เชื่อว่าหลายๆคนคงจะเจอปัญหาเหมือนผมในตอนนี้คือ ผิวหน้ามันมาก เป็นสิวง่าย รูขุมขนกว้าง ซึ่งปัญหาเหล่านี้มักมาควบคู่กันจริงๆ
ก่อนหน้านี้คือใช้ครีมแรงๆ หรือราคาแพงมามากมาย จนรู้สึกว่า สิ้นเปลืองมากครับ ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย หน้าก็ยังคงมันแผล็บ หมองคล้ำ สิวตรึมเหมือนเดิม(สิวเยอะมากครับ เป็นแทบจะทุกรูขุมขนเลย) ไปไหนมาไหนคือไม่มั่นใจเลย อาศัยเมคอัพปกปิดเอา รักษาดูแลตามยถากรรมมาตลอด
จนได้เริ่มศึกษาหาอ่านตามเว็บไปเรื่อยๆครับ รักษาเองนี่แหละครับ คนงบน้อยก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป จนตอนนี้จากคนที่ไม่เคยรู้สึกถึงหนังหน้าดีๆเลย ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมานิดนึงครับ เพราะผิวหน้าดูใสขึ้น รูขุมขนก็เล็กลง สิวก็หายไปเกิน80%แล้ว เหลือก็แต่รอยดำรอยแดงจากสิวนิดๆหน่อยๆ ส่วนเรื่องหน้ามัน ก็ยังคงเป็นสภาพผิวมันเหมือนเดิม แต่แค่ตอนนี้ไม่มันมากอย่างเมื่อก่อนครับ
ผมจะบอกขั้นตอนไว้ให้นะเผื่อใครจะนำไปลองบ้าง ผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างที่ใช้ ก็ไม่ได้แพงเลยครับ หลักสิบหลักร้อยทั้งนั้น เพราะอย่างที่บอกครับว่างบน้อย อาศัยแค่ระยะเวลา เพราะกว่าจะได้หน้าที่ดีขึ้น ก็ทำอยู่เกือบปีครับ แต่เริ่มรู้สึกเห็นผล ก็ตอนช่วง 2 เดือนว่าสิวลดลง เลยทำต่อไปเรื่อยๆ
- ขั้นตอนการทำความสะอาด วันไหนแต่งหน้าก็จะใช้คลีนซิ่งเช็ดก่อนครับ เพื่อให้โฟมล้างหน้าที่เราจะใช้ต่อไป ทำความสะอาดได้เต็มที่ขึ้น จึงต้องเช็ดเมคอัพออกก่อน ส่วนตัวผมใช้คลีนซิ่งวอเตอร์ของ watsons gentle&mild ซื้อมาตอนโปรครับ 2 ขวด 299 บาท เป็นสูตรอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย คือจะแนะนำว่าให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยครับ ว่าเราคือผิวแพ้ง่าย แล้วเลือกใช้ประเภท ไร้แอลกอฮอล์ ไร้พาราเบน ไร้น้ำมัน ไร้น้ำหอม ไร้สี อะไรแบบนี้ไว้ก่อนเลย เพราะจะได้ตัดปัญหาเรื่องแพ้ออกไปเลย (ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่ายมีเยอะครับ) เลือกคลีนซิ่งสูตรน้ำยิ่งดีครับ จะได้ไม่เพิ่มเติมความมันให้ผิว
