แต่คิดว่าคงไม่เป็นอะไร วันที่ 9 อาการเดิม หนาวฟันกระทบมาก เรียก Uber ไป Medical Center เลยค่ะ โชคดีที่นี่มีแบบเปิด 24 ชม. พอไปถึงเล่าอาการให้หมอฟังเล่าไปฟันกระทบไป หมอบอกยูต้องไปรพ.เดี๋ยวนี้เลยค่ะ ไม่ได้ยาไม่ได้อะไร แต่ได้จ่ายค่าหมอไป $70 พร้อมจดหมายส่งตัวไปรพ. Receptionist มีถามว่ายูจะไปรพ.เลยใช่มั้ย? คือยูต้องไปเดี๋ยวนี้นะ
ตอนนั้นคือพอรู้ว่าต้องไปรพ.เรารู้ว่าเงินเราไม่พอแน่ๆค่ะ เราโทรหา Allianz ที่ไทย (ติดต่อได้ 24 ชมค่ะ) เล่าอาการ และบอกว่าหมอส่งตัวไปรพ.อะไร ทาง Allianz ก็บอกว่าจะติดต่อ Allianz ในพื้นที่ให้ กรณีนี้เราไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนค่ะ เค้าจะติดต่อกับรพ.และจ่ายให้เราเลย
พอเราไปถึงแผนกฉุกเฉินรพ.บอกตรงๆ กรูคิดถึงวิชัยยุทธขึ้นมาอีกรอบ ที่นี่คือกรูจะตายแล้วค่ะ เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ ให้ Panadol มากิน (อารมณ์พารา) เรารอเกือบสามชม.ค่ะถึงได้ตรวจ ตอนหลังเนส เจ้าของบ้านที่เราอยู่ และซาชี่เพื่อนร่วมบ้านมาเฝ้าเราด้วยค่ะ เนสไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราจะเป็นลมแล้ว เร่งให้ด้วย ตอนนั้นคือเรานั่งหน้าซีด น้ำตาไหลเบาๆค่ะ หลังจากรอเกือบสามชม. ก็ได้ตรวจ เค้าเจาะเลือดและปัสสวะเราไปตรวจค่ะ ไข้เรา 39.5 องศา ผลเลือดและปัสสวะออกมาว่าเราติดเชื้อค่ะ และหมอบอกว่าเป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน คือถ้าเรามาช้าอีกไม่กินวันมีสิทธิ์ไตวายแล้วตายได้เลยนะคะ เค้าก็ให้เรานอนในห้องฉุกเฉินแล้วให้ยา antibiotics ทางสายน้ำเกลือค่ะ รอประมาณ 1 ชม.
ขอเล่าบรรยากาศในห้องฉุกเฉินที่นี่นิดนึงค่ะ เราชอบบรรยากาศที่นี่มากกว่าเมืองไทย คือมันดูชิวมาก พยาบาลและแพทย์ที่มาตรวจมีความคุยเล่น อารมณ์ฝรั่งเนาะไม่เครียด เรามีการแซวพยาบาลด้วยค่ะว่าชั้นชอบทรงผมยูนะ แล้วตอนพยาบาลผู้ชายมาตรวจถามว่าเรารู้สึกยังไง เราบอกว่ารู้สึก Salty (เพราะน้ำเกลือค่ะ) เค้าก็บอกว่าจะ Salty ได้ไง ที่ไอฉีดเข้าเส้นเลือดยูคือวอดก้า 5555 แต่ที่ไม่ชอบคือรอนานมากค่ะ ป่วยหนักๆ คงตายไปแล้ว

พยาบาลชิคมากค่ะ มีการคุยเล่น

ซาชี่และเนสมาเฝ้าค่ะ...น่ารักมากจริงๆ
