สวัสดีเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน
ขอแนะนำตัวก่อน ชื่อ เบลล์ นะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก
ออกตัวก่อนว่า นี่เป็นกระทู้แรกของเบล หลังจากเข้ามาส่องเก็บข้อมูลเรื่องเที่ยวอยู่พักใหญ่ ก็ถึงเวลามาแชร์ประสบการณ์ทริปเที่ยวอิตาลีที่ผ่านมาของเบลว่าได้ไปบุกป่าฝ่าดงที่ไหนมาบ้าง ทริปอิตาลีนี้ ถือว่าเป็นทริปในฝันของเบลมาตั้งนานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่ไทย จนมีโอกาศได้มาเรียนต่อ ณ ประเทศอังกฤษ ก็เลยถือโอกาศปิดเทอมภาคฤดูร้อน บินโลดแล้นไปเที่ยวอิตาลี ประเทศในฝันซะเลย
ปล. รีวิวนี้อาจจะใช้ภาษาที่มาจากอินเนอร์มากไปบ้าง เพราะเป็นการรีวิวที่สอดคล้องกับอารมณ์ ณ จุดนั้น อาจจะบ้าบ้าง พูดไม่รู้เรื่องบ้าง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
______
หากใครต้องการอัพเดทข้อมูลท่องเที่ยวและ Lifestyles แบบ real time สามารถกดติดตาม instagram ลิงค์ด้านล่างนี้ และฝากติดตามเพจและ Blog ของเบลฉบับภาษาอังกฤษที่ลิงค์ด้านล่างนี้เช่นกันด้วยนะคะ
Instagram : @bellelita
Blog :
https://nouw.com/bellelita
ในที่สุด ก็ได้ไปเห็นกับตา Positano, Amalfi Coast ประเทศอิตาลี เมืองติดทะเลที่เหล่า blogger ต่างชาติ ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า สวยและ amazing มาก จนต้องกดตั๋วไปดูให้เห็นกับตาตัวเอง
Amalfi Coast เป็นเมืองติดทะเลทางตอนใต้ของประเทษอิตาลี เบลไปช่วงเดือนมิถุนายน น่าร้อน แดดแรงกำลังดี เหมาะแก่การอาบแดด ปิ้งตัวเองเป็นอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแถบๆยุโรป เอเชีย เกาหลี จีนบ้างประปราย แต่ถือว่าสวยจริงๆ ถ้าเพื่อนๆมีโอกาศอยากให้ไปสัมผัสบรรยกาศแบบนี้สักครั้งในชีวิต
การเดินทางนั้น เบลบินตรงจากลอนดอน ตอนช่วงเช้า บินมาลงสนามบิน Naples แล้วต่อรถบัสไป Positano **(เรื่องรถ แนะนำให้เรียก Taxi เพราะถ้าเพื่อนๆจะนั่งรถสาธารณะหรือจองรถบัสจากสนามบิน มันจะอ้อมและเสียเวลามากกก กว่าจะถึงก็โรงแรมก็บ่ายแก่ๆแล้ว ถือว่าเป็นการซื้อเวลา เพื่อไปเสพบรรยกาศสวยๆริมทะเล) แต่วันนั้น เบลเลือกวิธีนั่งรถบัส เพราะงก ซึ่งติดต่อจากเคาว์เตอร์เอเจนซี่ที่มีเจ้าเดียวในสนามบิน บอกใช้เวลาประมาณ 2 ชม ครึ่ง ราคา €18 แต่เอาเข้าจริง 4 ชม ยังไม่ถึงเลยครับพี่น้อง ขับวนไป Pompeii เด่งอ้อมไต่เขาลงไป Amalfi coast พักแวะรับคน กว่าจะถึง Positano เล่นเอาซะอ๊วก แต่เอาเถอะถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ (อิตาลีเล่นฉันตั้งแต่วันแรกเลยจ้าา)
ระหว่างนั่งรถไป Positano ซึ่งรถอ้อมไปส่งคนที่ Amalfi coast และผ่าน Fiordo Di Furore ของจริงสวยและเป็นธรรมชาติมากก แต่น่าเสียดายที่ไม่ได้มีโอกาศลงไปเล่นน้ำ ได้แค่เก็บรูปบรรยากาศมาฝากจ้าา
