เรียนเมืองนอกมาตั้งแต่เด็ก แต่อ่านพันทิปมา ~8+ ปี ได้ข้อคิดอะไรน่าสนใจหลายๆอย่างเกี่ยวกับสังคมไทย อยากแชร์ครับ ^ ^

ได้อ่านพันทิปมา ~8+ ปีแล้วครับ อ่านหลักๆก็ Pantip Trend ไม่เคย comment หรือตั้งกระทู้เลย จนเมื่ออาทิตย์ก่อน เพิ่ง comment เป็นครั้งแรกไปหนึ่งหน เพราะรู้สึกจำเป็นมากกก แต่ปกติไม่เคย comment เลยครับ

พันทิปได้ให้โอกาศผมได้เรียนรู้และ keep up-to-date เห็นอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับสังคมไทย ทั้งค่านิยมในสังคม อะไรที่ป๊อปอยู่ และนิสัยโดยส่วนรวม (ของคนที่มาตั้งกระทู้หรือคอมเมนท์บนพันทิปนะครับ) ได้อย่างดีเลย

เล่า background ตัวผมเองนิดนึงละกันนะครับ ผมเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กๆ บ้านผมก็ไม่ได้รวย มีฐานะอะไรมากมายหรอกครับ แต่พ่อแม่ทุ่มสุดตัวและเสียสละหลายอย่างมากเพื่อให้ผมได้ Education ที่ท่านคิดว่าดีที่สุด แต่ผมก็ได้กลับไทยปีละสองสามที และครอบครัวญาติๆผมก็ยังล้วนอยู่ไทยกันหมด ภาษาไทยผมไม่ค่อยคล่องเท่าไหร่นะ เพราะฉะนั้น ถ้าสะกดอะไรผิดหรือใช้คำปะหลาดๆเพี้ยนๆ ก็ขออภัยด้วยนะขอรับ

จากประสบการณ์ผมที่ได้อยู่ได้เห็นสังคมสองประเทศ ผมได้ข้อคิดต่างๆเหล่านี้ หวังว่าจะให้ความรู้และเปิด perspective ใหม่ๆให้กับคนที่อ่านนะครับ และก็จะเกริ่นก่อนเลยว่า บางอย่างที่ผมพูด มันจะไม่ถูกหูคนบางคน และโดนว่าวิจารณ์ชัวร์ป้าป ผมขอเชิญเข้ามาวิจารณ์ได้เลยครับผม เพราะผมชอบได้ยินมุมมองและ perspective ใหม่ๆอยู่แล้ว มันน่าสนใจและมันส์ดี ขออย่างเดียวครับ แค่ให้ได้ใช้เวลานั่งคิดพิจารณาสิ่งที่ผมเขียนก่อนที่จะตอบ และผมก็จะใช้เวลานั่งคิดพิจารณาสิ่งที่คุณเขียนตอบมาอย่างลึกซึ้งเช่นกัน เอาล่ะ พล่ามมานาน โทษทีๆ เริ่มเลยละกัน ขอเน้นนะครับว่านี่คือสิ่งที่ผมสังเกตจากการอ่านพันทิปและพูดคุยกับเพื่อนทั้งนั้น ไม่ได้พูดถึงคนไทยรวมทั้งประเทศนะครับ

1) คนไทย เขียนเกี่ยวกับเรื่องอาหารและท่องเที่ยว และคิดค้น itinerary หรือ trip ได้ creative และน่าสนใจ น่าสนุกมากๆ
พร้อมรูปประกอบแบบ artๆ สวยๆ ยังกะฝีมือโปรที่เขียน travel books/magazines เป็นอาชีพเต็มตัว เก่งกว่า travel หรือ food magazine ที่ผมเห็นที่ต่างประเทศหลายอันเลย

2) คนไทย ชอบอ่านและติดตาม trend หรือเรื่องความบันเทิงเรื่องดารามากกกกก
ตอนที่มีหนังเรื่องไหนที่ป๊อปๆ หรือข่าวเกี่ยวกับดาราที่ดังๆอยู่ พันทิปนี่แทบระเบิดและเต็มไปด้วยกระทู้เกี่ยวกับเรื่องนั้น เช่นตอนพี่มากพระโขนงดังๆ หรือข่าวตอนที่ สิงห์ จากวง Sqweez Animal เสียชีวิต หรือ Jonghyun ของวง SHINee แม้แต่เรื่องไข่เจียวปูเจ๊ไฝ ผมนี่แทบช๊อคว่าคนติดตามและตั้งกระทู้เยอะแยะกันขนาดนั้น