ระหว่างให้ยาทางสายน้ำเกลือเจ้าหน้าที่รพ.ก็เข้ามาบอกเราว่า Allianz ติดต่อและสำรองเงินจ่ายมาแล้ว เพราะฉะนั้นยูไม่ต้องกังวล เราได้ยินไม่ชัดแต่ค่ารักษาเราน่าจะประมาณ $1500 ค่ะ (คือตอนนั้นเบลอๆ แต่จำได้ว่าหลักพันเหรียญอัพ คิดในใจกรูทำประกันมาคุ้มแล้วค่ะ 555) หลังจากให้ antibiotics กระปุกแรกหมด เค้าก็มาวัดความดันและไข้เราค่ะ ไข้เราลดเหลือ 36 องศา ความดันก็ปกติแล้ว แต่หมอบอกว่าอาจจะต้องให้อีกกระปุกและเราจะต้องจ่ายเพิ่มอีกประมาณ $1800 เป็นค่ายาและค่า short stay ค่ะ ซึ่งตอนนั้นคือเราอยู่รพ.จะห้าชม.แล้วค่ะ และแบตมือถือเราเหลือ 3% เราต้องโทรไปหา Allianz ที่ไทยให้ติดต่อ Allianz local ที่ออสเตรเลียอีก และเราก็อาการดีขึ้นมากแล้วเลยถามหมอว่าขอเป็นยากลับไปกินได้มั้ย สุดท้ายหมอก็ให้ใบสั่งยามาค่ะ ซึ่งกรูต้องไปเอาใบสั่งยาไปซื้อยาเองที่ร้านขายยาอีกกกก 555
ออกจากรพ.แบบไม่ต้องจ่ายอะไรค่ะ วันต่อมาก็เอาใบสั่งยาไปซื้อยาที่ร้านขายยา เก็บใบเสร็จมาแล้วก็เคลมคืนเหมือนแบบที่ไป Medical Center เลยค่ะ วันต่อมาหมอจากรพ.ยังโทรมาบอกว่าถ้าอาการแย่ลงยูจะต้องกลับมาให้ยา antibiotics และเฝ้าดูอาการ 24 ชมนะ
แต่โชคดีอาการเราดีขึ้นค่ะ เราซื้อแคนเบอรี่อัดเม็ดมากินช่วยเรื่องทางเดินปัสสวะ และดื่มน้ำเยอะๆ เอาจริงๆ ตอนป่วยจิตตกนะคะ บอกเพื่อนว่าถ้าตายไม่กลัวหรอก (เราเป็นคนนั่งสมาธิเลยเฉยๆ กับความตายตัวเองนะคะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ) แต่บอกเพื่อนว่าถ้ากรูตายช่วยเอาเถ้ากระดูกกลับไปลอยอังคารที่ Harber Bridge ที่ซิดนีย์นะ อย่าเอากระดูกมาลอยที่ Cairns กรูกลัวกลับมาเกิดเมืองนี้ 555555
สรุปเรื่องประกันทำเถอะค่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ อยู่ไทยเราไม่เคยเป็นเลยนะคะโรคอะไรแบบนี้ แล้วใครที่กำลังจะมาก็ขอฝาก Allianz เป็นอีกทางเลือกนึง เพราะมันเคลมได้จริงๆ อาจจะช้าหน่อยแต่เราประทับใจอ่ะที่มันเคลมได้
ก่อนไปใครที่กำลังจะมาออสเตรเลียด้วย Work and Holiday Visa ฝากติดตามเพจเราในเฟสบุ๊คได้นะคะ >>
Alone in the wild : ออสซี่จ๋าเราต้องรอด
เพจนี้ตั้งมาเพื่อให้ความรู้เด็กที่กำลังมาออสเตรเลียด้วย Work and Holiday Visa ค่ะ ว่าเราหางานยังไง หาบ้านยังไง หาเพื่อนยังไง และเราต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะตอนก่อนเราจะมาเราไปหาอ่านประสบการณ์คนที่มาด้วยวีซ่าตัวนี้แทบไม่มีเลยค่ะ เลยอยากจะให้ความรู้กับคนที่กำลังจะมาบ้าง จะได้ไม่งงๆเหมือนเราในตอนแรก
ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่รอดค่ะ...แต่นี่รอดมา 9 เดือนแระ เหลืออีกครึ่งทางที่ต้องไปต่อค่ะ
