บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/38024642
ความเดิม
เจ้าหง่าว แมวนักเลงภูธร หนีหมาโหดประจำหมู่บ้าน ออกไปนอกหมู่บ้าน จนไปเจอกับกลุ่มแมวป่า
..............
รูปร่างใหญ่กว่าเจ้าหง่าวมาก ท่าทางก็โหดร้ายป่าเถื่อนมากกว่า จนทำให้แมวนักเลงอย่างเจ้าหง่าวกลายเป็นแมวสุภาพเรียบร้อยขี้อายขึ้นมาทันทีเมื่อเทียบกับผู้มาเยือน
นั่นไม่ใช่ผีแมว แต่เป็นแมวป่าสีดำสนิทสามตัว !
------------
แมวป่ามีชื่อเสียงในทางป่าเถื่อนโหดร้ายเด็ดขาด ดุเดือดทารุณเหี้ยมเกรียม และน่ากลัว บางพื้นที่เรียกว่า แมวโพง บางพื้นที่เรียกว่าแมวเป้า เป็นฝันร้ายแห่งมวลแมวทั้งหลาย ตอนนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าหง่าวอย่างน่าสยดสยอง เสียงคำรนคำรามในลำคอของพวกมันแทบทำให้เจ้าหง่าวตัวสั่นจับไข้ขึ้นมาทันที น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าผีแมวเสียอีก
แมวป่าทั้งสามตัวเดินวนแมวบ้านจอมซ่า ซึ่งตัวสั่นงันงก หมดทางหนี อยู่ในวงล้อมแห่งดวามหวาดกลัว ตัวท่าทางเป็นหัวหน้าและตัวใหญ่ที่สุด ยื่นหน้าเข้ามาหา อ้าปากแสยะยิ้มแบบแมว ๆ เห็นฟันยาวขาววับเรียงเป็นแถว ชวนเสียวสยองคอหอยเป็นยิ่งนัก
“แมวบ้านตัวนี้ท่าทางอร่อยนะ...ว่าไหมพวกเรา..” พูดพลางหันไปมองเชิงขอความเห็นแมวป่าอีกสองตัว ซึ่งรับมุกอย่างรวดเร็วและน่าขนลุก
“ใช่แล้วพี่ใหญ่.....กินสด ๆ แทะกระดูกอย่างช้า ๆ เลือด คงหวานชุ่มคอพิลึก จริงไหมน้องเล็ก”
“ใช่แล้วพี่กลาง ท่าทางตับจะหวานดี ผมขอจองตับหวาน และหมาร้องไห้นะพี่”
หมาร้องไห้ หมายถึงเนื้อบริเวณเชื่อกันว่า เป็นเนื้ออร่อยที่สุดของแมว ตำนานเล่าว่าหมาป่าหนึ่งฆ่าแมวและกินเป็นอาหาร กินไปจนอิ่ม ก็กินมาถึงเนื้อบริเวณหนึ่งซึ่งอร่อยมาก แต่ว่าหมาป่าอิ่มเสียก่อน จึงกินเนื้อบริเวณนั้นไม่หมด ต้องร้องไห้ด้วยความเสียดาย นี่คือที่มาของคำว่า “หมาร้องไห้” ตำนานนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จักเพราะชมรมรักแมวพากันต่อต้านการกระทำทารุณกรรมต่อแมว ไม่ให้มีการเอ่ยถึงเรื่องนี้
คำพูดของพวกแมวป่าสามพี่น้องทำให้เจ้าหง่าวแทบเป็นลมด้วยความหวาดกลัว จะสู้ก็มีแต่ตายกับตาย จะหนีก็ไม่รู้จะหนีไปทางไหน ‘แมวกินเนื้อแมว’ ฟังแล้วน่ากลัวไม่ต่างจาก คนกินเนื้อคนเลย
“อย่ากินผมเลยครับพี่ เนื้อผมไม่อร่อยหรอกครับ ขี้กลากขี้เกลื้อนก็เต็มไปหมด แถมน้ำไม่ได้อาบมาสามปีแล้วครับ”
เจ้าหง่าวพูดสุภาพไพเราะหูเป็นครั้งแรก แต่แมวป่าพี่ใหญ่แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมบอกว่า
“นั่นล่ะยิ่งอร่อยได้รสอร่อยแบบธรรมชาติ”
