ต้องบอกว่าไม่ได้เป็นแฟนคลับของ The Conjuring แต่ก็ชอบทั้งภาค 1 และ 2
แอนนาเบลนั้นไม่ได้ดู เพราะช่วงนั้นไม่ค่อยว่าง คงต้องไปตามเก็บดูอีกที
แรกเห็นโปรเตอร์ The Nun ก็จำตัวละครนี้ได้ทันที ว่าเอาแล้วมี spin-off อีกแล้วหลังจาก
แอนนาเบล คราวนี้ที่จริงก็ไม่ได้กะจะไปดู เพราะพอมีลูกเล็ก โอกาสจะได้ดูหนังก็ต้องเป็น
พวกหนังบันเทิงๆ เท่านั้น หนังผีไม่ได้ดูแน่ๆ แต่บังเอิญวันนี้เอาโทรศัพท์ไปซ่อม แล้วก็ไปคนเดียว
ซึ่งก่อนหน้านั้นเห็นหลายกระแสบ่น The Nun แม้แต่ใน Box office mojo ก็มีฝรั่งบ่น
แต่ก็นั่นแหล่ะ ก็มีกระแสเสียงคนอีกฝั่งว่า หนังมันก็คุ้มเงินนะ ก็สนุกนะ เข้าข่าย
The Meg อีกแล้ว ที่สร้าง Hater ขึ้นมาเยอะ แต่หนังประสบความสำเร็จมาก ผมก็สนุกกับหนังด้วย
และพบว่า ที่หนังทำให้เกิด Hater ขึ้นมา เพราะหน้าหนังมันเป็นหนังฉลาม แต่แท้จริงแล้วมันเป็น
หนัง Monster ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่แฟนคอหนังฉลามจะผิดหวังกันไปหมด ส่วนผมนั้น มี 2 โหมด
ปรับตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนังฉลามหรือหนัง monster ผมโอเค
คราวนี้ก็เลยถือโอกาสพิสูจน์ The Nun ว่ามันจะเป็นยังไง ห่วย แบบที่เขาว่า หรือว่า
ก็สนุกดี แบบที่เขาว่าเช่นกัน
จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมผิดคาดคือ
การที่โดนแฟนๆ The Conjuring หลายคนสับๆๆ ตัวหนังนั้น จริงๆ แล้ว
ตอนที่ผมดู ผมก็รู้สึกว่านี่แหล่ะแนว The Conjuring ชัดๆ หนังคือไม่ได้น่ากลัวแบบบีบคั้น
สุดๆ และตัวเอกก็เดินเรื่องแนวๆ นี่แหล่ะ จริงๆ อาจจะขาดอารมณ์ความสิ้นหวังแบบหนังตัวหลัก
กับขาดข้อมูลที่หนังต้นฉบับที่เป็นนักล่าผีใส่ข้อมูลๆๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่เสมอ
แต่ตัวละครหลักของ The Nun ที่เป็นพระกับแม่ชีฝึกหัดจะไม่ค่อยมีอะไรมาเล่า
นั่นแหล่ะที่ทำให้รู้สึกด้อยกว่าหนังตัวหลัก แต่ถ้าจะออกมาเล่าๆๆ แบบนักปราบผี มันก็จะซ้ำน่ะสิ
ผมเข้าไปดูแบบไม่ค่อยคาดหวังเท่าไหร่ ซึ่งจุดเด่นมากๆ เลยคือ
นางเอกสวยครับ หนังเอานางเอกหน้าเด็กมาล่อตะเข้ดีมากๆ ซึ่งผม
บอกเลยว่า ถ้าคุณเป็นเกย์ หรือเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเซ็กซี่ หรือถ้าคุณเป็นผู้หญิง
ความสนุกของหนังจะ DROP ลงถึง 50%
อ่านมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งเข้าใจว่าหนังไม่สนุก คือมันสนุก และ