3)ผมรู้สึกว่าคนไทย โดยส่วนรวม เป็นคนดีนะ มีน้ำใจมาก แต่ผมว่าไม่ค่อยเปิดรับความคิดที่ต่าง หรือ perspective ที่ไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่
ผมชื่นชมความดีมีน้ำใจของคนไทย และรู้สึกโชคดีมากที่ได้เกิดมาเป็นคนไทยนะ แต่หลังจากได้ไปอยู่เมืองนอก ได้เห็นสังคมหลายๆแบบและสังคมที่ค่อนข้าง open-minded ในหลายๆเรื่อง ผมเริ่มรู้สึกว่า “อืมมม ก็มีหลายอย่างเหมือนกัน ที่คนไทยไม่ค่อยเปิดรับเท่าไหร่” ตัวอย่างหลักๆที่ผมเห็นก็มีเช่น:

i) เรื่องดื่มเหล้า เที่ยวกลางคืน - ผมรู้สึกว่าคนไทยโดยส่วนรวมคิดว่าธาตุแท้ของสิ่งเหล่านี้ไม่ดี และมองว่าการทำกิจกรรมเหล่านี้ไม่ดีโดยอัตโนมัติ ในความคิดผม ผมคิดว่าสิ่งเหล่านี้มันเป็นแค่ความชอบ/preferences ของคนแต่ละคน และสิ่งที่สำคัญมากกว่าเยอะคือ ความสมดุล และการควบคุมตัวเองไม่ให้สิ่งเหล่านี้มาเป็นนายของเราได้ คนบางคนชอบชอปปิ้ง บางคนชอบเล่นกีฬา บางคนชอบเล่นเกม บางคนชอบกินอาหารดีๆหรูๆ บางคนชอบกินเหล้าสังสรรค์ตอนกลางคืน มันแค่เกี่ยวกับ preferences และความชอบของคนแต่ละคนครับ สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไม่ปล่อยให้ตัวเองติด และไม่ปล่อยให้สิ่งเหล่านี้มาเป็นเจ้านายของเราได้ คือมันก็จริงที่พวกเหล้าหรือการเที่ยวกลางคืน มันอาจจะมีโอกาสติดและทำให้ความสมดุลในชีวิตหวั่นได้มากกว่ากิจกรรมอื่น แต่ถ้าคุณมีกำลังพอ และ self-awareness ที่แข็งแกร่ง คุณก็สามารถทำกิจกรรมเหล่านี้ได้พร้อมกับดำเนินชีวิตไปในทางที่ดี ผมอ่านในพันทิปหลายครั้งมาก ที่มีคนมาโพสต์ประมาณว่า การไม่ดื่มเหล้า การไม่เที่ยวกลางคืน ทำให้คนๆนึงเป็นคนดี คือผม disagree กับความคิดนี้อย่างแรงเลย ถ้าคุณไม่ดื่มเหล้า ไม่เที่ยวผับ ไม่ได้หมายความว่าคุณเป็นคนดีนะครับ ความดีมันมาจากการมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เป็นคนดีในสังคม เคารพคนอื่น การดื่มเหล้าเที่ยวกลางคืน มันแค่เป็นความชอบแบบนึง ผมเห็นเพื่อนผมและคนต่างๆในสังคมหลายคนมาก ที่ดื่มเหล้าและเที่ยวกลางคืน หนักพอสมควรเลยนะ ที่ประสบความสำเร็จมากในการเรียนการงาน และเป็นคนดีต่อเพื่อนพ้องและสังคมส่วนรวมมาก และเช่นกันก็เห็นคนที่ไม่ได้ดื่มเหล้าไม่เที่ยวกลางคืน ที่ใจแคบและไม่ได้เป็นคนดีเท่าไหร่เลย ทุกอย่างมันเกี่ยวกับความสมดุลครับ แต่ขอเกริ่นนะครับ ว่าก็มีบางอย่างเหมือนกันที่ผมคิดว่าควบคุมและใช้อย่างสมดุลได้ยาก เช่นพวกยาเสพติด หรือน้องๆเด็กๆวัยรุ่นที่ยังไม่มีวุติภาวะเพียงพอ ก็แนะนำไม่ควรทำกิจกรรมเหล่านี้เช่นกัน