“อย่ากินผมเลยครับ” เจ้าหง่าวอ้อนวอนน้ำตาไหลพราก มองเห็นภาพตัวเองถูกแมวป่ารุมกัดกินอย่างอร่อยแบบน่าสยดสยอง อนิจจา… แมวนักเลงบ้านนอกผู้ยิ่งใหญ่จะมาสิ้นชื่อในราวป่าอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย กลับกลายเป็นวิญญาณแมวล่องลอยวนเวียน ร้องเมี้ยว ๆ อยู่ในป่าตลอดกาล
“งั้นเรามาตกลงกันหน่อย” แมวป่าพี่ใหญ่ยิ้มเล่ห์ แต่ก็ทำให้แมวบ้านจอมซ่ามีความหวังรอดขึ้นบ้าง “ประการแรก แกต้องยอมเป็นลูกน้องของข้า ปฏิบัติตามคำสั่งพวกข้าทุกประการ และจะต้องไปบอกพวกแมวในหมู่บ้านทุกตัว หาอาหารการกินมาให้พวกข้าทุกวัน เป็นค่าคุ้มครอง จนอิ่มหนำสำราญ มิฉะนั้น...พวกข้าจะไม่รับรองความปลอดภัย และจะเข้าไปจัดการกับแกให้ตายอย่างทรมาน และจับพวกแมวบ้านกินให้หมดทุกตัว”
“ได้ครับพี่ ผมยอมเป็นลูกน้องครับ และจะทำตามที่บอกทุกประการครับ”
แมวก็รักตัวกลัวตายเหมือนกัน ทำให้เจ้าหง่าวรีบรับคำอย่างรวดเร็ว พวกแมวป่าคำรามในลำคออย่างพอใจในการตั้งตัวเป็น ‘มาเฟียแมว’ จอมอิทธิพล
“ดีมาก....เริ่มงานของแกตั้งแต่พรุ่งนี้เลย อย่าลืมสัญญา ไม่งั้น...ตายสถานเดียว”
พอเป็นอิสระ เจ้าหง่าวก็วิ่งไม่คิดชีวิตกับมายังหมู่บ้าน เงามืดดำอันชั่วร้ายและน่ากลัวของพวกแมวป่า แผ่ซ่านปกคลุมมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ความสุขสงบซึ่งเคยมีกำลังจะหมดไป แมวบ้านไม่รู้จะเอาอะไรไปต่อต้านพวกแมวป่าดุร้ายกระหายเลือด
ข่าวการมาเยือนของพวกแมวป่าสะพัดไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหง่าวประกาศให้แมวทุกตัวมาประชุมกันบนกองฟืนท้ายหมู่บ้าน ในช่วงสายของวันต่อมา นัยว่าจะปรึกษาหารือกัน มะเหมี่ยวพาลูกทั้งสามมาด้วย แมวปิฬาร์ก็ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวนั้น ด้วยความอยากรู้มากกว่าจะมาประชุมเพราะกลัวคำขู่ เจ้าหง่าวพอเห็นสมาชิกแมวมาเกือบครบแล้วก็เริ่มต้นบอกเล่าถึงคำขอพวกแมวปีศาจพวกนั้น ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่บอกคือการยอมเป็นลูกน้องของพวกแมวป่า เพราะมันดูเสียศักดิ์ศรีอย่างไรชอบกล
“พวกมันเป็นแมวป่าตัวใหญ่และน่ากลัว พวกเราคงต้องยอมรับคำเรียกร้องของพวกมัน”
ไอ้คุณหง่าวสรุปดื้อ ๆ เมื่อจบการบรรยาย แมวทั้งหลายมองหน้ากันไปมาอย่างไม่แน่ใจ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน
“สละอาหารของพวกเราคนละเล็กละน้อยคงไม่เป็นไร เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของพวกเรา…ดีกว่าจะถูกแมวนรกพวกนั้นฆ่าตาย”
แมวอาวุโสตัวหนึ่งท่าทางอายุมากแล้ว หลังจากนั่งฟังเจ้าหง่าวสรุปแบบเชิญชวน ก็ลุกขึ้นตั้งข้อสังเกตว่า
“พวกเราลองคิดดู แมวป่าพวกนั้นตัวใหญ่และกินจุ อาหารที่เรามีคงไม่พอให้มันกินอิ่ม แบบนี้เราจะไม่อดตายกันทั้งหมู่บ้านหรอกหรือ”