ถ้าคุณชอบตัวแม่ชี มันจะสนุกขึ้นไปอีก เพราะคุณจะจ้องหน้าแต่แม่ชีเด็ก ขอพูดกันอย่างงี้เลย
ซึ่งเอาจริงๆ ผมอ่านออกเลยว่า ผู้กำกับขายแม่ชีเด็กมากๆ close up สุดๆ ซึ่งขายกันชัดๆ
มากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ที่เคยดูมา อาจจะพอๆ กับที่ Jumanji 2 ขาย Karen Gillan
ดังนั้นจุดบอดที่คนดูจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้คือ 1) เป็นแฟนคอหนังสยอง 2) ไม่ได้จดจ่อกับแม่ชีเด็ก
แค่นั้นจริงๆ เลย สำหรับตัวหนัง ผมบอกได้เลยว่า มันไม่ใช่หนังสยองขวัญเท่าใดนัก
จริงๆ มันได้ฟีลของหนัง The Mummy ปี 1999 หนังพจญภัยอันนั้นของ Brendan Fraser ด้วยซ้ำ
แต่คนดูก็จะรู้สึกว่า ตัวละครอาจตายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงยังเป็นจุดที่ยังเป็นเรื่องของหนัง
สยองขวัญอยู่ บรรยากาศบางอย่างก็เหมือนหนังพจญภัย ดังนั้นหนังเรื่อง The Nun
จึงเหมือน combination ของหนังหลายๆ แบบ ต่างจากหน้าหนังที่น่าจะเป็นหนังสยองสุดๆ
จึงไม่แปลกที่คนที่ดูเสร็จจะพูดว่า "ไม่เห็นน่ากลัวเลยอ่ะ"
ส่วนคนดูฝรั่งก็จะเช่นกันว่า "There's only jump scares" ซึ่งผมอ่านเจอในเน็ต วันนี้ไปดูก็เจอ
ฝรั่งข้างๆ พูดแบบนี้เหมือนกัน
Boxofficemojo.com บอกว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา The Nun ทำไปได้ $22,370,000 ซึ่งก็น่าจะ
ทำเงินได้สูงสุดในกลุ่มหนัง The Conjuring ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ประการที่หนึ่งคือหนังมีกระแส
ประการที่สองคือ มุขของผู้สร้างที่ต้องการสร้าง Universe ของหนังสยองขวัญขึ้นมาแบบเดียวกับ
Marvel
ซึ่งถ้าเอาความสนุก ผมคิดว่าหนังคงทำเงินได้ไม่ยาก แล้วถ้าคุณเข้าไปดูแล้วโชคดี
คลิ้กกับนางเอก Taissa Farmiga หรือจะคลิ้กกับพระเอก Jonas Bloquet
คุณก็จะดูตามแบบเพลินๆ เพราะ ผกก.ก็ขายความสวยความหล่อของคนทั้งคู่น่ะแหล่ะ
แต่ตัวหนังน่ะ ก็พอใช้ได้เลยทีเดียว ดังนั้นๆ โดยรวมๆ ถึงพูดได้ว่ามันสนุก มันคุ้มเงิน
ต้องบอกอีกนิดว่า บทของ Jonas Bloquet ก็ไม่ต่างจากของ Brendan Fraser ใน Mummy
ด้วยซ้ำ คือมีบทพูดให้ติดตลก ตลกนี้แหล่ะที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า The Nun ไม่ใช่หนังคอสยองแท้ๆ
แต่เป็นหนัง hybrid กับหนังแนว The Mummy 1999 เสียด้วยซ้ำ ซึ่งผมถามหลายๆ คนก็ต้อง
บอกว่า The Mummy สนุก