ii) การมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน - เรื่องนี้ ผมค่อนข้าง firm เลยครับ ว่าคู่แฟนทุกคู่ควรมีเพศสัมพันธ์กันก่อนแต่งงาน เอาตรงๆเลยครับ sex เป็นเรื่องสำคัญมากในความสัมพันธ์หรือ relationship ระหว่างคนสองคน คือถ้าเข้าขากันไม่ได้ในด้านนี้ มีโอกาสสูงมากๆที่ relationship จะจบลงไม่ดี ผมเข้าใจ logic ของคำสอนสมัยก่อนนะครับ ว่าผู้หญิงควรสงวนตัวไม่มีอะไรอย่างว่าก่อนแต่งงาน แต่ต้องเข้าใจด้วยนะครับว่า สมัยก่อนคนแต่งงานเร็วกว่าสมัยนี้เยอะ และสมัยก่อน พูดตามตรงเลย การแต่งงานมันมีองค์ประกอบที่เกี่ยวกับการแลกเปลี่ยนทรัพย์สิน transactional nature (i.e. สินสอด) ที่ผสมเข้าไปด้วย และไม่ได้เกี่ยวกับความรักความชอบระหว่างชายหญิงอย่างเดียว คำสอนนี้เลยไม่เหมาะสมในโลกปัจจุบัน ที่คนส่วนใหญ่แต่งงานกันสายขึ้น ผู้หญิงหลายคนเคยมีแฟนมาแล้วมากกว่าหนึ่งคนก่อนแต่งงาน และ transactional nature ของการแต่งงานค่อยๆลดลงเรื่อยๆ ในความคิดผม การแต่งงาน คือการตัดสินใจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิต งานเปลี่ยนได้ ที่อยู่เปลี่ยนได้ แต่การหย่ากับใครคนนึง โดยเฉพาะถ้ามีลูกแล้ว ยากกว่าและเจ็บปวดกว่าหลายเท่า และการไม่มีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน มันเหมือนคุณตัดสินใจอะไรที่ใหญ่มาก อาจจะเป็นการตัดสินใจที่ใหญ่ที่สุดในชีวิตเลยก็ว่าได้ โดยไม่ดูองค์ประกอบที่สำคัญมากๆอันนึง หรือไม่ดู perspective หลายๆด้านอย่างรอบคอบ เปรียบเสมือนถ้าคุณกำลังจะตัดสินใจซื้อบ้านหลังนึง ที่ถ้าคุณตัดสินใจซื้อ คุณต้องเข้าไปอยู่อย่างน้อย 5-10 ปี แต่คุณไม่ขึ้นไปดูชั้นสอง หรือคุณไม่เข้าไปดูห้องนอน คุณจะตัดสินใจรอบคอบได้อย่างใร? ผมไม่ได้สนับสนุนการมีอะไรปุบปับกับใครโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง โดยไม่ใช้เวลาดูให้ดีๆนะครับ ผู้หญิงทุกคนก็ควรใช้เวลาดูผู้ชาย ว่า intentions ของผู้ชายจริงๆคืออะไร ชอบจริงรึเปล่า เพราะผู้ชายก็มีไม่น้อยที่หวังฟันแล้วทิ้ง (โดยเฉพาะพวกที่ชอบพูดประมาณว่า “ถ้ารักจริงๆต้องมีอะไรกัน” - พวกเนี้ยหวังฟันอย่างเดียวเล้ยยย) นี่ยังไม่ได้พูดถึงประเด็นที่ว่า sex ทั้งสนุกทั้งมันส์และเป็นเครื่องมือกระชับความสัมพันธ์ที่ดีมากอย่างนึง แหะๆ 😛 แต่ถ้ามีอะไรกับใคร ก็ควรป้องกันใส่ถุงยาง กินยาคุมเสมอนะครับ

อยากจะเคลียร์ด้วยนะครับว่า ผมไม่ได้ว่าผู้หญิงคนไหนที่ตัดสินใจสงวนตัวสำหรับแต่งงาน นั่นก็เป็นสิทธิ์ เป็น choice ของเค้า แต่ผมไม่ได้คิดว่าเค้าดีกว่าผู้หญิงที่เลือกที่จะไม่สงวนตัว และผมคิดว่าการมีอะไรกันก่อนแต่งงานมี benefits มากกว่าการไม่มี