“แต่ถ้าไม่ยอม พวกเราก็จะถูกฆ่าตายอยู่ดีไม่ใช่หรือไง ลองคิดดู ถูกแมวป่าฆ่าตายมันน่ากลัวขนาดไหน”
ว่าพลางเจ้าหง่าวก็ทำตัวพองส่งเสียงอย่างน่ากลัวดังประกอบเหตุผลของตัวเอง และเพื่อให้ชาวแมวเห็นภาพของแมวป่าว่าน่ากลัวปานใด
“แถมพวกมันชอบกินเนื้อแมวด้วย ข้าเองก็เกือบจะโดนกินไปแล้ว ดีว่ามันปล่อยให้ข้ามาทำหน้าที่ส่งข่าว แต่ละตัวยังกับแมวปีศาจ หมามันยังไม่กลัว คิดดูก็แล้วกัน”
แมวทุกตัวเริ่มใจเสีย ไม่มีใครอยากถูกแมวป่ากินเป็นอาหาร ฟังดูมันสยองขวัญและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก พวกแมวเหล่านี้ถึงจะเป็นแมวบ้านนอก อยู่ในท้องถิ่นกันดารถึงการศึกษาน้อย แต่ก็ไม่เคยคิดจะกินแมวด้วยกันเป็นอาหาร
ปิฬาร์ฟังอยู่นาน ชักรำคาญจึงส่งเสียงดังๆ ขึ้น “ไหนๆ ก็คิดว่าจะตายแล้ว ทำไมไม่คิดสู้เลยหรือไง จะงอมืองอเท้างอหางให้พวกแมวป่ามันมารังแกเอาง่าย ๆ ได้ไง”
แมวทุกตัวหันขวับมามองทันที ด้วยความเป็นแมวในเมือง แมวสาวดูมีสง่าราศรีแตกต่างจากแมวบ้านนอกทั่วไป ทำให้ความนิยมเลื่อมใสเกิดขึ้นโดยไม่ต้องหาเสียง ปิฬาร์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดารากะทันหัน ก็รีบยืดอก อภิปรายต่อต้านไอ้คุณหง่าวต่อไปแบบตามน้ำ
“พวกนั้นถึงจะเป็นแมวป่า มันก็แมวเหมือนกัน ถึงจะตัวโต เราก็น่าจะหาทางชนะมันได้ถ้าร่วมมือร่วมใจกัน สำคัญคือพวกนั้นเป็นผู้บุกรุก เราจะปล่อยให้แมวต่างป่ามารุกล้ำก้ำเกินดินแดน ของเรา ทำลายประชาธิปไตยและเอกราชได้อย่างไร ปล่อยให้พวกมันมาเหยียบย่ำหลังคาที่เราเคยเดินได้อย่างไร บรรพบุรุษแมวของเราเสียเลือดเสียเนื้อมามากมาย เรารุ่นลูกรุ่นหลานต้องรักษาแผ่นดินถิ่นฐานหลังคาบ้านด้วยเลือดเนื้อเช่นกัน ไม่งั้นคงอับอายวิญญาณของบรรพชนแมวในปรภพ เรามีหน้าที่ต้องปกปักรักษาดินแดนแมวพวกเราสืบต่อไป ชั่วรุ่นลูกหลาน ฉันเองก็จะขอสู้ด้วยเพื่อทดแทนบุญคุณข้าวปลาอาหารที่ได้รับจากหมู่บ้านแห่งนี้เช่นกัน”
แมวหลายตัวกลืนน้ำลายเอื้อก เพราะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดพวกนั้น รู้สึกแต่ว่าคำพูดของแมวในเมืองจุดประกายไฟแห่งความรักความหวงแหนดินแดนมาตุภูมิขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เลือดแห่งความอาจหาญเริ่มเดือดพล่าน พวกแมวเริ่มหันหน้าปรึกษากันครู่หนึ่งแล้วในที่สุด แมวอาวุโสก็กระโดดมาอยู่ข้างๆ ปิฬาร์ โบกหางขยับใบหูให้แมวทุกตัวสงบลง พูดด้วยเสียงอันดังเท่าที่แมวแก่ ๆ จะทำได้
“คุณแมวผู้นี้ เป็นแมวมาจากต่างถิ่น แต่ยังมีน้ำใจจะต่อสู้เคียงข้างพวกเรา พวกเราเกิดที่นี่แท้ ๆ ยังจะขี้ขลาดอยู่ได้ยังไง น่าอาย ดังนั้นพวกเราจะยอมสู้ตาย”
“เมี๊ยววว !”
