จขกทคะ เหมือนว่าคิวบ์จะออกแถลงการณ์ฉบับใหม่เรื่องขอปรึกษากันอีกทีกับตัวไอดอล  เขายังไม่ได้ให้ออกนะตอนนี้  คิดว่าน่าจะลดกระแสและแรงต้านต่างๆ ที่เข้ามาทั้งตัวค่ายและสองคนนี้ด้วย ครั้งแรกถึงขนาดแถลงออกมาก่อนคงปรึกษากันแล้วถึงฟันโช๊ะมาแต่กระแสดันแรงมาก แต่นะ ถ้าเราเป็นฮยอนอาก็คงไม่เลือกอยู่เหมือนกัน อยู่ต่อเผื่อจับดองยาวทำยังไง เปลี่ยน 180 องศาภายในครึ่งวัน แต่คงขอจากกันด้วยดี (ถ้าฮยอนอากับอีดอนมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่า)  เป็นเราก็ไม่อยู่นะ บริหารได้งง ตอนนี้เค้าเห็นว่าฮยอนอามีประโยชน์ต่อหุ้นก็อาจจะเก็บไว้ แต่เมื่อไหร่ล่ะ ตอนไหน ถ้าไปคือไปตอนดังพร้อมชื่อเสียงมีอำนาจต่อรองไม่ดีกว่าเหรอ?  สมมุติคัมแบคหน้าฟี้ดแบคลดลง โอกาสจะเบรคงานก็มีเหตุผลง่ายขึ้น ลงไอจีก็ไม่ได้ประโยชน์อันนีมันเกี่ยวกับการทำรายได้ตรงๆ  สุดท้ายยอมฉีกสัญญาเอง ค่ายก็ได้แบบวินวิน มีแต่ได้น่ะ ส่วนอีดอนฟี้ดแบคอัลบั้มตอนนี้เป็นยังไงค่ะ คือเราไม่ได้ตาม ถ้าดีก็อาจโล่งใจได้หน่อย แต่ถ้าไม่ก็โนคอมเม้นต์เลย


แต่ในมุมมองของค่าย ถ้าเราเป็นค่ายปกติ หรือองค์กรทั่วไป ที่เจอเรื่องแบบนี้แล้วไม่สามารถควบคุมอะไรที่อยู่หน้างานได้เลย   คือก็ให้ออกสถานเดียว องค์กรไม่ควรจะอยู่ได้แค่ไอดอลเพียงคนเดียวหรือกลุ่มเดียวไม่ว่าจะมีบุญคุณสร้างค่ายแค่ไหนเพราะรายได้พวกนี้คิดกันปีต่อปี ต่อไตรมาส ไม่ใช่ว่าจะเลี้ยงได้ตลอดชีวิต อาจจะยกให้เป็นศิลปินอาวุโสก็ว่าไปเช่น ป๋าเบิร์ดของแกรมมี่   ถึงจะไม่ได้อยู่ในยุคทองแล้ว กระแสลดลง  แต่ก็มีคุณค่ามากต่อบริษัทและไม่ทำให้องค์กรเสียหาย ปกติบริษัทใหญ่ๆ จะเก็บศิลปินระดับนี้ไว้อยู่แล้วค่ะ แล้วเขาต้องทำตัวให้มีคุณค่าน่าเก็บเผื่อในวันที่ขายไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ตรงนี้ไม่ได้แค่หมายถึงฮยอนอาหรือคิวบ์นะคะ

หมายถึงทั่วๆ ไปเลยใช้ได้ทั่วโลก ทุกค่ายยิ่งแถบประเทศเอเชียด้วยแล้ว คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่แค่ไหนก็มีใหญ่กว่าเสมอ ตัวคุณเล็กนิดเดียวเองบนโลกกว้างใหญ่ใบนี้ ไปเหยียบตอผู้มีอิทธิพลเข้างี้  ดังๆ อยู่หล่นลงมาจากฟ้า เข้าคุก  เพราะการกระทำที่คิดน้อยหรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็มีเยอะไป หมดประโยชน์เขาก็เท รักกันจี๋จ๋าดีๆ ตกอับแฟนทิ้งตอนหลังก็มี