มาถึงส่วนของโฟมล้างหน้า ผมใช้สมูทอีไวท์เบบี้เฟสโฟม หลอดขาวๆ ราคา สองร้อยกว่าๆ ตัวนี้ก็จะเป็นสูตรอ่อนโยนครับ ประสิทธิภาพการทำความสะอาดไม่เยอะครับ เลยแนะให้เช็ดคลีนซิ่งก่อนถ้าแต่งหน้า แล้วค่อยมาล้าง แต่ถ้าไม่แต่งหน้าก็ล้างไปได้เลยครับ โฟมตัวนี้จะเน้นไปทางรักษาปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวแพ้ เป็นสิวง่าย โฟมตัวนี้ผมมีเทคนิคใช้ครับ คือพรมน้ำที่หน้าให้หน้าเปียกแค่นิดหน่อยครับ แล้วก็บีบโฟม นวดๆบนหน้าเลยครับ 1-2 นาที ให้มันข้นๆเหมือนนวดคลีนซิ่งครีมไปเลย แล้วล้างออก เพราะถ้าโดนน้ำเยอะ เนื้อโฟมซึ่งไม่มีฟอง มันจะดูเจือจางไปหมด ซึ่งจะรู้สึกเหมือนแทบไม่ได้ล้างเลย หลังจากล้างแล้วจะรู้สึกหน้าลื่นๆ นั่นคือข้อดีครับ เพราะโฟมจะทิ้งมอยร์ไว้บนผิว ให้ผิวไม่รู้สึกแห้งตึง เมื่อผิวมีความชุ่มชื่น ไม่แห้ง ต่อมไขมันใต้ชั้นผิวจะทำงานน้อยลง หลั่งไขมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวน้อยลง
ขั้นตอนการเช็ดโทนเนอร์ ผมใช้ของ รอรีอัลไวท์เพอร์เฟ็คครับ 190 บาท ตัวนี้ไม่ใช่สูตรอ่อนโยนนะครับ แต่ใช้เพราะรู้สึกว่าไม่ได้แพ้ และเช็ดสะอาด ผิวก็รู้สึกไบรท์ขึ้น แนะนำว่าแช่ตู้เย็นไว้จะดีครับ ผิวสดชื่นดี และเวลาผิวเย็นๆจเรู้สึกว่ารูขุมขนมันดูกระชับดีครับ
อันนี้คือสามขั้นตอนของการทำความสะอาดครับ ใครไม่แต่งหน้าก็ข้ามคลีนซิ่งไปได้เลย แต่โทนเนอร์สำหรับคนผิวมันรูขุมขนกว้างแนะนำให้ใช้ทุกครั้งหลังล้างหน้าครับ เพราะความมันจะอุดตันตามรูขุมขนง่าย จึงมองข้ามโทนเนอร์ไม่ได้เลย ล้างหน้าแค่ปกติวันละ2 ครั้งพอครับ ยิ่งล้างบ่อย ผิวจะยิ่งมันง่าย
-ขั้นตอนการบำรุง คือผมจะบำรุงทุกครั้ง ทั้งก่อนแต่งหน้า หรือไม่แต่งหน้าก็จะบำรุงตลอด แต่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงประเภทที่ไม่เป็นไขมัน บางเบา ให้ความชุ่มชื่นประเภทเติมน้ำให้ผิว เพราะผิวเรานั้นมีความมันสูงอยู่แล้ว จึงไม่ควรเพิ่มเติมความมันไปอีก ผมใช้สองตัวครับ ตัวแรกจะเป็นเซรั่มของ it’s skin ผมใช้สูตรสีขาวอาบูติน ราคา 200 กว่าบาท หยดสามหยด หลังจากเช็ดโทนเนอร์ทันที ลูบให้ทั่วหน้า (อันนี้ไม่ใช่สูตรอ่อนโยนนะ แต่รู้สึกไม่ได้แพ้ ผิวไบรท์ขึ้น รอยสิวจางลง) รอสัก 1 นาทีเพื่อให้เซรั่มซึมสู่ผิว หลังจากนั้นก็ใช้ตัวที่สองครับ คือ สมูทโต๊ะ อโลอี สเนลไบรท์เจล ตัวนี้ถูกและดีมากครับ 49 บาทเอง เป็นซองใหญ่ๆ หาได้ตาม 7-11 ผมจะทาทั่วหน้าและคอเลยครับ ใช้แล้วรู้สึก ผิวชุ่มชื่น แต่ไม่ได้มัน ไม่เหนอะหนะ รอยสิว และสิวก็ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆครับ
การบำรุงจะแนะนำให้ทำทันทีหลังจากเช็ดโทนเนอร์นะครับ เพราะช่วงที่ทำความสะอาดผิวใหม่ๆคือช่วงที่รูขุมขนเปิด จะทำให้ผลิตภัณฑ์ซึมสู่ผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว อีกทั้งยังช่วยให้หน้ามันน้อยลง เพราะถ้าผิวรู้สึกชุ่มชื่น ก็ยังหลั่งความมันมาหล่อเลี้ยงผิวน้อยลง
