แนวทาง และข้อสงสัย สำหรับคนอยากเริ่มต้นจัดฟัน (เคสของผมเองครับ)

สำหรับคนที่อยากเริ่มจัดฟัน เชื่อว่าต้องมีคำถามข้อสงสัยมากมายที่อยากรู้ ผมก็เพิ่งจะเริ่มจัดฟันเหมือนกัน เลยอยากจะมาแชร์ต่อประสบการณ์การเบื้องต้นในการเริ่มจัดฟันให้คนที่กำลังจะเริ่ม แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง ราคาประมาณไหน มาบอกต่อกันครับ ^^

ขั้นตอนที่ 1 ต้องคิดให้ดีๆก่อนเลยครับ ว่าอยากจัดฟันเพราะอะไร เพราะฟันมีปัญหาจริงๆ จัดเพื่อให้ฟันสวยขึ้น หรืออยากจัดเพราะเอาสวยงามตามแฟร์ชั่น ข้อแรกผมอยากให้คิดเยอะๆเลยครับ เพราะนอกจากราคาจะไม่ใช่เบาๆแล้ว ยังต้องต้องทนเจ็บในบางช่วง ทนลำบากในการทานอาหาร ความสุขในการทานลดลงจริงๆครับ เพราะหลายๆอย่างที่เหนียวและแข็ง แน่นอนว่าไม่ควรเสี่ยงทาน เพราะเหล็กหรือแบ็คเก็ตอาจจะหลุดได้ ต้องรักษาความสะอาดมากขึ้น ต้องถอนฟันดีๆทิ้งไปหลายซี่ หรือบางเคสอาจไม่ต้องถอนเลย คำถามเหล่านี้จะเจอตอนพบหมอครั้งแรกครับ ว่าเพราะอะไรถึงอยากจัด ถ้าตรวจแล้ว ฟันไม่ได้มีปัญหาอะไรจริงๆก็อย่าจัดดีที่สุดครับ

ขั้นตอนที่ 2 ศึกษา หาดูรีวิวแต่ละคลีนิคให้ดีก่อน ดีที่สุดครับ เพราะต่างหมอก็ต่างเทคนิค ต่างระยะเวลาในการจัด ต่างการบริการ ต่างความละเอียด ต่างราคา อันนี้ขึ้นอยู่กับผู้จัดเลือกเองเลยครับ ดูไว้สัก 2-3 คลีนิค เอาไว้เป็นตัวเลือกให้ตัวเอง เพราะการจัดแต่ละเคส นานครับ

ขั้นตอนที่ 3 เมื่อเลือกคลีนิคได้แล้ว ข้อมูล ราคา เบอร์โทร และเงินพร้อม โทรนัดเลยครับ เพราะบางคลีนิค คิวยาวมากกกก อาจต้องรอราวปี แต่ถ้ารอไม่ไหว ก็ลองติดต่อจองอีกคลีนิค ที่เป็นตัวเลือกรองลงมาไว้ด้วยก็ดี