คำถามแบบนี้ถ้าเอาไปอยู่ห้องอื่นเนี่ยเกือบ 99.99 % เข้าข้างบริษัทอยู่แล้ว ในส่วนเรื่องการออกมาตัดหน้าค่ายก่อน จนมีเอฟเฟ็คต์ไปที่การคอนโทรลเด็กในสังกัดทุกวง

ถ้าอยู่ห้องสีลมแล้วตอบอย่างอื่นคงโดนมองแรง ในหลายๆ เรื่องตรรกะของแฟนคลับบางส่วนคือเข้าใจยากและเป็นไปได้ยากมากในโลกความเป็นจริง แต่เราพอเข้าใจเพราะว่ารักคำเดียวของพวกเขานี่ล่ะ ถึงพาทุกอย่างรวมถึงไอดอลที่รักมาถึงจุดนี้ได้

วงการบันเทิงคือเป็นธุรกิจที่หากินด้วยตรงนี้เป็นหลัก นี่ว่าพีอาร์แถลงการณ์คงใช้คำให้ซอฟต์ที่สุดที่จะออกมาได้แล้ว  เชื่อเถอะถ้าใครเคยทำงานแนวนี้จะรู้ดีว่า  กว่าจะกลั่นออกมาได้คำพูดสวยหรูขนาดนี้คงระดมพลแก้แล้วแก้อีกไม่รู้กี่รอบ จะได้ไม่เสียทั้งค่ายและตัวฮยอนอา เว้นว่าถ้าเธอจะมาอัพไอจีอะไรเพิ่มเติมกว่านี้ เพราะยุคนี้ไอดอลมีสื่อในมือทุกคน

ไอดอล หรือศิลปินคือคนอยู่ฉากหน้าไม่ได้เรียนการบริหาร ไม่ได้มีความรู้ทางธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น
ดังนั้นเขาต้องทำสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าให้ดี ไม่ทำความเสียหายแก่เบื้องหลังที่ต้องคอยซัพพอร์ตด้านหน้าให้เดือดร้อน

คำว่าเบอร์ใหญ่นี่ปกติเราวัดกันเป็นช่วงเวลา ไม่ใช่เบอร์ใหญ่ตลอดไป และเบอร์ใหญ่ก็มีหลายระดับ ระดับปฎิบัติการที่ใช้เป็นฉากหน้า  ระดับคุมนโยบายเบื้องหลัง พวกมันสมอง

ปีนึงเดบิวไอดอลเป็นร้อยกว่าคน มีคนใหม่มาให้เลือกตลอด ไอดอลทุกคนมีข้อจำกัดและอายุงานที่ไม่ได้ยาวขนาดบริษัทจะเอาทุกอย่างมาทุ่มให้กับคนเดียวอยู่แล้ว  ซึ่งก็คือความจริงจะค่ายเล็ก หรือค่ายใหญ่ ทีมีพนักงานจบระดับปริญญาตรี โท  หรือจบนอก มาทำเบื้องหลังให้ จะฝากความหวังไว้กับไอดอลแค่ไม่กี่คนคือ ไม่ต้องไปเรียนหรือใช้ประสบการณ์ชีวิตผ่านงานมากมายขนาดนั้นก็ได้มั้ง มีหน้าที่แค่เอาใจไอดอลทำเงินอย่างเดียวพอ

แต่ผู้ร่วมลงทุนด้วยคงก่ายหน้าผากล่ะ แบบต้องคอยดูทิศทางลมของไอดอลคนนั้น เป็นการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงเพราะขึ้นกับอารมณ์และตัวคนเป็นหลัก พวกนี้เขาคงต้องมองด้วยว่าจะเอาเงินไปลงทุนกับอดีตที่มีปัญหาหรืออนาคตข้างหน้าที่ยังพอมีหวังแต่ปัญหายังไม่มากเท่า มันก็เป็นกึ๋นของคนบริหารเหมือนกันว่าจะเลือกอะไร ถ้าตอนหลังออกมามีข่าวว่าตกลงกันได้ก็ถือว่าเป็นโชคดี? ของแต่ล่ะฝ่ายไป แต่ก็เออ น่าจะคุยให้เคลียร์ก่อนจะออกแถลงการณ์แต่ละครั้ง แต่บริหารได้แปลกดีแต่อาจจะเพราะเป็น CUBE เลยเป็นแบบนี้ก็ได้ ที่เลือกลดกระแสแรงๆ ลงโดยการปล่อยข่าวว่ากำลังหารือกันอยู่