เสียงร้องของบรรดาแมวกึกก้องขึ้นทันที ไม่ว่าจะเป็นแมวหนุ่ม แมวสาว แมวตัวเล็กตัวน้อย ต่างมีเลือดแห่งความรักถิ่นฐานฉีดแรง ส่งให้เกิดกำลังใจกำลังกายมหาศาล และทุกตัวพร้อมแล้วจะยอมสู้ตาย
“สู้ตาย.....สู้ตาย”
“ฆ่ามัน.....ฆ่ามัน”
“ออกไป....ออกไป”
เจ้าหง่าวชักสะบัดร้อนสะบัดหนาว เพราะเริ่มรู้สึกแล้วว่าบทบาทและอำนาจทางผู้นำที่มีเริ่มถูกสั่นคลอนท้าทายจนสั่นไหว แมวในเมืองหน้าใสเรียกคะแนนนิยมไปได้แทบทั้งหมด ถ้ามีการเลือกตั้งจ่าฝูงใหม่ คงแพ้ราบคาบ
“พวกโง่...!!!”
เจ้าหง่าวตวาดด้วยเสียงอันดัง แต่ดูเหมือนแมวทั้งหลายจะไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร แมวหนุ่มร้องด้วยเสียงเกรี้ยวกราดต่อไปว่า
“รนหาที่ตายชัด ๆ แมวป่าพวกนั้นมีตั้งสามตัว แค่ตัวเดียวก็รับมือยากแล้ว พวกแกจะตายกันจนหมด”
“อย่ามาขู่เลย ไอ้คุณหง่าว” ปิฬาร์เถียงอย่างไม่กลัวเกรง ถือว่าฉลาดกว่าและถือเสียงข้างมากไปเรียบร้อยแล้ว “เธอนั่นล่ะแย่ที่สุด วางตัวเป็นนักเลง ทำตัวเป็นหัวโจก เป็นผู้นำ แต่พอมีภัยกลับหาทางเอาตัวรอดแบบขี้ขลาดตาขาว ความจริงเธอนั่นล่ะ ควรจะออกหน้ามาช่วยเหลือแมวในหมู่บ้านต่อสู้กับผู้รุกราน”
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ”
แมวหง่าวคำรามแล้วกระโจนหายเข้าไปในแนวป่าเพื่อบอกผลการเจรจาอันล้มเหลวให้กับพวกแมวป่าทราบ เจ้าหง่าวคิดว่าควรจะเลือกอยู่ข้างปลอดภัยและโอกาสชนะมากที่สุด เพราะคำนวณแล้วว่า ยังไงพวกแมวบ้านก็ไม่มีทางสู้พวกแมวป่าได้แน่นอน แมวบ้านแม้อาหารจะอดยากบ้างแต่ก็มีความเป็นอยู่ค่อนข้างสุขสบายไม่ได้สู้รบปรบอุ้งเท้ากับใครบ่อย ๆ ในขณะพวกแมวป่าเผชิญศึกเหนือเสือใต้มามากมาย ประสบการณ์ในการเอาชีวิตรอดในป่าอันเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย สอนให้เป็นแมวแข็งแกร่งและเป็นตัวอันตรายสุดยอด
.
แมวปิฬาร์ 8.........ภัยร้ายมาเยือน
บทที่ 6
https://ppantip.com/topic/38024642
ความเดิม
เจ้าหง่าว แมวนักเลงภูธร หนีหมาโหดประจำหมู่บ้าน ออกไปนอกหมู่บ้าน จนไปเจอกับกลุ่มแมวป่า
..............