-ขั้นตอนเพิ่มเติม คือการมาร์ค หนือการสครับผิวต่างๆ อันนี้ผมก็ทำเพิ่มเติมแค่สัปดาห์ละครั้งครับ แค่เพิ่มความสะอาด เพิ่มการบำรุง แต่ก็ต้องเลือกที่อ่อนโยนไว้ก่อนเหมือนกัน ซึ่งแผ่นมาร์คที่จะซื้อใช้ประจำก็จะเป็นยี่ห้อ ลีดเดอร์ ซึ่งจะมีขายตามวัตสัน แผ่นละ 49 บาท ส่วนครับใช้เพื่อลดการอุดตัน ผลัดเซลผิว ก็ใช้พวกผงขัดหน้าสมุนไพร ที่มีขายเป็นซองๆ จะไม่ได้ฟิ๊กยี่ห้อครับ เพราะพวกสมุนไพรคือจะไม่แพ้อยู่แล้ว (ย้ำนะครับ การมาร์คหรือสครับ คนผิวมันคือแค่สัปดาห์ละครั้งพอแล้ว ^^)
ยังไงก็ลองกันได้นะ แต่ละอย่างก็ไม่ได้แพงเลย หาซื้อง่ายด้วย หลักๆคือจะสังเกตุจากผลิตภัณฑ์ได้ว่าผมจะไม่ได้เน้นแค่การรักษาอย่างเดียว คือจะป้องกันไม่ให้แย่ไปกว่าเดิมด้วยการใช้หลายๆสิ่งที่อ่อนโยนบ้าง เพิ่มความขาวใสบ้าง ตามปัญหาหน้าหมองคล้ำบ้าง ที่เกิดกับเรา
และเน้นเรื่องการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมตามสภาพผิว บางเบา ไม่เพิ่มเติมความมัน เน้นรักษาความสะอาด
ปล.. ทิ้งท้ายไว้ด้วยรูปผลิตภัณฑ์ที่ใช้ และรูปหน้าผมตอนนี้นะ ที่ดีขึ้นมาเยอะ เหลือแค่รอยจากสิวนิดหน่อย และต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปตอนหน้าแย่ไว้ เพราะแย่จริงๆ แย่จนไม่กล้าถ่าย
ใน ไอจี ผมรีวิวไว้หลายตัวนะ ambomalm
วิธีดูแลผิวมันมากกกกก หมองคล้ำ รูขุมขนกว้าง เป็นสิวง่าย ตามประสาคนงบน้อยครับ ^^
ก่อนหน้านี้คือใช้ครีมแรงๆ หรือราคาแพงมามากมาย จนรู้สึกว่า สิ้นเปลืองมากครับ ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นเลย หน้าก็ยังคงมันแผล็บ หมองคล้ำ สิวตรึมเหมือนเดิม(สิวเยอะมากครับ เป็นแทบจะทุกรูขุมขนเลย) ไปไหนมาไหนคือไม่มั่นใจเลย อาศัยเมคอัพปกปิดเอา รักษาดูแลตามยถากรรมมาตลอด
จนได้เริ่มศึกษาหาอ่านตามเว็บไปเรื่อยๆครับ รักษาเองนี่แหละครับ คนงบน้อยก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป จนตอนนี้จากคนที่ไม่เคยรู้สึกถึงหนังหน้าดีๆเลย ก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมานิดนึงครับ เพราะผิวหน้าดูใสขึ้น รูขุมขนก็เล็กลง สิวก็หายไปเกิน80%แล้ว เหลือก็แต่รอยดำรอยแดงจากสิวนิดๆหน่อยๆ ส่วนเรื่องหน้ามัน ก็ยังคงเป็นสภาพผิวมันเหมือนเดิม แต่แค่ตอนนี้ไม่มันมากอย่างเมื่อก่อนครับ