เดทนี่ใครก็เดทกันค่ะ แต่เวลามีข่าวเดทก็แบบนี้ล่ะ เห็นกันไม่รู้กี่รอบแล้ว จริงๆ เคสฮยอนอานี่คงทำให้ไอดอลหลายคนกลัวไปเลย ไม่มีใครคิดว่าเรื่องมันจะยาวเป็นมหากาพย์ตามให้อ่าน 2-3 ภาคขนาดนี้ ความรักมี (เอาจริงก็ไม่ผิดอ้ะ ) ตามด้วยงานหายเงิน เงินหด โดนด่าแบบคอมโบ้เซ็ต มาไกลมากจริงๆ

สังเกตเลยว่าแม้แต่นักแสดงรุ่นใหญ่ก็พยายามไม่เปิดเผย ถ้าเรื่องมันแดงขึ้นมาเขาก็เงียบกันไปตามเรื่องตามราว ค่ายจะโกหกยังไงก็ได้  ซึ่งปกติก็มีโกหกอยู่แล้ว ถ้ามันกระทบกับธุรกิจเขา แฟนคลับบางทีหลับหูหลับตาเชื่อเพื่อความสบายใจของตัวเองก็มี ค่ายชงมาเสิร์ฟพร้อมดื่มก็ดื่มไปเถอะ

ไม่มีใครว่าแต่ส่วนใหญ่ด้วยมารยาทแล้ว ไอดอลไม่ควรมาเปิดเผยในที่สาธารณะเอง นั่นหมายความว่า คุณต้องมั่นใจในความสามารถและภาพลักษณ์ที่พรีเซ้นต์ว่าเอาอยู่  ซึ่งก็คงเป็นคนแรกและคนเดียวในวงการไอดอลเกาหลีเลยล่ะมั้ง ฮยอนอานี่ถ้าออกไป เชื่อว่าคงไม่ได้ตั้งค่ายหรือไปอยู่ค่ายอื่น เขาคงกลัวกันโดยเฉพาะค่ายใหญ่ๆ แต่ค่ายเล็กๆ อาจจะยอมรับ แต่รับอิสระน่าจะเหมาะกับเธอกว่า เพราะดูไม่ยอมใคร และน่าจะต้องเอาอีดอนไปด้วย ไม่งั้นผู้ชายคงลำบาก ไหนๆ จับมือกันแล้วก็จับมือไปให้ตลอดรอดฝั่ง เพราะเอาหน้าที่การงานเดิมพันหมดหน้าตักแล้ว กับผู้ชายที่ไม่พูดถึงไม่ใช่อะไรนะคะ เขาเป็นลักษณะของผู้ชายที่เป็นช้างเท้าหลัง คือเชื่อแฟนที่เป็นรุ่นพี่อยู่แล้วเลยไม่รู้ว่าจะพูดถึงในประเด็นไหนดี ไม่ได้มีบทบาทมากเท่าไหร่เพราะฮยอนอาออกโรงหมดแล้วตั้งแต่ต้นจนจบ ต่อไปเวลาขายคือต้องเป็นแพ็คเก็จแล้ว อาจจะดีก็ได้ คนนึงแสดง คนนึงทำโปรดิวซ์อยู่เบื้องหลัง แบกกันไปนี่ล่ะ

ส่วนแฟนคลับ ก็มีหน้าที่ซัพพอร์ตคนที่คุณรักไป ถ้าเห็นว่าการกระทำของเขาเหมาะสม ถูกที่ถูกทาง ถูกกาละเทศะ ปกติแล้วจะได้ยินกันว่า ไอดอลมีความรักจึงจะแต่งเพลง ทำเพลงได้ฟีล แต่สำหรับวงการไอดอลของเกาหลีเนี่ย ก็ต้องดูกันว่าเปิดตัวสวยงามไหม หรืองานเข้าซะจนไม่มีโอกาสได้ทำเพลงต่อ เพราะคนคงสนใจแฟนเขามากกว่าเนื้อเพลงหรือความสามารถที่ได้แต่งเพลงนั้น

เลือกเอาเองค่ะ ทุกคนมีสิทธิเลือก แต่ผลออกมาเป็นยังไงก็รับผลที่ตามมาให้ได้แล้วกัน