The Nun น่ะสนุกแน่ แต่คุณต้องคลิ้กกับสิ่งที่มันเป็น ถ้าตามอารมณ์ผม ก็คือผมลุ้น
ตัวละครทั้งสามตัว ผมลุ้นให้ไม่มีใครตาย ซึ่งก็เหมือน The Conjuring หนังก็ยังประสบความ
สำเร็จตรงนี้อยู่ ส่วนความร้ายกาจของผี ก็ยังคงมีในสไตล์ๆ The Conjuring ซึ่งตัวผีก็ความเก่ง
ระดับเทพปีศาจ (ของฝรั่ง) ดังนั้นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์อะไรต่างๆ จะเว่อร์บ้าง อะไรบ้าง ก็ต้องยอมๆ
ไปตรงจุดนี้
ความรู้สึกกึ่งๆ รีวิวแบบนี้ผมเคยเขียนกับ The Meg ซึ่งบางที ต่อไปหนังอาจจะออก
ในแนว hybrid มากขึ้น คือเหมือนจะผสมๆ หลายๆ สไตล์เข้าด้วยกัน แล้วเน้นให้สนุกไว้ก่อน
ถ้าเป็นแนวเพลงก็เพลง Thriller ของ Michael Jackson ที่นักวิจารณ์เพลงยุคนั้น ไม่รู้ว่าควรจะ
จัดแนวเพลงว่าเป็นแนวอะไรกันแน่ เพราะมันเป็นเพลงแนวลูกผสม
สำหรับวันนี้ก็ถือว่าผมโชคดีที่ไปท้าพิสูจน์ดูเรื่อง The Nun เพราะรู้สึกฟินไปกับ
นางเอกทุกช็อต เรียกได้ว่าทุกช็อตจริงๆ แต่ตัวหนังก็ดี เพราะถ้าหนังห่วย นางเอกจะดูดี
แค่ไหนมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ซึ่งในส่วนการแสดง ผมว่า Taissa Farmiga เล่นใช้ได้ดีเลยทีเดียว
ในการแสดงออกโดยการส่งสายตา ใช้สีหน้าท่าทางเล็กๆ น้อยๆ แต่ได้อารมณ์ดี
ถ้าให้คะแนนก็ประมาณ 3 / 5 ไม่ใช่หนังที่พลาดไม่ได้
แต่ก็เป็นหนังที่ไม่ได้รู้สึกเสียเวลาไปดูแต่อย่างใด
The NUN หนังไม่ขอเอาใจคอสยองขวัญ แต่ก็สนุกแบบสนุกๆ (จะพูดยังไงดี)
แอนนาเบลนั้นไม่ได้ดู เพราะช่วงนั้นไม่ค่อยว่าง คงต้องไปตามเก็บดูอีกที
แรกเห็นโปรเตอร์ The Nun ก็จำตัวละครนี้ได้ทันที ว่าเอาแล้วมี spin-off อีกแล้วหลังจาก
แอนนาเบล คราวนี้ที่จริงก็ไม่ได้กะจะไปดู เพราะพอมีลูกเล็ก โอกาสจะได้ดูหนังก็ต้องเป็น
พวกหนังบันเทิงๆ เท่านั้น หนังผีไม่ได้ดูแน่ๆ แต่บังเอิญวันนี้เอาโทรศัพท์ไปซ่อม แล้วก็ไปคนเดียว
ซึ่งก่อนหน้านั้นเห็นหลายกระแสบ่น The Nun แม้แต่ใน Box office mojo ก็มีฝรั่งบ่น
แต่ก็นั่นแหล่ะ ก็มีกระแสเสียงคนอีกฝั่งว่า หนังมันก็คุ้มเงินนะ ก็สนุกนะ เข้าข่าย
The Meg อีกแล้ว ที่สร้าง Hater ขึ้นมาเยอะ แต่หนังประสบความสำเร็จมาก ผมก็สนุกกับหนังด้วย
และพบว่า ที่หนังทำให้เกิด Hater ขึ้นมา เพราะหน้าหนังมันเป็นหนังฉลาม แต่แท้จริงแล้วมันเป็น
หนัง Monster ดังนั้นจึงไม่แปลกใจที่แฟนคอหนังฉลามจะผิดหวังกันไปหมด ส่วนผมนั้น มี 2 โหมด