CR เล่าประสบการณ์เข้ารพ.เพราะกรวยไตอักเสบเฉียบพลันที่ออสเตรเลียกับการเคลมประกัน Allianz ฉบับเด็ก Work and Holiday Visa
(CR) *** Work and Holiday life in Sydney ออสซี่จ๋าเราต้องรอด ***
https://ppantip.com/topic/37555476
เนื่องด้วยเงื่อนไขของวีซ่าตัวนี้ถ้าอยากจะต่อวีซ่าปีที่สองต้องขึ้นมาทางเหนือของออสเตรเลีย แล้วทำงาน Hospitality field เป็นเวลา 88 วัน นี่จึงเป็นสาเหตุที่เราย้ายจากซิดนีย์มาอยู่ที่เมือง Cairns เพื่อหางานทำเพื่อต่อวีซ่าในปีหน้าค่ะ
โดยเราได้ซื้อประกันสุขภาพกับ Allianz ที่ประเทศไทยแบบ Basic เลย 9,500 บาท ตอนมาก็ซื้อไปงั้นๆแหละค่ะ คิดว่าเราขนยามาเต็มที่ ชั้นไม่มีทางป่วยเป็นอะไร แต่ตอนอยู่ซิดนีย์เราก็เป็นกระเพราะปัสสวะอักเสบค่ะ ปัสสวะเป็นเลือด ที่นี่คือเวลาเราป่วยทั่วไปที่ไม่ได้อุบัติเหตุร้ายแรง ทุกคนจะต้องไปที่ Medical Center ค่ะ ซึ่งส่วนใหญ่จะต้องทำการนัดล่วงหน้า จะไปหาหมอเลยไม่ได้ ตอนนั้นเราคือเจ็บท้องน้อยมาก แค่ไม่ปัสสวะยังเจ็บเลยค่ะ เจ็บจนจะร้องไห้ ซึ่งเป็นเวลาสองทุ่มกว่า Medical Center ส่วนใหญ่คือปิดหมดแล้วค่ะ ต้องไปพรุ่งนี้เช้า (อย่างทรมาณ..คิดในใจอยู่ไทยป่านนี้กรูเรียกแท็กซี่ไปวิชัยยุทธแระ) ที่นี่คือถ้าคุณไม่ได้แบบจะตายไปรพ. เค้าก็ไล่คุณกลับบ้านค่ะ พอวันต่อไปเราไปหาหมอที่ Medical Center หมอก็ให้ใบสั่งยาปฏิชีวณะมาค่ะ แล้วเราก็ต้องเอาใบสั่งยาไปซื้อยาที่ร้านขายยาเองค่ะ (ตลกเนาะ)
ถ้าเป็นการป่วยทั่วๆไปแบบนี้เราสำรองจ่ายไปก่อนค่ะแล้วส่งเอกสารไปเบิกเงินทีหลัง จะอธิบายให้เห็นภาพนะคะ
กรณีป่วยไม่มาก
1. นัดหมอที่ Medical Center ใกล้บ้าน
2. พบหมอ (ค่าหมอเฉยๆ ปกติ $70 ที่ซิดนีย์กับ Cairns พอๆกัน) >> เก็บใบเสร็จค่าหมอ และขอ Medical Certificate มาด้วยค่ะ
3. ได้ใบสั่งยาจากหมอ ก็เอาใบสั่งยาไปซื้อยาที่ร้านขายยา >> เก็บใบเสร็จค่ายามาด้วย
4. เมล์ไปหา Allianz ที่ไทย เค้าจะส่งเอกสารให้เรามากรอกเคลมประกัน กรอกเอกสารเสร็จสแกนหรือถ่ายรูปเอกสารที่กรอก + ใบเสร็จทั้งหมด + สำเนาพาสปอร์ต + ตั๋วเครื่องบิน (เก็บดีๆเลยนะคะ อย่าบินมาแล้วทิ้ง) ส่งเมล์กลับไปหา Allianz
5. รอค่ะ ไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ (ปกติก็ 2-3 วัน) Allianz จะเมล์กลับมาว่าเคลมได้ แต่จำนวนเท่าไหร่เราต้องส่งเอกสารตัวจริงไปอีกที