รูปร่างใหญ่กว่าเจ้าหง่าวมาก ท่าทางก็โหดร้ายป่าเถื่อนมากกว่า จนทำให้แมวนักเลงอย่างเจ้าหง่าวกลายเป็นแมวสุภาพเรียบร้อยขี้อายขึ้นมาทันทีเมื่อเทียบกับผู้มาเยือน
นั่นไม่ใช่ผีแมว แต่เป็นแมวป่าสีดำสนิทสามตัว !
------------
แมวป่ามีชื่อเสียงในทางป่าเถื่อนโหดร้ายเด็ดขาด ดุเดือดทารุณเหี้ยมเกรียม และน่ากลัว บางพื้นที่เรียกว่า แมวโพง บางพื้นที่เรียกว่าแมวเป้า เป็นฝันร้ายแห่งมวลแมวทั้งหลาย ตอนนี้มาปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าหง่าวอย่างน่าสยดสยอง เสียงคำรนคำรามในลำคอของพวกมันแทบทำให้เจ้าหง่าวตัวสั่นจับไข้ขึ้นมาทันที น่าประหวั่นพรั่นพรึงยิ่งกว่าผีแมวเสียอีก
แมวป่าทั้งสามตัวเดินวนแมวบ้านจอมซ่า ซึ่งตัวสั่นงันงก หมดทางหนี อยู่ในวงล้อมแห่งดวามหวาดกลัว ตัวท่าทางเป็นหัวหน้าและตัวใหญ่ที่สุด ยื่นหน้าเข้ามาหา อ้าปากแสยะยิ้มแบบแมว ๆ เห็นฟันยาวขาววับเรียงเป็นแถว ชวนเสียวสยองคอหอยเป็นยิ่งนัก
“แมวบ้านตัวนี้ท่าทางอร่อยนะ...ว่าไหมพวกเรา..” พูดพลางหันไปมองเชิงขอความเห็นแมวป่าอีกสองตัว ซึ่งรับมุกอย่างรวดเร็วและน่าขนลุก
“ใช่แล้วพี่ใหญ่.....กินสด ๆ แทะกระดูกอย่างช้า ๆ เลือด คงหวานชุ่มคอพิลึก จริงไหมน้องเล็ก”
“ใช่แล้วพี่กลาง ท่าทางตับจะหวานดี ผมขอจองตับหวาน และหมาร้องไห้นะพี่”
หมาร้องไห้ หมายถึงเนื้อบริเวณเชื่อกันว่า เป็นเนื้ออร่อยที่สุดของแมว ตำนานเล่าว่าหมาป่าหนึ่งฆ่าแมวและกินเป็นอาหาร กินไปจนอิ่ม ก็กินมาถึงเนื้อบริเวณหนึ่งซึ่งอร่อยมาก แต่ว่าหมาป่าอิ่มเสียก่อน จึงกินเนื้อบริเวณนั้นไม่หมด ต้องร้องไห้ด้วยความเสียดาย นี่คือที่มาของคำว่า “หมาร้องไห้” ตำนานนี้ไม่ค่อยมีคนรู้จักเพราะชมรมรักแมวพากันต่อต้านการกระทำทารุณกรรมต่อแมว ไม่ให้มีการเอ่ยถึงเรื่องนี้
คำพูดของพวกแมวป่าสามพี่น้องทำให้เจ้าหง่าวแทบเป็นลมด้วยความหวาดกลัว จะสู้ก็มีแต่ตายกับตาย จะหนีก็ไม่รู้จะหนีไปทางไหน ‘แมวกินเนื้อแมว’ ฟังแล้วน่ากลัวไม่ต่างจาก คนกินเนื้อคนเลย
“อย่ากินผมเลยครับพี่ เนื้อผมไม่อร่อยหรอกครับ ขี้กลากขี้เกลื้อนก็เต็มไปหมด แถมน้ำไม่ได้อาบมาสามปีแล้วครับ”
เจ้าหง่าวพูดสุภาพไพเราะหูเป็นครั้งแรก แต่แมวป่าพี่ใหญ่แสยะยิ้มเหี้ยมเกรียมบอกว่า
“นั่นล่ะยิ่งอร่อยได้รสอร่อยแบบธรรมชาติ”
“อย่ากินผมเลยครับ” เจ้าหง่าวอ้อนวอนน้ำตาไหลพราก มองเห็นภาพตัวเองถูกแมวป่ารุมกัดกินอย่างอร่อยแบบน่าสยดสยอง อนิจจา… แมวนักเลงบ้านนอกผู้ยิ่งใหญ่จะมาสิ้นชื่อในราวป่าอย่างโดดเดี่ยวเดียวดาย กลับกลายเป็นวิญญาณแมวล่องลอยวนเวียน ร้องเมี้ยว ๆ อยู่ในป่าตลอดกาล