ขั้นตอนที่ 4 เมื่อถึงวันนัดเข้าไปพบแพทย์ แพทย์จะถามคำถามแบบขั้นตอนที่ 1 แล้วตรวจช่องปาก บอกถึงปัญหาช่องปากเบื้องต้นของเรา ว่าต้องแก้ไขตรงไหนอะไรบ้าง ถ้าเรายังยืนยันจะทำ หมอก็จะทำการเอ็กซเรย์ (ของผมส่วนนี้มีค่าใช้จ่าย 1000บาท ) หลังจากนั้นผมนั่งรอสักครู่ หมอก็เรียกไปอีกรอบ และตรวจอย่างละเอียดพร้อมดูฟิล์มเอ็กซเรย์ คราวนี้หมอจะบอกปัญหาอย่างชัดเจน ว่าเราต้องเคลียร์อะไรบ้าง ต้องใช้เวลาโดยประมาณกี่ปี แนวทางรักษายังไง อย่างเคสของผมคือ ขูดหินปูน อุด 5 ซี่ ถอน 6 ซี่ ผ่าฟันคุด 2 ซี่.. เยอะพอสมควร !! (ขั้นตอนการเคลียช่องปากนี้ราคาจะไม่ทราบแน่นอนครับ เพราะแต่ละคนมีปัญหามากน้อยต่างกันไป) หลังจากแพทย์บอกถึงปัญหาช่องปากและสิ่งที่ต้องทำแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับเราแล้วครับ ว่าเลือกจะจัดมั้ย เพราะบางคนเจอปัญหาช่องปากเยอะ อาจจะต้องรักษารากฟันบ้าง ใส่หมุดจัดฟันบ้าง ทำครอบฟันบ้าง ขั้นตอนพวกนี้จะมีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น จะเลือกไม่ไปต่อก็ยังทัน ถ้าเลือกจะไปต่อ หมอก็จะทำการ พิมพ์ฟัน ซึ่งใช้อะไรนุ่มนิ่มคล้ายๆดินน้ำมันเลย ซึ่งผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร มาครอบตรงฟันบนและกรามเกือบจะถึงคอ ทิ้งไว้พักนึงแล้วดึงออกมา แล้วก็ทำเหมือนเดิมอีกครั้งกับฟันล่าง (ขั้นตอนนี้ของผม 1000 บาท)
ขั้นตอนที่ 5 หลังจากผ่านการเอ็กซเรย์ พิมพ์ฟัน หมอจะถามว่าจะเคลียร์ช่องปากที่คลีนิคนี้ หรือไปเคลียร์ช่องปากที่อื่น (ถ้าใครใช้สิทธิ์ บัตรทองก็แนะนำไปโรงพยาบาลสิทธิ์ครับ ฟรี !! ประหยัดไปเยอะ แต่คิวจะยาวและช้า) ของผมนั้นเลือกไปที่อื่นครับ เพราะคลีนิคที่เลือกจัดราคาค่อนข้างสูง ซึ่งผมมีแค่สิทธิ์ประกันสังคม สามารถเบิกค่าทำฟันได้แค่ปีละ 900 บาท หลังจากนั้นหมอก็จะเขียนใบส่งตัวมาให้ ผมทำกับอีกคลีนิคซึ่งราคาเบากว่า ของผม
-ขูดหินปูน 350 (ขั้นตอนนี้รู้สึกเสียวๆจี๊ดๆ น้ำเต็มปาก อยากจะอ๊วกมากครับ 555)
-อุด 5 ซี่ ซี่ละ 350 =1750 บาท (ตอนอุดจะเสียวจี๊ดๆตอนหมอกรอฟันครับ)
-ถอนหลังเขี้ยว 4 ซี่ ซี่ละ350=1400บาท
-ถอนกรามซี่ใน 2 ซี่บน ซี่ละ 500=1000บาท (อันนี้ไม่เจ็บครับ เพราะฉีดยาชา เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา)
-ส่วนผ่าฟันคุด ของผมเป็นเคสยากเพราะอยู่ใกล้เส้นประสาทมาก หมอคลีนิคนี้ไม่รับทำ เลยต้องไปอีกคลีนิคที่เฉพาะทางและราคาสูงขึ้นมาอีก ข้างล่างซ้าย 2500 บาท ข้างล่างขวา ลึกไปอีกเลยแพงกว่าคือ 3000 บาท (ขั้นตอนนี้อ้าปากนานเมื่อยปากมากครับ ไม่เจ็บเพราะมียาชา แต่รู้สึกดึงๆกระแทกๆตอนหมอทำ หลังจากหมดยาชา ปวดมาก ) แนะนำว่าถ้าไม่อยากปวด ก็เริ่มทานยาตั้งแต่ยาชาใกล้หมดฤทธิ์เลย + ประคบน้ำแข็งบ่อยๆ ของผมแก้มบวมนิดหน่อยจนแทบดูไม่ออกว่าบวม เพราะเป็นคนหน้าเล็กอยู่แล้ว หลังจากนั้น 1 สัปดาห์ หมอจะนัดไปตรวจแผลครับ ถ้าไม่มีการอักเสบ แผลเริ่มหาย ก็จะทำการตัดไหมที่เย็บออกให้ แต่ถ้าอักเสบเป็นหนอง ก็จะต้องระบายหนองออก ล้างแผล จ่ายยารักษากันต่อไป
ขั้นตอนที่ 6 เมื่อเคลียร์ช่องปากครบแล้ว คิดว่าหายเจ็บหายปวด พร้อมไปต่อแล้วก็ทำการโทรนัดหมอเพื่อติดอุปกรณ์เลยครับ ของผมคือ ครั้งแรกติดอุปกรณ์บน 6000 บาท ระหว่างทำหมอก็จะดูฟิล์มเอ็กซเรย์ไปด้วย อาจจะดูว่าฟันแต่ละซี่เอียงไปทางไหน สังเกตเห็นจากการติดแบ็กเก็ตครับ จะติดไปตามการเอียงของรากฟัน เพื่อปรับให้ฟันอยู่ในระนาบเดียวกันก่อน (ตอนแรกผมคิดว่าหมอติดเอียง 55) —- ขั้นตอนการติดไม่เจ็บนะครับ ^^ แต่หลังจากติดจะรู้สึกดึงๆ ตึงๆ บ้าง เดือนแรกนี่คือ ลวดจะเป็นเส้นเล็กๆนะครับ
   เดือนที่สอง ติดเครื่องมือล่างครับ 6000 บาท ลวดเส้นเล็กเหมือนเดิม อารมณ์เดิมครับ แค่ตึงๆ ไม่เจ็บ  แถมของผมแบ็กเก็ตบนหลุด 1 ตัว หมอไม่ได้คิดค่าปรับอะไรเพิ่มครับ ก็ติดให้ใหม่ ส่วนฟันยังไม่ค่อยมีความเปลี่ยนแปลงใดๆ
   เดือนที่สาม ก็ยังคง 6000 บาท ลวดขนาดเท่าเดิม แต่ฟันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงชัดเจน หมอเลยบอกว่า จะปรับลวดให้ตึงขึ้นนะ จะปวดขึ้นหน่อยนึง แล้วก็ปวดจริงๆครับ ปวดนิดนึง แต่ปวดตลอดเวลาเลย จะปวดอยู่ประมาณสัปดาห์แรกครับ
   เดือนที่สี่ เดือนล่าสุดของผมจ่าย 1000 บาท ฟันมีการเรียงตัวชัดเจน แบ็กเก็ตบนซี่เดิมหลุดอีกแล้ว หมอก็ติดให้ใหม่ ไม่มีการปรับเงินเพิ่มใดๆ คราวนี้ใช้ลวดขนาดใหญ่ขึ้นครับ ใส่เชนดึงเขี้ยวบนกับฟันกรามในสุด ทั้งซ้ายขวา หมอบอกว่าเขี้ยวจะเคลื่อนห่างออกจากฟันหน้านะครับ (อาการหลังจากนั้นคือ ปวดหนักครับ ทั้งปากเลย อาจจะเพราะลวดเส้นใหญ่ขึ้น+เชน แรงดึงเลยเยอะ)