6. ส่งเอกสารตัวจริงไปที่ไทย
7. รอประมาณ 1 เดือนได้เมล์แจ้งว่าเคลมได้คืนเท่าไหร่ โอนเข้าบัญชีที่ไทยวันไหน
ของเราจากกระเพราะปัสสวะอักเสบที่ซิดนีย์ ถ้าจำไม่ผิดหมดไปประมาณ $250 เคลมคืนได้จริงๆค่ะ ประมาณ 6,700 บาท (จำนวนเงินขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนในขณะนั้น) ถึงจะได้เงินช้าหน่อยแต่เราก็ประทับใจนะคะเพราะมันเคลมได้จริงๆ ครบจำนวนเงิน ไม่มีมาเล่นแง่ว่าเคลมได้แค่นี้ๆ
ทีนี้พอย้ายเมืองมาคราวนี้ป่วยรอบสองค่ะ 6 เดือนให้หลังจากป่วยรอบแรก แต่รอบนี้เราไม่ปัสสวะเป็นเลือดค่ะ แล้วก็เจ็บไม่มาก ก็เลยคิดว่าไม่น่าเป็นอะไรหรอก ไปซื้อยาจากร้านยามากินเองค่ะ (ร้านยาที่นี่ถ้าไปซื้อยาเองจะเป็นยาไม่แรง ไม่ใช่ยาแก้อักเสบหรือยาปฏิชัวินะ) หลังจากที่มีอาการปัสสวะกระปริดกระปรอยและเจ็บเวลาปัสสวะสุด 7 วัน วันที่ 8 เราไข้ขึ้นค่ะ หนาวสั่นสะท้านมาก เริ่มท้องเสีย แต่คิดว่าคงไม่เป็นอะไร วันที่ 9 อาการเดิม หนาวฟันกระทบมาก เรียก Uber ไป Medical Center เลยค่ะ โชคดีที่นี่มีแบบเปิด 24 ชม. พอไปถึงเล่าอาการให้หมอฟังเล่าไปฟันกระทบไป หมอบอกยูต้องไปรพ.เดี๋ยวนี้เลยค่ะ ไม่ได้ยาไม่ได้อะไร แต่ได้จ่ายค่าหมอไป $70 พร้อมจดหมายส่งตัวไปรพ. Receptionist มีถามว่ายูจะไปรพ.เลยใช่มั้ย? คือยูต้องไปเดี๋ยวนี้นะ
ตอนนั้นคือพอรู้ว่าต้องไปรพ.เรารู้ว่าเงินเราไม่พอแน่ๆค่ะ เราโทรหา Allianz ที่ไทย (ติดต่อได้ 24 ชมค่ะ) เล่าอาการ และบอกว่าหมอส่งตัวไปรพ.อะไร ทาง Allianz ก็บอกว่าจะติดต่อ Allianz ในพื้นที่ให้ กรณีนี้เราไม่ต้องสำรองจ่ายไปก่อนค่ะ เค้าจะติดต่อกับรพ.และจ่ายให้เราเลย
พอเราไปถึงแผนกฉุกเฉินรพ.บอกตรงๆ กรูคิดถึงวิชัยยุทธขึ้นมาอีกรอบ ที่นี่คือกรูจะตายแล้วค่ะ เจ้าหน้าที่ไม่สนใจ ให้ Panadol มากิน (อารมณ์พารา) เรารอเกือบสามชม.ค่ะถึงได้ตรวจ ตอนหลังเนส เจ้าของบ้านที่เราอยู่ และซาชี่เพื่อนร่วมบ้านมาเฝ้าเราด้วยค่ะ เนสไปบอกเจ้าหน้าที่ว่าเราจะเป็นลมแล้ว เร่งให้ด้วย ตอนนั้นคือเรานั่งหน้าซีด น้ำตาไหลเบาๆค่ะ หลังจากรอเกือบสามชม. ก็ได้ตรวจ เค้าเจาะเลือดและปัสสวะเราไปตรวจค่ะ ไข้เรา 39.5 องศา ผลเลือดและปัสสวะออกมาว่าเราติดเชื้อค่ะ และหมอบอกว่าเป็นกรวยไตอักเสบเฉียบพลัน คือถ้าเรามาช้าอีกไม่กินวันมีสิทธิ์ไตวายแล้วตายได้เลยนะคะ เค้าก็ให้เรานอนในห้องฉุกเฉินแล้วให้ยา antibiotics ทางสายน้ำเกลือค่ะ รอประมาณ 1 ชม.