“งั้นเรามาตกลงกันหน่อย” แมวป่าพี่ใหญ่ยิ้มเล่ห์ แต่ก็ทำให้แมวบ้านจอมซ่ามีความหวังรอดขึ้นบ้าง “ประการแรก แกต้องยอมเป็นลูกน้องของข้า ปฏิบัติตามคำสั่งพวกข้าทุกประการ และจะต้องไปบอกพวกแมวในหมู่บ้านทุกตัว หาอาหารการกินมาให้พวกข้าทุกวัน เป็นค่าคุ้มครอง จนอิ่มหนำสำราญ มิฉะนั้น...พวกข้าจะไม่รับรองความปลอดภัย และจะเข้าไปจัดการกับแกให้ตายอย่างทรมาน และจับพวกแมวบ้านกินให้หมดทุกตัว”
“ได้ครับพี่ ผมยอมเป็นลูกน้องครับ และจะทำตามที่บอกทุกประการครับ”
แมวก็รักตัวกลัวตายเหมือนกัน ทำให้เจ้าหง่าวรีบรับคำอย่างรวดเร็ว พวกแมวป่าคำรามในลำคออย่างพอใจในการตั้งตัวเป็น ‘มาเฟียแมว’ จอมอิทธิพล
“ดีมาก....เริ่มงานของแกตั้งแต่พรุ่งนี้เลย อย่าลืมสัญญา ไม่งั้น...ตายสถานเดียว”
พอเป็นอิสระ เจ้าหง่าวก็วิ่งไม่คิดชีวิตกับมายังหมู่บ้าน เงามืดดำอันชั่วร้ายและน่ากลัวของพวกแมวป่า แผ่ซ่านปกคลุมมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้แล้ว ความสุขสงบซึ่งเคยมีกำลังจะหมดไป แมวบ้านไม่รู้จะเอาอะไรไปต่อต้านพวกแมวป่าดุร้ายกระหายเลือด
ข่าวการมาเยือนของพวกแมวป่าสะพัดไปอย่างรวดเร็ว เจ้าหง่าวประกาศให้แมวทุกตัวมาประชุมกันบนกองฟืนท้ายหมู่บ้าน ในช่วงสายของวันต่อมา นัยว่าจะปรึกษาหารือกัน มะเหมี่ยวพาลูกทั้งสามมาด้วย แมวปิฬาร์ก็ด้อม ๆ มอง ๆ อยู่แถวนั้น ด้วยความอยากรู้มากกว่าจะมาประชุมเพราะกลัวคำขู่ เจ้าหง่าวพอเห็นสมาชิกแมวมาเกือบครบแล้วก็เริ่มต้นบอกเล่าถึงคำขอพวกแมวปีศาจพวกนั้น ยกเว้นเรื่องเดียวที่ไม่บอกคือการยอมเป็นลูกน้องของพวกแมวป่า เพราะมันดูเสียศักดิ์ศรีอย่างไรชอบกล
“พวกมันเป็นแมวป่าตัวใหญ่และน่ากลัว พวกเราคงต้องยอมรับคำเรียกร้องของพวกมัน”
ไอ้คุณหง่าวสรุปดื้อ ๆ เมื่อจบการบรรยาย แมวทั้งหลายมองหน้ากันไปมาอย่างไม่แน่ใจ เพราะเหตุการณ์แบบนี้ไม่เคยมีมาก่อน
“สละอาหารของพวกเราคนละเล็กละน้อยคงไม่เป็นไร เพื่อความอยู่รอดปลอดภัยของพวกเรา…ดีกว่าจะถูกแมวนรกพวกนั้นฆ่าตาย”
แมวอาวุโสตัวหนึ่งท่าทางอายุมากแล้ว หลังจากนั่งฟังเจ้าหง่าวสรุปแบบเชิญชวน ก็ลุกขึ้นตั้งข้อสังเกตว่า
“พวกเราลองคิดดู แมวป่าพวกนั้นตัวใหญ่และกินจุ อาหารที่เรามีคงไม่พอให้มันกินอิ่ม แบบนี้เราจะไม่อดตายกันทั้งหมู่บ้านหรอกหรือ”
“แต่ถ้าไม่ยอม พวกเราก็จะถูกฆ่าตายอยู่ดีไม่ใช่หรือไง ลองคิดดู ถูกแมวป่าฆ่าตายมันน่ากลัวขนาดไหน”