ปรับตัวเองได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นหนังฉลามหรือหนัง monster ผมโอเค
คราวนี้ก็เลยถือโอกาสพิสูจน์ The Nun ว่ามันจะเป็นยังไง ห่วย แบบที่เขาว่า หรือว่า
ก็สนุกดี แบบที่เขาว่าเช่นกัน
จริงๆ แล้วสิ่งที่ผมผิดคาดคือ
การที่โดนแฟนๆ The Conjuring หลายคนสับๆๆ ตัวหนังนั้น จริงๆ แล้ว
ตอนที่ผมดู ผมก็รู้สึกว่านี่แหล่ะแนว The Conjuring ชัดๆ หนังคือไม่ได้น่ากลัวแบบบีบคั้น
สุดๆ และตัวเอกก็เดินเรื่องแนวๆ นี่แหล่ะ จริงๆ อาจจะขาดอารมณ์ความสิ้นหวังแบบหนังตัวหลัก
กับขาดข้อมูลที่หนังต้นฉบับที่เป็นนักล่าผีใส่ข้อมูลๆๆ ทำให้เรารู้สึกเหมือนมีอะไรอยู่เสมอ
แต่ตัวละครหลักของ The Nun ที่เป็นพระกับแม่ชีฝึกหัดจะไม่ค่อยมีอะไรมาเล่า
นั่นแหล่ะที่ทำให้รู้สึกด้อยกว่าหนังตัวหลัก แต่ถ้าจะออกมาเล่าๆๆ แบบนักปราบผี มันก็จะซ้ำน่ะสิ
ผมเข้าไปดูแบบไม่ค่อยคาดหวังเท่าไหร่ ซึ่งจุดเด่นมากๆ เลยคือ
นางเอกสวยครับ หนังเอานางเอกหน้าเด็กมาล่อตะเข้ดีมากๆ ซึ่งผม
บอกเลยว่า ถ้าคุณเป็นเกย์ หรือเป็นผู้ชายที่ชอบผู้หญิงเซ็กซี่ หรือถ้าคุณเป็นผู้หญิง
ความสนุกของหนังจะ DROP ลงถึง 50%
อ่านมาถึงตรงนี้ อย่าเพิ่งเข้าใจว่าหนังไม่สนุก คือมันสนุก และ
ถ้าคุณชอบตัวแม่ชี มันจะสนุกขึ้นไปอีก เพราะคุณจะจ้องหน้าแต่แม่ชีเด็ก ขอพูดกันอย่างงี้เลย
ซึ่งเอาจริงๆ ผมอ่านออกเลยว่า ผู้กำกับขายแม่ชีเด็กมากๆ close up สุดๆ ซึ่งขายกันชัดๆ
มากกว่าหนังเรื่องอื่นๆ ที่เคยดูมา อาจจะพอๆ กับที่ Jumanji 2 ขาย Karen Gillan
ดังนั้นจุดบอดที่คนดูจะไม่ชอบหนังเรื่องนี้คือ 1) เป็นแฟนคอหนังสยอง 2) ไม่ได้จดจ่อกับแม่ชีเด็ก
แค่นั้นจริงๆ เลย สำหรับตัวหนัง ผมบอกได้เลยว่า มันไม่ใช่หนังสยองขวัญเท่าใดนัก
จริงๆ มันได้ฟีลของหนัง The Mummy ปี 1999 หนังพจญภัยอันนั้นของ Brendan Fraser ด้วยซ้ำ
แต่คนดูก็จะรู้สึกว่า ตัวละครอาจตายได้ทุกเมื่อ ดังนั้นจึงยังเป็นจุดที่ยังเป็นเรื่องของหนัง
สยองขวัญอยู่ บรรยากาศบางอย่างก็เหมือนหนังพจญภัย ดังนั้นหนังเรื่อง The Nun
จึงเหมือน combination ของหนังหลายๆ แบบ ต่างจากหน้าหนังที่น่าจะเป็นหนังสยองสุดๆ
จึงไม่แปลกที่คนที่ดูเสร็จจะพูดว่า "ไม่เห็นน่ากลัวเลยอ่ะ"
ส่วนคนดูฝรั่งก็จะเช่นกันว่า "There's only jump scares" ซึ่งผมอ่านเจอในเน็ต วันนี้ไปดูก็เจอ
ฝรั่งข้างๆ พูดแบบนี้เหมือนกัน
Boxofficemojo.com บอกว่าวันศุกร์ที่ผ่านมา The Nun ทำไปได้ $22,370,000 ซึ่งก็น่าจะ