เนื่องด้วยบริเวณ Positano เป็นเนินเขาสูงและชันมาก วิธีการเดินทางของเราส่วนใหญ่จึงเป็นการเดินขึ้นลงตามขั้นบันไดต่างๆตามตรอกซอกซอย ซึ่ง
เหมือนเข้ายิมเล่น Legs day ทุกวัน ขานี้ไร้ความรู้สึกมากก ใครจะไปก็ต้องเตรียมใจเรื่องนี้ไว้ด้วยนาจา
อ่าวแล้วทำไมไม่ใช้รถสาธาระอ่ะเทอ? รถสาธารณะก็มีนะ แต่เขาเข้าไปส่งตามจุดที่เราอยากไปไม่ได้ทุกจุด อย่างเช่น โรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งคำนวณดูแล้ว การเดินนั้นใช้เวลาเร็วสุด แต่ค่ะแต่! อีจุดพีคมันอยู่ตรงที่ หลังจากที่บัสมาส่งตรงสถานีที่ใกล้ที่สุดของโรงแรม (ซึ่งใกล้แล้วหรอวะ) ที่ก่อนหน้านี้เบลมีการทักแชทไปถามเรื่องวิธีการเดินทางไปแล้วนั้น เข้าบอกให้ลงสถานีนี้และเดินเท้าต่อมาอีก 100 เมตร ซึ่งตอนแรกก็คิดว่า ชิลๆแหละ ไม่ต้องโบก taxi ต่อไปหรอก (เพราะ taxi ที่นี่บางทีหายาก) แต่ปล่าวเลยจ้าาา เหนื่อยจนอยากจะเควี้ยงยาดมทิ้ง 100 เมตรที่ว่านั้นคือเดินลงไต่เขาลงมาตามทางบันไดแคบๆ กับกระเป๋าเดินทางกว่า 10 กิโล ของเบล และอีเจ๊ กระเป๋าลายคิตตี้สีชมพูนมเย็น ราว 15 กิโลได้ พูดได้เลยว่า ลมแทบจับ อห
แต่เธอ เธอ เธอ มองวิวข้างๆสิ โอว๊าวว หือ สวยคุ้มค่าสุดๆ ยอมเลย ณ จุดนั้น สวยมากกก นี้สิ่ real life postcard ของจริง พอถึง โรงแรม ก้ปาไปบ่ายสามบ่ายสี่แล้ว พักหายใจแปบ หลังจากนั้นก็หอบขาและร่างกายตัวเองเดินลงไปดูพระอาทิตย์ตกที่ริมชายหาดกันต่อ
(วิวที่พักจากริมระเบียงโรงแรม ให้ความรู้สึกเหมือนมาดาม italian)
ระหว่างทางเดินลงไปชายหาด ก็จะพบเจอกับวิวประมาณนี้ ดอกไม้ สีสันของบ้านเมือง ตัดกับสีน้ำทะเลระยิบระยับเป็นประกายชวนให้คุณยิบกล้องมากดชัตเตอร์เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ ว่าครั้งหนึ่ง ฉันได้มาสถานที่สวยๆแบบนี้
เป็นเมืองที่ไม่ว่าจะถ่ายมุมไหนก็สวย เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็ต้องหยุดถ่ายรูปหรือ take some video ส่งให้เพื่อนๆดู เพื่ออัพเดตความอิจฉาตาร้อน
เมื่อเราเดินมาถึงด้านล่าง ระหว่างทางก่อนจะไปถึงชายหาด ก็จะผ่านร้านค้า เสื้อผ้า ร้านอาหารและร้านขายของที่ระลึก มากมาย ชวนให้แวะเข้าไปและซื้อของฝากติดไม้ติดมือเก็บไว้เพื่อเป็นที่ระลึก
จุดนี้ที่เหล่า blogger ต่างๆ เมื่อเวลาเขามาเยือน Positano เป็นจุดหนึ่งที่ควรไปถ่ายรูป ซึ่งนั่นก็คือ ร้านขายของที่ระลึกผนังแดงอิฐร้านนี้ สีของผนังที่ตัดกับถ้วยจานสังคโลก pattern น่ารักฉนับอิตาเลี้ยนนั้น เป็นอะไรที่ชวนดึงดูอย่างยิ่ง
มาถึงแล้ว ชายหาดริมทะเล Positano รูปนี้เป็นรูปช่วงเย็นก่อนพระอาทิตย์ตกวันแรก จะเห็นได้ว่าเขาเริ่มหุบร่มและปิดโซนอาบแดดกันแล้ว เบลจึงตัดสินใจมาใหม่วันรุ่งขึ้น เพื่อมาอาบแดดและเก็บรูปอีกครั้ง