ว่าพลางเจ้าหง่าวก็ทำตัวพองส่งเสียงอย่างน่ากลัวดังประกอบเหตุผลของตัวเอง และเพื่อให้ชาวแมวเห็นภาพของแมวป่าว่าน่ากลัวปานใด
“แถมพวกมันชอบกินเนื้อแมวด้วย ข้าเองก็เกือบจะโดนกินไปแล้ว ดีว่ามันปล่อยให้ข้ามาทำหน้าที่ส่งข่าว แต่ละตัวยังกับแมวปีศาจ หมามันยังไม่กลัว คิดดูก็แล้วกัน”
แมวทุกตัวเริ่มใจเสีย ไม่มีใครอยากถูกแมวป่ากินเป็นอาหาร ฟังดูมันสยองขวัญและน่ากลัวอย่างบอกไม่ถูก พวกแมวเหล่านี้ถึงจะเป็นแมวบ้านนอก อยู่ในท้องถิ่นกันดารถึงการศึกษาน้อย แต่ก็ไม่เคยคิดจะกินแมวด้วยกันเป็นอาหาร
ปิฬาร์ฟังอยู่นาน ชักรำคาญจึงส่งเสียงดังๆ ขึ้น “ไหนๆ ก็คิดว่าจะตายแล้ว ทำไมไม่คิดสู้เลยหรือไง จะงอมืองอเท้างอหางให้พวกแมวป่ามันมารังแกเอาง่าย ๆ ได้ไง”
แมวทุกตัวหันขวับมามองทันที ด้วยความเป็นแมวในเมือง แมวสาวดูมีสง่าราศรีแตกต่างจากแมวบ้านนอกทั่วไป ทำให้ความนิยมเลื่อมใสเกิดขึ้นโดยไม่ต้องหาเสียง ปิฬาร์รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดารากะทันหัน ก็รีบยืดอก อภิปรายต่อต้านไอ้คุณหง่าวต่อไปแบบตามน้ำ
“พวกนั้นถึงจะเป็นแมวป่า มันก็แมวเหมือนกัน ถึงจะตัวโต เราก็น่าจะหาทางชนะมันได้ถ้าร่วมมือร่วมใจกัน สำคัญคือพวกนั้นเป็นผู้บุกรุก เราจะปล่อยให้แมวต่างป่ามารุกล้ำก้ำเกินดินแดน ของเรา ทำลายประชาธิปไตยและเอกราชได้อย่างไร ปล่อยให้พวกมันมาเหยียบย่ำหลังคาที่เราเคยเดินได้อย่างไร บรรพบุรุษแมวของเราเสียเลือดเสียเนื้อมามากมาย เรารุ่นลูกรุ่นหลานต้องรักษาแผ่นดินถิ่นฐานหลังคาบ้านด้วยเลือดเนื้อเช่นกัน ไม่งั้นคงอับอายวิญญาณของบรรพชนแมวในปรภพ เรามีหน้าที่ต้องปกปักรักษาดินแดนแมวพวกเราสืบต่อไป ชั่วรุ่นลูกหลาน ฉันเองก็จะขอสู้ด้วยเพื่อทดแทนบุญคุณข้าวปลาอาหารที่ได้รับจากหมู่บ้านแห่งนี้เช่นกัน”
แมวหลายตัวกลืนน้ำลายเอื้อก เพราะไม่ค่อยเข้าใจคำพูดพวกนั้น รู้สึกแต่ว่าคำพูดของแมวในเมืองจุดประกายไฟแห่งความรักความหวงแหนดินแดนมาตุภูมิขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เลือดแห่งความอาจหาญเริ่มเดือดพล่าน พวกแมวเริ่มหันหน้าปรึกษากันครู่หนึ่งแล้วในที่สุด แมวอาวุโสก็กระโดดมาอยู่ข้างๆ ปิฬาร์ โบกหางขยับใบหูให้แมวทุกตัวสงบลง พูดด้วยเสียงอันดังเท่าที่แมวแก่ ๆ จะทำได้
“คุณแมวผู้นี้ เป็นแมวมาจากต่างถิ่น แต่ยังมีน้ำใจจะต่อสู้เคียงข้างพวกเรา พวกเราเกิดที่นี่แท้ ๆ ยังจะขี้ขลาดอยู่ได้ยังไง น่าอาย ดังนั้นพวกเราจะยอมสู้ตาย”
“เมี๊ยววว !”