อาหารสำหรับคนจัดฟัน
-ช่วงเคลียช่องปาก ช่วงนี้คือผ่านการถอน การผ่า แน่นอนว่ากินได้แต่อาหารนิ่มๆครับ แรกๆถอนก็อาศัยข้าวต้ม โจ๊ก แต่ผมเป็นคนผอม กลัวผอมไปกว่าเดิม ก็จะโดฟพวกนมถั่วเหลือง ไข่ลวกเพิ่ม เพราะกลัวจะผอมไปกว่าเดิม พอแผลเริ่มหาย ก็คือเริ่มทานข้าวได้ แต่จะเป็นกับข้าวพวก ไข่ ปลา แกงจืดหมูสับ อะไรที่เคี้ยวง่ายๆเป็นหลักก่อนครับ
-ช่วงติดอุปกรณ์ หรือปรับลวดมาใหม่ๆ ก็จะมีอาการตึงๆปวดๆ แต่ก็ไม่ถึงกับทานยากแบบช่วงเคลียร์ ก็จะทานข้าวกับเมนูไข่ ปลา แกงจืด เพราะถ้าเคี้ยวอะไรเหนียวๆช่วงแรกปรับลวด จะรู้สึกเจ็บครับ เพราะยังคงตึงอยู่ จะเป็นแค่ประมาณสัปดาห์แรก
-ช่วงหลังจากปรับลวด อันนี้คือช่วงที่เราหายปวดหายตึง คือผ่านไป 7-10 วัน อย่าชะล่าใจว่าทานอะไรก็ได้นะครับ เพราะผมนี่คือเต็มที่กับการกินมาก กัดปูม้าดังแป๊กๆ แบบคนฟันดียังอาย ผลไม้พวกแข็งๆแบบฝรั่ง พวกถั่วลิสง ทอด อบ คือเสี่ยงที่ลวดหรือแบ็กเก็ตจะหลุดมากครับ ผมนี่หลุดบ่อยมาก เพราะพอรู้สึกไม่ปวดก็จะกินทุกสิ่งเหมือนคนไม่ได้จัดฟันเลย หมูกระทะชาบูอะไรงี้ กินคนอ้วนนี่อายไปเลยครับ 555 เพราะแต่ละคลีนิคมีกฎต่างกันไปครับ บางที่นี่แบ็คเก็ตหลุดจะมีค่าปรับซี่ละ 200-500 ของผมยังไม่เคยโดนปรับเลยยังได้ใจกับการกินอยู่(การหลุดบ่อยๆอาจทำให้ฟันเข้าที่ช้าและฟันอาจเคลื่อนผิดไปจากแผนการรักษา อันนี้หมอบอกมา)