ผมจะบอกขั้นตอนไว้ให้นะเผื่อใครจะนำไปลองบ้าง ผลิตภัณฑ์แต่ละอย่างที่ใช้ ก็ไม่ได้แพงเลยครับ หลักสิบหลักร้อยทั้งนั้น เพราะอย่างที่บอกครับว่างบน้อย อาศัยแค่ระยะเวลา เพราะกว่าจะได้หน้าที่ดีขึ้น ก็ทำอยู่เกือบปีครับ แต่เริ่มรู้สึกเห็นผล ก็ตอนช่วง 2 เดือนว่าสิวลดลง เลยทำต่อไปเรื่อยๆ
- ขั้นตอนการทำความสะอาด วันไหนแต่งหน้าก็จะใช้คลีนซิ่งเช็ดก่อนครับ เพื่อให้โฟมล้างหน้าที่เราจะใช้ต่อไป ทำความสะอาดได้เต็มที่ขึ้น จึงต้องเช็ดเมคอัพออกก่อน ส่วนตัวผมใช้คลีนซิ่งวอเตอร์ของ watsons gentle&mild ซื้อมาตอนโปรครับ 2 ขวด 299 บาท เป็นสูตรอ่อนโยนเหมาะกับผิวแพ้ง่าย คือจะแนะนำว่าให้สันนิษฐานไว้ก่อนเลยครับ ว่าเราคือผิวแพ้ง่าย แล้วเลือกใช้ประเภท ไร้แอลกอฮอล์ ไร้พาราเบน ไร้น้ำมัน ไร้น้ำหอม ไร้สี อะไรแบบนี้ไว้ก่อนเลย เพราะจะได้ตัดปัญหาเรื่องแพ้ออกไปเลย (ซึ่งปัจจุบันผลิตภัณฑ์สูตรอ่อนโยนสำหรับผิวแพ้ง่ายมีเยอะครับ) เลือกคลีนซิ่งสูตรน้ำยิ่งดีครับ จะได้ไม่เพิ่มเติมความมันให้ผิว
มาถึงส่วนของโฟมล้างหน้า ผมใช้สมูทอีไวท์เบบี้เฟสโฟม หลอดขาวๆ ราคา สองร้อยกว่าๆ ตัวนี้ก็จะเป็นสูตรอ่อนโยนครับ ประสิทธิภาพการทำความสะอาดไม่เยอะครับ เลยแนะให้เช็ดคลีนซิ่งก่อนถ้าแต่งหน้า แล้วค่อยมาล้าง แต่ถ้าไม่แต่งหน้าก็ล้างไปได้เลยครับ โฟมตัวนี้จะเน้นไปทางรักษาปัญหาผิวหมองคล้ำ ผิวแพ้ เป็นสิวง่าย โฟมตัวนี้ผมมีเทคนิคใช้ครับ คือพรมน้ำที่หน้าให้หน้าเปียกแค่นิดหน่อยครับ แล้วก็บีบโฟม นวดๆบนหน้าเลยครับ 1-2 นาที ให้มันข้นๆเหมือนนวดคลีนซิ่งครีมไปเลย แล้วล้างออก เพราะถ้าโดนน้ำเยอะ เนื้อโฟมซึ่งไม่มีฟอง มันจะดูเจือจางไปหมด ซึ่งจะรู้สึกเหมือนแทบไม่ได้ล้างเลย หลังจากล้างแล้วจะรู้สึกหน้าลื่นๆ นั่นคือข้อดีครับ เพราะโฟมจะทิ้งมอยร์ไว้บนผิว ให้ผิวไม่รู้สึกแห้งตึง เมื่อผิวมีความชุ่มชื่น ไม่แห้ง ต่อมไขมันใต้ชั้นผิวจะทำงานน้อยลง หลั่งไขมันออกมาหล่อเลี้ยงผิวน้อยลง
ขั้นตอนการเช็ดโทนเนอร์ ผมใช้ของ รอรีอัลไวท์เพอร์เฟ็คครับ 190 บาท ตัวนี้ไม่ใช่สูตรอ่อนโยนนะครับ แต่ใช้เพราะรู้สึกว่าไม่ได้แพ้ และเช็ดสะอาด ผิวก็รู้สึกไบรท์ขึ้น แนะนำว่าแช่ตู้เย็นไว้จะดีครับ ผิวสดชื่นดี และเวลาผิวเย็นๆจเรู้สึกว่ารูขุมขนมันดูกระชับดีครับ
อันนี้คือสามขั้นตอนของการทำความสะอาดครับ ใครไม่แต่งหน้าก็ข้ามคลีนซิ่งไปได้เลย แต่โทนเนอร์สำหรับคนผิวมันรูขุมขนกว้างแนะนำให้ใช้ทุกครั้งหลังล้างหน้าครับ เพราะความมันจะอุดตันตามรูขุมขนง่าย จึงมองข้ามโทนเนอร์ไม่ได้เลย ล้างหน้าแค่ปกติวันละ2 ครั้งพอครับ ยิ่งล้างบ่อย ผิวจะยิ่งมันง่าย