iii) ผู้หญิงที่มีเพศสัมพัทธ์กับผู้ชายที่ไม่ได้จริงจังด้วย หรือเคยมีประสบการณ์มาพอควร - เท่าที่เห็นมานะครับ สังคมไทยโดยส่วนรวม มองผู้หญิงที่มีประสบการณ์ด้าน sex หรือผ่านผู้ชายมาหน่อยแล้ว ในทางที่ค่อนข้างไม่ดีเป็นอย่างมาก ส่วนตัวผมและคนส่วนใหญ่ที่ผมได้เจอได้รู้จักในสังคมตะวันตก มองว่านี่เป็นความคิดที่ค่อนข้างล้าหลัง คือนี่มันสมัยใหนแล้ว ผู้หญิงอยากจะทำอะไร อยากจะมี sex กับใคร ก็เรื่องของเค้า บางคนอาจจะสงวนตัวกว่าคนอื่น ก็เป็นสิทธิ์ เป็น choice ของเค้า sex สนุกและมันส์จะตาย เค้าจะทำกิจกรรมอย่างว่าก็ไม่เห็นแปลก ความคิดที่ว่าผู้หญิงที่บริสุทธิ์ ไม่เคยมี sex มาก่อน "ดี" กว่าผู้หญิงที่มีประสบการณ์ ทั้งๆที่ผู้ชายสามารถเร่ร่อนมีอะไรไปทั่วได้ มันทั้งไม่ยุติธรรมและกดขี่ผู้หญิง และมีส่วนที่ปักหลักกับความคิดในอดีตที่ว่าความบริสุทธิ์ของผู้หญิงมันแปรเป็นเงินหรือ ‘value’ (ในรูปแบบของสินสอด) ได้โดยตรง ซึ่งเป็นความคิดที่ล้าหลังมาก โดยส่วนตัว ผมคิดว่าผู้ชายคนใหนที่บอกว่าชอบผู้หญิงที่บริสุทธิ์ ไม่เคยมีอะไรมาก่อน เคยมีอะไรกับเค้าคนเดียว ควรระวังใว้ให้ดีนะครับ เพราะผู้ชายแบบนี้มีแนวโน้มที่จะมีความคิดค่อนข้างกดขี่ผู้หญิง/patriachal หรือ possesive หรือ treat ผู้หญิงเหมือน commodity อันนึง

และในประสบการณ์ส่วนตัวผม จริงๆผมชอบผู้หญิงที่มีประสบการณ์ในด้านนี้มากกว่าเยอะ เพราะเค้าจะเข้าใจความรู้สึก เข้าใจความชอบของตัวเองดีกว่าเยอะ และเรื่องบนเตียงก็สนุกมันส์กว่าเยอะ แหะๆ เอาจริงๆการที่ได้เจอใครที่เข้าขากันได้ในเรื่องเพศสัมพันธ์ มันเป็นอะไรที่วิเศษ ที่ special มากจริงๆเลยครับ ไม่ไช่อะไรที่ควรมองข้ามว่าไม่สำคัญ

แต่ก็เกริ่นนะว่าถ้าผู้หญิงที่มีประสบการณ์มากๆ แบบผ่านผู้ชายมา 10-20+ คน ตัวผมเองก็เริ่มลังเลนิดนึง ไม่ใช่เพราะเค้าไม่สงวนตัวนะครับ แต่เพราะกลัวเรื่องโรค STDs หรือเค้าอาจจะมีปมหรือมีปัญหาอะไรเกี่ยวกับนิสัยที่ทำให้ได้เลิกกับผู้ชายมาหลายคนหรือที่ทำให้ได้ผ่านผู้ชายมาเยอะ

iv) ความสบาย -> ความสุข - ผมไม่รู้ว่ามันอาจจะเป็นเพราะว่าสังคมไทยที่ผมอยู่ หรือสังคมบนพันทิปที่ได้เห็น แต่ผมรู้สึกว่าเดี๋ยวนี้คนหลายคนเสาะหาความสุขโดยการเสาะหาความสบาย คนหลายคนคิดว่าพอสบายแล้ว ความสุขก็จะตามมา ตัวอย่างที่ผมเห็นบ่อยที่สุดที่ reflect ความคิดนี้คือ วิธีที่คนหลายคนตัดสินใจเลือกแฟนหรือเลือกคู่แต่งงานด้วย
เห็นบ่อยมากเลยครับ ข่าวเกี่ยวกับผู้หญิงในวงการบันเทิง หรือบนพันทิป หรือแม้แต่เพื่อนคนไทยคนใกล้ตัวผม ที่เลือกหาคู่ หาผู้ชาย โดยใช้เงินหรือฐานะเป็นตัววัด เป็น factor หลักในการตัดสินใจ ความคิดส่วนใหญ่จะดำเนินประมาณนี้:

ถ้าเรามีแฟนหรือสามีที่รวยและมีฐานะ -> เราจะได้กินอาหารหรูหรา ได้ไปเที่ยวต่างประเทศ ได้อยู่ในบ้านใหญ่ๆ ได้ชอปปิ้งซื้ออะไรที่อยากได้ -> ชีวิตสบาย -> ความสุขปรากฎ

ผมคิดว่านี่เป็นความคิดที่ค่อนข้าง materialistic และไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ เพราะความคิดอย่างนี้ปักหลักอยู่กับ idea ว่า ความสบาย = ความสุข
ในความคิดผม ผมคิดว่าความสุขที่แท้จริงมาจากสองสิ่งหลักๆ นั่นก็คือ: 1) การทำความดี เสียสละ ช่วยเหลือ มีเมตตาแก่ผู้อื่น และ 2) การ challenge ตัวเอง คอยเติบโตไม่หยุดนิ่ง

... (ต่อด้านล่างนะครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่