ทำเงินได้สูงสุดในกลุ่มหนัง The Conjuring ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด ประการที่หนึ่งคือหนังมีกระแส
ประการที่สองคือ มุขของผู้สร้างที่ต้องการสร้าง Universe ของหนังสยองขวัญขึ้นมาแบบเดียวกับ
Marvel
ซึ่งถ้าเอาความสนุก ผมคิดว่าหนังคงทำเงินได้ไม่ยาก แล้วถ้าคุณเข้าไปดูแล้วโชคดี
คลิ้กกับนางเอก Taissa Farmiga หรือจะคลิ้กกับพระเอก Jonas Bloquet
คุณก็จะดูตามแบบเพลินๆ เพราะ ผกก.ก็ขายความสวยความหล่อของคนทั้งคู่น่ะแหล่ะ
แต่ตัวหนังน่ะ ก็พอใช้ได้เลยทีเดียว ดังนั้นๆ โดยรวมๆ ถึงพูดได้ว่ามันสนุก มันคุ้มเงิน
ต้องบอกอีกนิดว่า บทของ Jonas Bloquet ก็ไม่ต่างจากของ Brendan Fraser ใน Mummy
ด้วยซ้ำ คือมีบทพูดให้ติดตลก ตลกนี้แหล่ะที่พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า The Nun ไม่ใช่หนังคอสยองแท้ๆ
แต่เป็นหนัง hybrid กับหนังแนว The Mummy 1999 เสียด้วยซ้ำ ซึ่งผมถามหลายๆ คนก็ต้อง
บอกว่า The Mummy สนุก
The Nun น่ะสนุกแน่ แต่คุณต้องคลิ้กกับสิ่งที่มันเป็น ถ้าตามอารมณ์ผม ก็คือผมลุ้น
ตัวละครทั้งสามตัว ผมลุ้นให้ไม่มีใครตาย ซึ่งก็เหมือน The Conjuring หนังก็ยังประสบความ
สำเร็จตรงนี้อยู่ ส่วนความร้ายกาจของผี ก็ยังคงมีในสไตล์ๆ The Conjuring ซึ่งตัวผีก็ความเก่ง
ระดับเทพปีศาจ (ของฝรั่ง) ดังนั้นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหาริย์อะไรต่างๆ จะเว่อร์บ้าง อะไรบ้าง ก็ต้องยอมๆ
ไปตรงจุดนี้
ความรู้สึกกึ่งๆ รีวิวแบบนี้ผมเคยเขียนกับ The Meg ซึ่งบางที ต่อไปหนังอาจจะออก
ในแนว hybrid มากขึ้น คือเหมือนจะผสมๆ หลายๆ สไตล์เข้าด้วยกัน แล้วเน้นให้สนุกไว้ก่อน
ถ้าเป็นแนวเพลงก็เพลง Thriller ของ Michael Jackson ที่นักวิจารณ์เพลงยุคนั้น ไม่รู้ว่าควรจะ
จัดแนวเพลงว่าเป็นแนวอะไรกันแน่ เพราะมันเป็นเพลงแนวลูกผสม
สำหรับวันนี้ก็ถือว่าผมโชคดีที่ไปท้าพิสูจน์ดูเรื่อง The Nun เพราะรู้สึกฟินไปกับ
นางเอกทุกช็อต เรียกได้ว่าทุกช็อตจริงๆ แต่ตัวหนังก็ดี เพราะถ้าหนังห่วย นางเอกจะดูดี
แค่ไหนมันก็ช่วยอะไรไม่ได้ ซึ่งในส่วนการแสดง ผมว่า Taissa Farmiga เล่นใช้ได้ดีเลยทีเดียว
ในการแสดงออกโดยการส่งสายตา ใช้สีหน้าท่าทางเล็กๆ น้อยๆ แต่ได้อารมณ์ดี
ถ้าให้คะแนนก็ประมาณ 3 / 5 ไม่ใช่หนังที่พลาดไม่ได้
แต่ก็เป็นหนังที่ไม่ได้รู้สึกเสียเวลาไปดูแต่อย่างใด