การดูแลรักษาความสะอาด
-ช่วงเคลียร์ช่องปาก หลังจากถอน+ผ่า เราจะมีแผลเป็นหลุมโบ๋เลยครับ ซึ่งเศษอาหารจะลงไปติดง่ายมาก ถ้ายิ่งแผลยังไม่หายดีจะเสี่ยงต่อการอักเสบเป็นหน่อง ช่วงนี้จะแนะนำให้แปรงฟันหลังจากทานอาหารเสร็จ ผมใช้แปรงเด็กนิ่มๆแปรงครับช่วงนี้ เพราะเหงือกระบมมาก แปรงปกติรู้สึกเจ็บ แปรงค่อยๆช้าๆอย่าโดนแผล อาศัยบ้วนน้ำผสมเกลือบ่อยๆ เพื่อเป็นการล้างแผลและไม่ให้เศษอาหารลงไปติดในหลุม พกกระจกไว้ตลอดครับ ไว้เช็คดู ถ้ามันติดบ้วนไม่ออก ก็ต้องหาซื้อพวกหลอดฉีดยา ฉีดน้ำเข้าไป เพื่อไม่ให้มีเศษอาหารติด (หลุมแผลจะค่อยๆตื้นขึ้นและเติมจนเต็มหลังจากผ่านไป 2-3 เดือน ถ้ามีปุ่มขาวๆงอกที่เหงือกบริเวณแผล อย่าไปยุ่งกับมันครับ เพราะนั่นคือมันกำลังสร้างเหงือกใหม่ อันนี้ผมก็ตกใจตอนเป็น เลยโทรกลับไปถามหมอ)
-ช่วงติดอุปกรณ์แล้ว ช่วงนี้คือมีลวดมีแบ็กเก็ตในปาก เศษอาหารติดตรึมเลยครับ ส่วนตัวผมอาศัยไม้จิ้มฟันก่อน เขี่ยๆเศษอาหารที่เห็นออกก่อน แล้วไปบ้วนบากตามจนรู้สึกว่าเศษอาหารหมด แล้วก็แปรงฟันปกติด้วยแปรงจัดฟัน แต่แปรงนานขึ้นครับ ทุกวันนี้แปรงฟันนานกว่าอาบน้ำอีก 555 ทำแบบนี้วันละสามครั้งหลังมื้ออาหารครับ และงดทานอาหารจุกจิกระหว่างวันครับ จะทานก็ต่อเมื่อหลังมื้ออาหาร แล้วทำความสะอาดทีเดียวไปเลย ก่อนนอนจะใช้แปรงขัดซอกฟันขัดตามร่องแบ็กเก็ต เพราะสังเกตเห็นว่ามันจะมีคราบเหลืองตรงซอกแบ็กเก็ต ซึ่งมันคือจุดที่แปรงเข้าไม่ถึง แล้วใช้ไหมขัดฟันนิดหน่อยเท่าที่จะขัดได้เพราะมีเส้นลวดบังอยู่ เลยสอดไหมเข้าไปได้แค่พอประมาณ แล้วตามด้วยน้ำยาบ้วนปาก (อาจจะดูเยอะ แต่ตอนนี้ตั้งแต่ขูดหินปูนเคลียร์ช่องปาก ถึงปัจจุบัน 8 เดือนแล้ว หมอบอกยังไม่มีหินปูนเลย ซึ่งปกติหมอจะนัดขูด 6 เดือนครั้ง หมอเลยชมว่าดูแลดีมาก ให้ทำแบบนี้ต่อไป )

สรุปค่าใช้จ่ายของผม 3 ในตอนนี้
-ช่วงเริ่ม พิมพ์ฟัน+เอ็กซเรย์ = 2000 บาท
-ช่วงเคลียร์ช่องปาก 10000 เป๊ะ !! เบิกประกันสังคมได้ 900 = 9100 บาท
-ติดอุปกรณ์ 3 ครั้งแรก 6000*3= 18000บาท
หลังจากนั้น เดือนละ 1000 (อีกกี่ปีไม่รู้)
รวมทั้งหมดตอนนี้ 30100 บาท
อย่างที่บอกครับ ใครจะจัดฟัน ศึกษาคลีนิค และตรวจสอบราคาให้ดี ต่างคลีนิค ต่างแนวทางการรักษา ค่าใช้จ่าย ถูกแพงต่างกันไป แล้วแต่โปรของแต่ละที่ ค่าเคลียร์ช่องปากก็ต่างกันตามปัญหาช่องปากแต่ละคน และสำคัญคือห้ามขี้เกียจรักษาความสะอาด เพราะถ้าขี้เกียจ อาจมีฟันผุเพิ่มระหว่างการจัด อาจจะต้องเสียเงินเพิ่มในการอุด หรือถ้าต้องถอนระหว่างการจัด แนวทางการรักษาก็จะเปลี่ยนไปอีก ระยะเวลาก็ต้องยืดไปอีก
#ปล มาบอกไว้เป็นแนวทางครับ เพราะตอนนี้ผมจนมาก 55 ความคิดเห็นหรือคำพูดถูกผิดขออภัยไว้ด้วยนะครับ ^^
ท้ายนี้ทิ้งรูป 4 เดือนที่ผ่านมาไว้ให้นะครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่