แต่แบบ ทุกโค๊น ที่นั้นมันมีตู้หยอด ผช ไหมอ่ะ ของขาด โรแมนติกโคตร ใครจะไปฮานิมูลกับคู่รัก เป็นอะไรที่ perfect สุด
หลังจากของขาด เอ้ยหลังจากพระอาทิตย์ตก เราก้เดินลากขาที่ไร้วิญาณขึ้นด้วยความจำใจ ไปที่พัก ซึ่งจังหวะนั้นอ่ะ บ่นตลอดทางเลยจ้าา เมื่อไรจะถึง ไม่ไหวแล้วอ่ะ ยังไม่ถึงอีกหรอ เหอะ สรุปคือบ่นจนถึง55555 บ่นเก่ง
เข้าวันที่สอง ณ Positano แดดแรงและแสบมากเวอร์ มาพูดถึงโซนอาบแดดกันบ้าง ที่นี่มันจะแบ่งเป็นโซนอาบแดดของลูกค้าโรงแรมและลูกค้าทั่วไป โดยแบ่งแยกกันที่สีร่ม ค่าเข้าใช้บริการของโซนบุคคลทั่วไปอยู่ที่ประมาณ €17.50 แต่ถ้าใครอยากอาบแดดโซน front roll จ่ายเพิ่มเป็น €20 ราคาแรงห้ามบอกพ่อ พ่อรู้โดนทุบตาย
มาที่นี่อย่าลืมแต่งตัวสีสันสดใสให้เข้ากับบรรยกาศของเมือง เพื่อมาสู้กับตึกรามบ้านช่องที่นี่ด้วยนะคะ พร๊อพพร้อม ใจพร้อม ไปต่อได้ค่า
บรรยกาศช่วงเย็นของ Positano ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน เป็นยามเย็นที่ชวนหลงไหลราวกับถูกมนต์สะกด ได้แต่คิดในใจว่า ขออยู่ที่นี่ต่ออีกสักอาทิตย์ได้ไหม แต่น่าเสียดาย เราจองมาที่นี่แค่ 3 วัน 2 คืน เพราะราคาโรงแรมช่างแร๊งงแซงกระเป๋าเงินเหลือเกิน พรุ่งนี้จึงต้องเดินทางต่อไปเที่ยว Naples แต่ไม่เป็นไร หวังว่าจะมีโอกาศได้กลับมาเยือนใหม่อีกครั้ง รู้สึกว่า mission completed ไปหนึ่ง ทริปต่อไป จะไป tick off my bucket list ที่ไหนต่อ รอติดตามได้นะคะ วันนี้ไปก่อนแล้ว ขอบคุณที่ติดตามอ่านรีวิวมาถึง ณ จุดนี้ เขียนรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
เช็คอินอิตาลีทางตอนใต้ "Positano, Amalfi coast" ของดี ไม่ได้มีแค่กรุงโรม
ขอแนะนำตัวก่อน ชื่อ เบลล์ นะคะ ยินดีที่ได้รู้จัก
ออกตัวก่อนว่า นี่เป็นกระทู้แรกของเบล หลังจากเข้ามาส่องเก็บข้อมูลเรื่องเที่ยวอยู่พักใหญ่ ก็ถึงเวลามาแชร์ประสบการณ์ทริปเที่ยวอิตาลีที่ผ่านมาของเบลว่าได้ไปบุกป่าฝ่าดงที่ไหนมาบ้าง ทริปอิตาลีนี้ ถือว่าเป็นทริปในฝันของเบลมาตั้งนานมากแล้ว ตั้งแต่สมัยอยู่ไทย จนมีโอกาศได้มาเรียนต่อ ณ ประเทศอังกฤษ ก็เลยถือโอกาศปิดเทอมภาคฤดูร้อน บินโลดแล้นไปเที่ยวอิตาลี ประเทศในฝันซะเลย
ปล. รีวิวนี้อาจจะใช้ภาษาที่มาจากอินเนอร์มากไปบ้าง เพราะเป็นการรีวิวที่สอดคล้องกับอารมณ์ ณ จุดนั้น อาจจะบ้าบ้าง พูดไม่รู้เรื่องบ้าง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
______
หากใครต้องการอัพเดทข้อมูลท่องเที่ยวและ Lifestyles แบบ real time สามารถกดติดตาม instagram ลิงค์ด้านล่างนี้ และฝากติดตามเพจและ Blog ของเบลฉบับภาษาอังกฤษที่ลิงค์ด้านล่างนี้เช่นกันด้วยนะคะ