-ขั้นตอนการบำรุง คือผมจะบำรุงทุกครั้ง ทั้งก่อนแต่งหน้า หรือไม่แต่งหน้าก็จะบำรุงตลอด แต่จะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงประเภทที่ไม่เป็นไขมัน บางเบา ให้ความชุ่มชื่นประเภทเติมน้ำให้ผิว เพราะผิวเรานั้นมีความมันสูงอยู่แล้ว จึงไม่ควรเพิ่มเติมความมันไปอีก ผมใช้สองตัวครับ ตัวแรกจะเป็นเซรั่มของ it’s skin ผมใช้สูตรสีขาวอาบูติน ราคา 200 กว่าบาท หยดสามหยด หลังจากเช็ดโทนเนอร์ทันที ลูบให้ทั่วหน้า (อันนี้ไม่ใช่สูตรอ่อนโยนนะ แต่รู้สึกไม่ได้แพ้ ผิวไบรท์ขึ้น รอยสิวจางลง) รอสัก 1 นาทีเพื่อให้เซรั่มซึมสู่ผิว หลังจากนั้นก็ใช้ตัวที่สองครับ คือ สมูทโต๊ะ อโลอี สเนลไบรท์เจล ตัวนี้ถูกและดีมากครับ 49 บาทเอง เป็นซองใหญ่ๆ หาได้ตาม 7-11 ผมจะทาทั่วหน้าและคอเลยครับ ใช้แล้วรู้สึก ผิวชุ่มชื่น แต่ไม่ได้มัน ไม่เหนอะหนะ รอยสิว และสิวก็ค่อยๆหายไปอย่างช้าๆครับ
การบำรุงจะแนะนำให้ทำทันทีหลังจากเช็ดโทนเนอร์นะครับ เพราะช่วงที่ทำความสะอาดผิวใหม่ๆคือช่วงที่รูขุมขนเปิด จะทำให้ผลิตภัณฑ์ซึมสู่ผิวได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น และจะไม่ทิ้งความเหนอะหนะไว้บนผิว อีกทั้งยังช่วยให้หน้ามันน้อยลง เพราะถ้าผิวรู้สึกชุ่มชื่น ก็ยังหลั่งความมันมาหล่อเลี้ยงผิวน้อยลง
-ขั้นตอนเพิ่มเติม คือการมาร์ค หนือการสครับผิวต่างๆ อันนี้ผมก็ทำเพิ่มเติมแค่สัปดาห์ละครั้งครับ แค่เพิ่มความสะอาด เพิ่มการบำรุง แต่ก็ต้องเลือกที่อ่อนโยนไว้ก่อนเหมือนกัน ซึ่งแผ่นมาร์คที่จะซื้อใช้ประจำก็จะเป็นยี่ห้อ ลีดเดอร์ ซึ่งจะมีขายตามวัตสัน แผ่นละ 49 บาท ส่วนครับใช้เพื่อลดการอุดตัน ผลัดเซลผิว ก็ใช้พวกผงขัดหน้าสมุนไพร ที่มีขายเป็นซองๆ จะไม่ได้ฟิ๊กยี่ห้อครับ เพราะพวกสมุนไพรคือจะไม่แพ้อยู่แล้ว (ย้ำนะครับ การมาร์คหรือสครับ คนผิวมันคือแค่สัปดาห์ละครั้งพอแล้ว ^^)
ยังไงก็ลองกันได้นะ แต่ละอย่างก็ไม่ได้แพงเลย หาซื้อง่ายด้วย หลักๆคือจะสังเกตุจากผลิตภัณฑ์ได้ว่าผมจะไม่ได้เน้นแค่การรักษาอย่างเดียว คือจะป้องกันไม่ให้แย่ไปกว่าเดิมด้วยการใช้หลายๆสิ่งที่อ่อนโยนบ้าง เพิ่มความขาวใสบ้าง ตามปัญหาหน้าหมองคล้ำบ้าง ที่เกิดกับเรา
และเน้นเรื่องการเลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมตามสภาพผิว บางเบา ไม่เพิ่มเติมความมัน เน้นรักษาความสะอาด
ปล.. ทิ้งท้ายไว้ด้วยรูปผลิตภัณฑ์ที่ใช้ และรูปหน้าผมตอนนี้นะ ที่ดีขึ้นมาเยอะ เหลือแค่รอยจากสิวนิดหน่อย และต้องขออภัยที่ไม่ได้ถ่ายรูปตอนหน้าแย่ไว้ เพราะแย่จริงๆ แย่จนไม่กล้าถ่าย
ใน ไอจี ผมรีวิวไว้หลายตัวนะ ambomalm