ขอเล่าบรรยากาศในห้องฉุกเฉินที่นี่นิดนึงค่ะ เราชอบบรรยากาศที่นี่มากกว่าเมืองไทย คือมันดูชิวมาก พยาบาลและแพทย์ที่มาตรวจมีความคุยเล่น อารมณ์ฝรั่งเนาะไม่เครียด เรามีการแซวพยาบาลด้วยค่ะว่าชั้นชอบทรงผมยูนะ แล้วตอนพยาบาลผู้ชายมาตรวจถามว่าเรารู้สึกยังไง เราบอกว่ารู้สึก Salty (เพราะน้ำเกลือค่ะ) เค้าก็บอกว่าจะ Salty ได้ไง ที่ไอฉีดเข้าเส้นเลือดยูคือวอดก้า 5555 แต่ที่ไม่ชอบคือรอนานมากค่ะ ป่วยหนักๆ คงตายไปแล้ว
ซาชี่และเนสมาเฝ้าค่ะ...น่ารักมากจริงๆ
ระหว่างให้ยาทางสายน้ำเกลือเจ้าหน้าที่รพ.ก็เข้ามาบอกเราว่า Allianz ติดต่อและสำรองเงินจ่ายมาแล้ว เพราะฉะนั้นยูไม่ต้องกังวล เราได้ยินไม่ชัดแต่ค่ารักษาเราน่าจะประมาณ $1500 ค่ะ (คือตอนนั้นเบลอๆ แต่จำได้ว่าหลักพันเหรียญอัพ คิดในใจกรูทำประกันมาคุ้มแล้วค่ะ 555) หลังจากให้ antibiotics กระปุกแรกหมด เค้าก็มาวัดความดันและไข้เราค่ะ ไข้เราลดเหลือ 36 องศา ความดันก็ปกติแล้ว แต่หมอบอกว่าอาจจะต้องให้อีกกระปุกและเราจะต้องจ่ายเพิ่มอีกประมาณ $1800 เป็นค่ายาและค่า short stay ค่ะ ซึ่งตอนนั้นคือเราอยู่รพ.จะห้าชม.แล้วค่ะ และแบตมือถือเราเหลือ 3% เราต้องโทรไปหา Allianz ที่ไทยให้ติดต่อ Allianz local ที่ออสเตรเลียอีก และเราก็อาการดีขึ้นมากแล้วเลยถามหมอว่าขอเป็นยากลับไปกินได้มั้ย สุดท้ายหมอก็ให้ใบสั่งยามาค่ะ ซึ่งกรูต้องไปเอาใบสั่งยาไปซื้อยาเองที่ร้านขายยาอีกกกก 555
ออกจากรพ.แบบไม่ต้องจ่ายอะไรค่ะ วันต่อมาก็เอาใบสั่งยาไปซื้อยาที่ร้านขายยา เก็บใบเสร็จมาแล้วก็เคลมคืนเหมือนแบบที่ไป Medical Center เลยค่ะ วันต่อมาหมอจากรพ.ยังโทรมาบอกว่าถ้าอาการแย่ลงยูจะต้องกลับมาให้ยา antibiotics และเฝ้าดูอาการ 24 ชมนะ
แต่โชคดีอาการเราดีขึ้นค่ะ เราซื้อแคนเบอรี่อัดเม็ดมากินช่วยเรื่องทางเดินปัสสวะ และดื่มน้ำเยอะๆ เอาจริงๆ ตอนป่วยจิตตกนะคะ บอกเพื่อนว่าถ้าตายไม่กลัวหรอก (เราเป็นคนนั่งสมาธิเลยเฉยๆ กับความตายตัวเองนะคะ มันเป็นเรื่องธรรมชาติ) แต่บอกเพื่อนว่าถ้ากรูตายช่วยเอาเถ้ากระดูกกลับไปลอยอังคารที่ Harber Bridge ที่ซิดนีย์นะ อย่าเอากระดูกมาลอยที่ Cairns กรูกลัวกลับมาเกิดเมืองนี้ 555555
สรุปเรื่องประกันทำเถอะค่ะ อะไรก็เกิดขึ้นได้ อยู่ไทยเราไม่เคยเป็นเลยนะคะโรคอะไรแบบนี้ แล้วใครที่กำลังจะมาก็ขอฝาก Allianz เป็นอีกทางเลือกนึง เพราะมันเคลมได้จริงๆ อาจจะช้าหน่อยแต่เราประทับใจอ่ะที่มันเคลมได้
ก่อนไปใครที่กำลังจะมาออสเตรเลียด้วย Work and Holiday Visa ฝากติดตามเพจเราในเฟสบุ๊คได้นะคะ >>
Alone in the wild : ออสซี่จ๋าเราต้องรอด
เพจนี้ตั้งมาเพื่อให้ความรู้เด็กที่กำลังมาออสเตรเลียด้วย Work and Holiday Visa ค่ะ ว่าเราหางานยังไง หาบ้านยังไง หาเพื่อนยังไง และเราต้องเจอกับอะไรบ้าง เพราะตอนก่อนเราจะมาเราไปหาอ่านประสบการณ์คนที่มาด้วยวีซ่าตัวนี้แทบไม่มีเลยค่ะ เลยอยากจะให้ความรู้กับคนที่กำลังจะมาบ้าง จะได้ไม่งงๆเหมือนเราในตอนแรก
ตอนแรกก็คิดว่าจะไม่รอดค่ะ...แต่นี่รอดมา 9 เดือนแระ เหลืออีกครึ่งทางที่ต้องไปต่อค่ะ