Instagram : @bellelita
Blog : https://nouw.com/bellelita
Amalfi Coast เป็นเมืองติดทะเลทางตอนใต้ของประเทษอิตาลี เบลไปช่วงเดือนมิถุนายน น่าร้อน แดดแรงกำลังดี เหมาะแก่การอาบแดด ปิ้งตัวเองเป็นอย่างยิ่ง นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติแถบๆยุโรป เอเชีย เกาหลี จีนบ้างประปราย แต่ถือว่าสวยจริงๆ ถ้าเพื่อนๆมีโอกาศอยากให้ไปสัมผัสบรรยกาศแบบนี้สักครั้งในชีวิต
การเดินทางนั้น เบลบินตรงจากลอนดอน ตอนช่วงเช้า บินมาลงสนามบิน Naples แล้วต่อรถบัสไป Positano **(เรื่องรถ แนะนำให้เรียก Taxi เพราะถ้าเพื่อนๆจะนั่งรถสาธารณะหรือจองรถบัสจากสนามบิน มันจะอ้อมและเสียเวลามากกก กว่าจะถึงก็โรงแรมก็บ่ายแก่ๆแล้ว ถือว่าเป็นการซื้อเวลา เพื่อไปเสพบรรยกาศสวยๆริมทะเล) แต่วันนั้น เบลเลือกวิธีนั่งรถบัส เพราะงก ซึ่งติดต่อจากเคาว์เตอร์เอเจนซี่ที่มีเจ้าเดียวในสนามบิน บอกใช้เวลาประมาณ 2 ชม ครึ่ง ราคา €18 แต่เอาเข้าจริง 4 ชม ยังไม่ถึงเลยครับพี่น้อง ขับวนไป Pompeii เด่งอ้อมไต่เขาลงไป Amalfi coast พักแวะรับคน กว่าจะถึง Positano เล่นเอาซะอ๊วก แต่เอาเถอะถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ (อิตาลีเล่นฉันตั้งแต่วันแรกเลยจ้าา)
อ่าวแล้วทำไมไม่ใช้รถสาธาระอ่ะเทอ? รถสาธารณะก็มีนะ แต่เขาเข้าไปส่งตามจุดที่เราอยากไปไม่ได้ทุกจุด อย่างเช่น โรงแรม ร้านอาหาร ซึ่งคำนวณดูแล้ว การเดินนั้นใช้เวลาเร็วสุด แต่ค่ะแต่! อีจุดพีคมันอยู่ตรงที่ หลังจากที่บัสมาส่งตรงสถานีที่ใกล้ที่สุดของโรงแรม (ซึ่งใกล้แล้วหรอวะ) ที่ก่อนหน้านี้เบลมีการทักแชทไปถามเรื่องวิธีการเดินทางไปแล้วนั้น เข้าบอกให้ลงสถานีนี้และเดินเท้าต่อมาอีก 100 เมตร ซึ่งตอนแรกก็คิดว่า ชิลๆแหละ ไม่ต้องโบก taxi ต่อไปหรอก (เพราะ taxi ที่นี่บางทีหายาก) แต่ปล่าวเลยจ้าาา เหนื่อยจนอยากจะเควี้ยงยาดมทิ้ง 100 เมตรที่ว่านั้นคือเดินลงไต่เขาลงมาตามทางบันไดแคบๆ กับกระเป๋าเดินทางกว่า 10 กิโล ของเบล และอีเจ๊ กระเป๋าลายคิตตี้สีชมพูนมเย็น ราว 15 กิโลได้ พูดได้เลยว่า ลมแทบจับ อห
แต่เธอ เธอ เธอ มองวิวข้างๆสิ โอว๊าวว หือ สวยคุ้มค่าสุดๆ ยอมเลย ณ จุดนั้น สวยมากกก นี้สิ่ real life postcard ของจริง พอถึง โรงแรม ก้ปาไปบ่ายสามบ่ายสี่แล้ว พักหายใจแปบ หลังจากนั้นก็หอบขาและร่างกายตัวเองเดินลงไปดูพระอาทิตย์ตกที่ริมชายหาดกันต่อ
แต่แบบ ทุกโค๊น ที่นั้นมันมีตู้หยอด ผช ไหมอ่ะ ของขาด โรแมนติกโคตร ใครจะไปฮานิมูลกับคู่รัก เป็นอะไรที่ perfect สุด
หลังจากของขาด เอ้ยหลังจากพระอาทิตย์ตก เราก้เดินลากขาที่ไร้วิญาณขึ้นด้วยความจำใจ ไปที่พัก ซึ่งจังหวะนั้นอ่ะ บ่นตลอดทางเลยจ้าา เมื่อไรจะถึง ไม่ไหวแล้วอ่ะ ยังไม่ถึงอีกหรอ เหอะ สรุปคือบ่นจนถึง55555 บ่นเก่ง