เสียงร้องของบรรดาแมวกึกก้องขึ้นทันที ไม่ว่าจะเป็นแมวหนุ่ม แมวสาว แมวตัวเล็กตัวน้อย ต่างมีเลือดแห่งความรักถิ่นฐานฉีดแรง ส่งให้เกิดกำลังใจกำลังกายมหาศาล และทุกตัวพร้อมแล้วจะยอมสู้ตาย
“สู้ตาย.....สู้ตาย”
“ฆ่ามัน.....ฆ่ามัน”
“ออกไป....ออกไป”
เจ้าหง่าวชักสะบัดร้อนสะบัดหนาว เพราะเริ่มรู้สึกแล้วว่าบทบาทและอำนาจทางผู้นำที่มีเริ่มถูกสั่นคลอนท้าทายจนสั่นไหว แมวในเมืองหน้าใสเรียกคะแนนนิยมไปได้แทบทั้งหมด ถ้ามีการเลือกตั้งจ่าฝูงใหม่ คงแพ้ราบคาบ
“พวกโง่...!!!”
เจ้าหง่าวตวาดด้วยเสียงอันดัง แต่ดูเหมือนแมวทั้งหลายจะไม่ให้ความสำคัญเท่าที่ควร แมวหนุ่มร้องด้วยเสียงเกรี้ยวกราดต่อไปว่า
“รนหาที่ตายชัด ๆ แมวป่าพวกนั้นมีตั้งสามตัว แค่ตัวเดียวก็รับมือยากแล้ว พวกแกจะตายกันจนหมด”
“อย่ามาขู่เลย ไอ้คุณหง่าว” ปิฬาร์เถียงอย่างไม่กลัวเกรง ถือว่าฉลาดกว่าและถือเสียงข้างมากไปเรียบร้อยแล้ว “เธอนั่นล่ะแย่ที่สุด วางตัวเป็นนักเลง ทำตัวเป็นหัวโจก เป็นผู้นำ แต่พอมีภัยกลับหาทางเอาตัวรอดแบบขี้ขลาดตาขาว ความจริงเธอนั่นล่ะ ควรจะออกหน้ามาช่วยเหลือแมวในหมู่บ้านต่อสู้กับผู้รุกราน”
“ทำเป็นพูดดีไปเถอะ”
แมวหง่าวคำรามแล้วกระโจนหายเข้าไปในแนวป่าเพื่อบอกผลการเจรจาอันล้มเหลวให้กับพวกแมวป่าทราบ เจ้าหง่าวคิดว่าควรจะเลือกอยู่ข้างปลอดภัยและโอกาสชนะมากที่สุด เพราะคำนวณแล้วว่า ยังไงพวกแมวบ้านก็ไม่มีทางสู้พวกแมวป่าได้แน่นอน แมวบ้านแม้อาหารจะอดยากบ้างแต่ก็มีความเป็นอยู่ค่อนข้างสุขสบายไม่ได้สู้รบปรบอุ้งเท้ากับใครบ่อย ๆ ในขณะพวกแมวป่าเผชิญศึกเหนือเสือใต้มามากมาย ประสบการณ์ในการเอาชีวิตรอดในป่าอันเต็มไปด้วยอันตรายมากมาย สอนให้เป็นแมวแข็งแกร่งและเป็นตัวอันตรายสุดยอด
.